ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2257 ก็ไปด้วยกัน
ตูมมมม!
คนของเผ่าคำสาปเหล่านั้นร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ ราวกกับหินอุกกาบาตสีดำที่ตกลงมาจากฟากฟ้าก็มิปาน
“รีบถอยเร็วเข้า!”
เนื่องจากความสามารถของคนที่ถูกโจมตีจนร่วงลงมาทั้งสองคนนั้นแข็งแกร่งมากเกินไป จึงไม่มีผู้ใดกล้าอยู่ใกล้รอบ ๆ บริเวณนั้นเลย
ตูมมม!
พื้นดินที่ถูกพุ่งชนปรากฏเป็นหลุมลึกขึ้นมา และสีหน้าของมู่หลินหลางก็เปลี่ยนไปมากในทันที นางตะโกนว่า “นายท่าน! พวกท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
เมื่อเห็นพวกเขาถูกโจมตี ภายในใจของมู่เฉียนซีก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง สมควรโดนแล้วล่ะ!
พรวดดดด!
พวกเขาค่อย ๆ ปีนป่ายขึ้นมาจากหลุมลึกทีละคนด้วยความอับอาย พรวด! และทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
พลังแห่งชีวิตได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายที่ไร้ชีวิตของพวกเขา เมื่อพลังทั้งสองขั้วที่ไม่สามารถเข้ากันได้มาปะทะกัน มันจึงทำให้พวกเขาได้รับความทรมานจนแทบจะหมดสติเลยทีเดียว
ไอ้เจ้าไม้เทพแห่งชีวิตที่น่ารังเกียจนี่ ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บจนได้
“องค์หญิงหลินหลาง พวกข้าต้องการรักษาอาการบาดเจ็บ! เจ้าให้คนของเจ้าคุ้มครองพวกข้าด้วย จากนั้นก็ให้คนอื่น ๆ ไสหัวออกไปให้หมด”
เพียงแค่คิดว่าเจ้าพวกมดปลวกเหล่านี้ได้เห็นสภาพที่จนตรอกของพวกเขา คนของเผ่าคำสาปเหล่านี้ก็ไม่อาจควบคุมจิตสังหารของตนเองได้อีกต่อไป และอยากที่จะใช้วิชาคำสาปกำจัดพวกเขาให้สิ้นซากไปเสียจริง ๆ
แต่ทว่าตอนนี้ทำไม่ได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงไม่อาจใช้วิชาคำสาปได้ มีแต่ต้องทนเอาไว้ก่อนเท่านั้น!
“เจ้าค่ะ นายท่าน! นายท่านโปรดวางใจ พวกเราจะไม่ยอมให้มีผู้มารบกวนท่านแน่นอน”
ยอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวงได้ให้คนของเผ่าคำสาปนั้นอยู่ตรงกลางเพื่อปกป้อง และหลังจากนั้นก็คุ้มกันพวกเขาอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าพวกสารเลวนั่นยังไม่ยอมแพ้สินะ คิดว่าหลังจากฟื้นตัวแล้วค่อยต่อสู้อีกครั้งอย่างนั้นหรือ? แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยังมีเวลาอยู่อีกไหม”
ตำหนักเทพแห่งชีวิตที่อยู่กลางอากาศเริ่มเลือนรางมากขึ้นทุกทีแล้ว หากมันหายไปอย่างสมบูรณ์แล้วละก็คงยากที่จะหามันเจอเป็นแน่ ซึ่งคนของเผ่าคำสาปก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนเองแข่งกับเวลา
คราวหน้า พวกเขาต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ข้าอยากจะไปลองดู! พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”
“ไม่ได้!” สีหน้าของพวกจูเชว่เปลี่ยนไปมากทันที ขนาดความสามารถของคนจากเผ่าคำสาปที่อยู่ในจุดสูงสุดของแดนซวนเทียนแล้ว ยังถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บเลย และหากนางไปไม่เท่ากับว่าไปตายเลยอย่างนั้นหรือ?
จิ่วเยี่ยคว้านางมากอดแน่นไว้ในอ้อมแขนพลางกล่าวว่า “ข้าก็จะไปด้วย! พลังแห่งชีวิตนั่นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
“แต่ข้าไม่วางใจนี่!”
“ข้าก็ไม่อาจปล่อยเจ้าไปคนเดียวได้เหมือนกัน”
เมื่อเห็นว่าตำหนักเทพแห่งชีวิตใกล้จะหายไป มู่เฉียนซีก็เริ่มร้อนรน นางกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะไม่ลองไปดูก็ไม่ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไปด้วยกันเถอะ!”
หากพลาดไม้เทพแห่งชีวิตไปแล้ว เช่นนั้นคำสาปนี้ของจิ่วเยี่ยที่ถึงแม้ว่าจะรู้วิธีแต่ก็ไม่อาจแก้ไขมันได้อยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงมากเพียงใด และย่อมไม่ดีไปกว่าตอนนี้แน่นอน!
เช่นนั้นตอนนี้ ก็ไม่สู้ไปด้วยกันนี่แหละ!
จิ่วเยี่ยเห็นมู่เฉียนซีต้องการที่จะเข้าไปอย่างไม่ลังเล และเขาก็รู้ว่าไม่อาจขัดขวางได้ เว้นแต่ว่าต้องบีบบังคับเท่านั้น ทว่าเขาก็กลัวนางจะโกรธจนลงมือทำไม่ได้อยู่ดี
“เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน!”
“เจ้าซ่อนตัว ข้าจะไปอย่างเปิดเผย ไปกันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยซ่อนร่างกายของเขาเอาไว้ ส่วนความเร็วของมู่เฉียนซีก็รวดเร็วมาก และถึงพวกของจูเชว่อยากที่จะเข้าไปขวางก็เปล่าประโยชน์
ซวนอู่คว้าตัวจูเชว่ที่คิดจะพุ่งตัวเข้าไปแล้วกล่าวว่า “แม้แต่ตัวพวกเขาด้วยกันเองก็ยังไม่สามารถขัดขวางกันและกันได้เลย ถึงพวกเราจะพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี! สำหรับพวกเขาแล้วไม้เทพแห่งชีวิตนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็สำคัญถึงขนาดที่ว่าต้องเอามาให้ได้ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
จูเชว่ก็หมดปัญญาแล้วเช่นกัน ขนาดท่านอ๋องจิ่วเยี่ยที่ซีซีใส่ใจมากเป็นพิเศษ เป็นคนที่นางรักอย่างลึกซึ้งที่สุด เขายังไม่สามารถขวางซีซีเอาไว้ได้เลย ฉะนั้นพวกเขาไม่มีทางทำได้จริง ๆ
“นั่นคือมู่เฉินซี!”
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานออกไปทางตำหนักเทพแห่งชีวิตนั้น ซึ่งมันก็ทำให้เหล่าผู้คนประหลาดใจเป็นอย่างมาก และแววตาของมู่หลินหลางก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมาทันที
“หากปล่อยให้มู่เฉินซีกลายร่างเป็นต้นไม้ประหลาดมันจะง่ายสำหรับนางมากเกินไปหน่อย ไปขวางนางเอาไว้ และเอาตัวนางมา ข้าต้องการให้นางมาตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าตอนที่นางยังคงมีสติดีอยู่ ข้าจะทำให้นางทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็นเอง” มู่หลินหลางกล่าวอย่างดุร้าย
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงาสองสามร่างเหล่านั้นทะลวงผ่านไปกลางอากาศที่ว่างเปล่าเพื่อไล่ตามมู่เฉียนซีไป
ในเวลานี้ทุกคนต่างก็เพิ่งจะมีการตอบสนอง และกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะพุ่งทะยานขึ้นไปเช่นนั้น แม้แต่นายท่านที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นยังถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลย คิดไม่ถึงเลยว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งอย่างนางจะหลงคิดว่าตนเองสามารถเปิดประตูแห่งชีวิตได้ ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!”
“มีพรสวรรค์ที่ดีถึงขนาดนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเช่นนี้
“เป็นคนต้องรู้จักเจียมตัว ถึงไม้เทพแห่งชีวิตจะเป็นของดีมากเพียงใด แต่ก็ต้องคำนึงถึงความสามารถของตัวเองด้วยสิ!”
“ดูสิ! คนของราชวงศ์ตงหวงเริ่มลงมือแล้ว หรือว่าพวกเขาต้องการที่ช่วยมู่เฉินซีอย่างนั้นหรือ?”
อย่างไรก็ตาม ตอนที่พวกเขาเห็นคนเหล่านั้นกำลังลงมือกับมู่เฉียนซี ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาคิดมากเกินไป เพราะเมื่อพิจารณาดูแล้วคาดว่าน่าจะใช้โอกาสนี้ในการจับตัวมู่เฉียนซีไป เพื่อชำระความแค้นก่อนหน้านี้เสียมากกว่า!
เมื่อศัตรูไล่ตามเข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีก็ได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาอย่างกะทันหัน และระยะห่างของนางก็เข้าใกล้รอบนอกอาณาเขตแห่งความตายของตำหนักเทพแห่งชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“มู่เฉินซี เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“มู่เฉินซี!”
“……”
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังเข้าไปใกล้อาณาเขตแห่งความตายนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราก็เริ่มร้อนรนมากยิ่งขึ้นทันที พวกเขาไม่อาจทำหน้าที่ที่ฝ่าบาทหลินหลางมอบให้พวกเขาล้มเหลวได้
และในตอนที่ใกล้จะถึงขอบของอาณาเขตแห่งความตาย ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้าใกล้มู่เฉียนซีได้แล้ว
“ดูท่าแล้วมู่เฉียนซีจะต้องถูกจับได้เป็นแน่!”
“จับได้ก็ดีเหมือนกัน! จะได้ไม่ตายเร็วมากเกินไปนัก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! มู่เฉินซี ดูสิว่าเจ้าจะหนึไปทางไหนได้?” เมื่อเห็นว่าใกล้จะทำภารกิจที่ฝ่าบาทหลินหลางมอบให้สำเร็จแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ
แต่ทว่าเขาที่ใกล้จะมีความสุขสุดขีดก็ทุกข์ระทมขึ้นมาทันตา เพราะมีพลังที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันได้ผลักเขาเข้าไปในอาณาเขตแห่งความตายเสียก่อน และมันก็ทำให้สีหน้าของเขาซีดเผือด จบสิ้นแล้ว!
และเมื่อร่างของมู่เฉียนซีสั่นไหวเล็กน้อย นางก็พุ่งทะยานเข้าไปในอาณาเขตแห่งความตายอย่างไม่ลังเลเลยแม้สักนิดเดียว
ผู้คนในเวลานี้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้พร้อมแล้ว เนื่องจากพวกเขามั่นใจว่าจะต้องมีการโจมตีจากสัตว์ประหลาดต้นไม้ถึงสองตัวเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน เพียงแค่ตัวเดียวก็ทำให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินแล้ว ตอนนี้สอง…
“อ๊ากกก!” มีเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ยอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวงผู้นั้นรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังจะถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ ก็มิปาน หลังจากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
แต่สิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจก็คือ มู่เฉียนซีไม่เป็นอะไรเลย นอกจากนี้ยังเดินตรงไปยังประตูแห่งชีวิตนั้นอย่างง่ายดายอีกด้วย!
เหตุผลที่ทำให้มู่เฉียนซีประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ เป็นเพราะนางใช้วิธีเดียวกันกับผู้ชายจากเผ่าคำสาปเหล่านั้น นางใช้พลังคำสาปสกัดกั้นพลังแห่งชีวิตเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีพลังแห่งชีวิตไหลทะลักเข้าไปในร่างกายของนาง ควบคุมนาง และทำให้นางต้องกลายพันธุ์!
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสที่ถือไม้เท้าอยู่ก็ลืมตาขึ้น และกล่าวอย่างดุดันว่า “บัดซบ! คิดไม่ถึงเลยว่านางเด็กสาวนั่นจะเป็นนักเล่นคาถาอาคม!”
มู่หลินหลางกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “นายท่าน ท่านน่าจะเข้าใจผิดแล้ว มู่เฉินซีจะเป็นนักเล่นคาถาอาคมไปได้อย่างไรกัน? นางเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีพรสวรรค์เป็นจอมภูตพลังธาตุคู่เท่านั้นเอง”
นักเล่นคาถาอาคมที่ถือไม้เท้ากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ตาบอด คิดว่าข้าจะไม่เห็นพลังคำสาปบนร่างกายของนางหนูน้อยนั่นอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนจากเผ่าของเราหลุดรอดอยู่ข้างนอกเช่นนี้จริง ๆ”
ไม่ใช่เพราะนักเล่นคาถาอาคมไม่รู้สึกถึงพลังคำสาปนั้น แต่นักเล่นคาถาอาคมกลับสามารถรู้สึกถึงพลังคำสาปนั้นได้อย่างชัดเจนเลยต่างหาก
มู่หลินหลางตะลึงงันไปทันที คิดไม่ถึงว่ามู่เฉินซีจะเป็นคนของเผ่าคำสาป นอกจากนี้เผ่าคำสาปยังเป็นเผ่าโบราณในตำนานที่มีพลังเหนือกว่ากองกำลังระดับห้ามากอีกด้วย
หากมู่เฉินซีมีตัวตนในระดับนี้ และคนของเผ่าคำสาปไม่ช่วยพวกเขาจัดการนาง แต่กลับช่วยนางจัดการราชวงศ์ตงหวงขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?
ทันทีที่คิดได้เช่นนี้ มู่หลินหลางนึกกลัวขึ้นมาภายหลังอยู่ครู่หนึ่ง จะยอมให้มันเป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
.