ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2258 นางอยากเจอเจ้า
นักเล่นคาถาอาคมที่ถือไม้เท้ากล่าวว่า “พวกเราไปดูกันเถอะ ดีกว่ามานั่งรักษาบาดแผลอยู่ตรงนี้! ลองไปดูว่านางเด็กเร่ร่อนนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ขอรับ!”
เพียงแต่ในตอนที่พวกเขากำลังพุ่งทะยานเข้าไป กลับต้องเจอกับการโจมตีของสัตว์ประหลาดต้นไม้เสียก่อน
ผู้อาวุโสที่ถือไม้เท้ากล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ไสหัวไปซะ!”
ปัง ปัง ปัง!
แต่ทว่าสัตว์ประหลาดต้นไม้นี้ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด มันทำได้แค่โจมตีคนอย่างไม่เลือกหน้าเท่านั้น ฉะนั้นย่อมไม่เข้าใจคำพูดของพวกเขาอยู่แล้ว
นักเล่นคาถาอาคมถือไม้เท้าพลางกล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า “ลงมือพร้อมกัน ทำลายมันทิ้งไปซะ!”
ในตอนที่พวกเขากำลังปะทะอยู่กับสัตว์ประหลาดต้นไม้นั้น ในเวลานี้มู่เฉียนซีก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูแห่งชีวิตแล้ว และตอนนี้นางก็ได้เก็บพลังคำสาปทั้งหมดของนางกลับไป
หากนางเป็นไม้เทพแห่งชีวิตละก็ คงจะไม่มีทางอนุญาตให้พลังที่มืดมนมาสัมผัสกับประตูแห่งชีวิตได้อย่างแน่นอน
แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีเก็บพลังคำสาปไปแล้วกลับมีพลังแห่งชีวิตอันท่วมท้นไหลทะลักเข้าไปภายในร่างกายของนาง ถึงแม้ว่าร่างกายของนางจะผ่านการฝึกฝนด้วยอสนีบาตมาจนแข็งแกร่งมากแล้ว แต่มู่เฉียนซีในเวลานี้ก็ยังหน้าซีดเผือดด้วยความทรมานอยู่ดี
วิธีการของมู่เฉียนซีทำให้ผู้อาวุโสถือไม้เท้าคนนั้นไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า “นางเด็กน้อยนั่นคิดจะฆ่าตัวตายหรืออย่างไร? คิดไม่ถึงเลยว่าในเวลาเช่นนี้ยังจะเก็บพลังคำสาปที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันไว้คอยประคับประคองไปเสียได้!”
“ซี!” เสียงที่เคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ข้ายังทนได้ จิ่วเยี่ยเจ้าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม”
มู่เฉียนซียืนมือออกไป พันธสัญญาของนางกับชิงอิ่งทำให้สามารถรวบรวมร่องรอยพลังแห่งชีวิตที่ชิงอิ่งหลงเหลือเอาไว้ได้ ดังนั้นในตอนที่สัมผัสกับประตูบานนี้ก็มีเสียงสะท้อนดังกึกก้องไปทั่วตำหนักเทพแห่งชีวิตแห่งนี้
ด้วยเหตุนี้ทำให้นางไม่จำเป็นต้องออกแรงใด ๆ เลย เพราะในทันทีที่นางสัมผัสประตูบานนี้ มันก็เปิดออกในทันที
ทันใดนั้น พลังชีวิตที่ถูกไม้เทพแห่งชีวิตปลอดปล่อยออกไปทั่วโลกได้ถูกมันเรียกคืนกลับมา และทั้งหมดนั้นก็ทะลักเข้าไปในประตูแห่งชีวิตบานนั้น!
ทุกคนต่างจ้องมองฉากนี้ด้วยความตื่นตะลึง “คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะสามารถเปิดประตูแห่งชีวิตได้!”
“สมแล้วที่มู่เฉินซีเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของราชวงศ์ตงหวง นางช่างเป็นคนที่โชคดีมากจริง ๆ! แม้แต่ไม้เทพแห่งชีวิตยังเลือกให้นางเป็นคนเปิดประตูแห่งชีวิตเลย”
“……”
สีหน้าของมู่หลินหลางเผยร่องรอยของความโกรธเคืองออกมา “ทำไมต้องเป็นมู่เฉินซีด้วย ทำไมต้องให้มู่เฉินซีเป็นคนเปิดประตูแห่งชีวิตด้วย!”
พวกเขาเกือบทุกคนล้วนเห็นว่าพลังพื้นฐานของมู่เฉียนซีไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไรนัก แต่การที่ประตูแห่งชีวิตเปิดออก นอกจากจะเป็นเพราะไม้เทพแห่งชีวิตยอมรับมู่เฉินซีแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นที่สามารถอธิบายได้อีก
“ไปเถอะ!” ถึงผู้อาวุโสที่ถือไม้เท้าจะประหลาดใจเล็กน้อยที่ประตูแห่งชีวิตถูกเด็กสาวคนหนึ่งเปิดออกได้ แต่เวลานี้สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการเข้าไปในตำหนักเทพแห่งชีวิตให้เร็วที่สุดต่างหาก!
“รีบไปเร็วเข้า! ประตูเปิดออกแล้ว พลังแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งนั่นก็ไม่มีแล้ว พวกเราสามารถเข้าไปใกล้ตำหนักเทพแห่งชีวิตได้แล้วล่ะ และอาจจะเข้าไปในตำหนักเทพได้ด้วยก็เป็นได้!”
ทุกคนต่างพุ่งทะยานไปทางประตูแห่งชีวิตนั้นอย่างตื่นเต้น และทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยร่างเงาของมนุษย์ที่กำลังทะยานเข้ามาจนแน่นขนัดไปหมด!
ในเมื่อประตูเปิดออกแล้ว แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่พวกเขาก็ไม่อาจที่จะพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้เด็ดขาด
ทุกคนต่างพากันเดือดพล่านขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็มีพลังดึงดูดอันแข็งแกร่งแผ่ขยายออกมาจากภายในประตูแห่งชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยากจะเข้าไปในตำหนักเทพแห่งชีวิตด้วยความสมัครใจ หรือว่าลังเลที่จะสมัครใจเข้าไป ล้วนถูกลากเข้าไปข้างในประตูแห่งชีวิตด้วยการครอบงำของพลังนี้ทั้งสิ้น
“อ๊ากกก!” มีผู้คนมากมายรู้สึกราวกับว่าวิงเวียน ขณะที่ถูกลากเข้าไป
ในเวลานี้ คนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึงแล้ว “ดูเหมือนว่าข้าจะมาสายไปสักหน่อยนะ! ไปกันเถอะ!”
หลังจากที่ถูกลากเข้าไปในประตูแห่งชีวิตแล้ว ก็ได้บังเอิญเจอกับมู่หลินหลางพอดี และมู่หลินหลางก็เริ่มโจมตีเข้ามาอย่างดุดันทันที “มู่เฉินซี เจ้าไปตายซะเถอะ!”
พลังธาตุทั้งสองชนิดได้จู่โจมเข้าใส่มู่เฉียนซีทันที มู่เฉียนซีจึงใช้พลังธาตุวายุและอัคคีในการโต้กลับเช่นกัน แม้ว่าบริเวณโดยรอบจะไม่ค่อยเสถียรมากเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาของมู่เฉียนซีแต่อย่างใด!
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีของมู่หลินหลางได้อย่างง่ายดายมาก แต่ทว่าทางมู่หลินหลางกลับไม่ได้โชคดีนัก เพราะนางต้องตีลังกาอยู่กลางอากาศหลายตลบกว่าที่จะทรงตัวได้
“มู่หลินหลาง ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แล้วนี่เอง นี่เจ้ากินยากระตุ้นการเติบโตอย่างนั้นหรือ? แต่ดูจากการที่เจ้ามาลงมือที่นี่ เหมือนจะไม่ค่อยฉลาดเท่าไรเลยนะ” มู่เฉียนซีรู้สึกว่าการที่นางทนไม่ไหวจนต้องลงมือก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเช่นกัน อย่างน้อยก็ทำให้นางได้รู้ข้อมูลของมู่หลินหลางชัดเจนยิ่งขึ้น
หลังจากการประลองฝีมือกันครั้งล่าสุดยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่ามู่หลินหลางกลับเปลี่ยนจากผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งไปถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าราชวงศ์ตงหวงได้ใช้ความพยายามกับนางเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
มู่หลินหลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่เฉินซี คราวที่แล้วเจ้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่ง และตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่! คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่พัฒนาไปเลยแม้แต่น้อย นี่เจ้าคงจะอิจฉาที่ข้าเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วอย่างนั้นสินะ?”
“มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่อิจฉาการเลื่อนขั้นเช่นนี้ของเจ้า!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“เจ้ารนหาที่ตายนัก!”
มู่หลินหลางระเบิดการโจมตีที่รุนแรงออกมาพร้อมกัน และพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ก็โจมเข้าใส่มู่เฉียนซีราวกับคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำอย่างไรอย่างนั้นเลย
ปังง!
เนื่องจากแรงในการโจมตีที่สะสมไว้ เป็นผลให้นางถูกพลังดูดออกไปจากตำแหน่งเดิมพอดี ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงแต่อย่างใด เพราะการโจมตีของมู่หลินหลางไม่สามารถทำอันตรายนางได้นั่นเอง
มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาตรงมุมปากของมู่เฉียนซี นางกล่าวว่า “มู่หลินหลาง ถึงจะดูเหมือนว่าเจ้าจะโชคดี แต่เจ้ากำลังจะโชคร้ายแล้วล่ะ!”
ด้วยการใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา จึงทำให้มู่เฉียนซีเข้าใกล้มู่หลินหลางได้อย่างรวดเร็ว!
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เสถียรเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ยังคงสามารถต่อสู้กับศัตรูได้อย่างนิ่งสงบ อีกทั้งยังมีโชคที่ดีมากอีกด้วย แต่ทางด้านของมู่หลินหลางถึงจะมีพลังที่สูงกว่าแต่ก็ไม่มีความได้เปรียบใด ๆ เลยอยู่ดี
มู่เฉียนซีไล่ตามมู่หลินหลางไปอย่างไม่ลดละ และมู่หลินหลางก็เลือกที่จะหลบหลีกพลังอันแข็งแกร่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ปัง ปัง ปัง
อย่างไรเสียก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเข้าไปถึงข้างในตำหนักเทพแห่งชีวิตได้เมื่อไร มันจึงทำให้มู่เฉียนซีว่างมากจนสามารถมาวกกับข้างกายของมู่หลินหลางไม่มีผู้ช่วยได้พอดี ดังนั้นนางจึงทรมานมู่หลินหลางอย่างไม่คิดที่จะฟังอะไรทั้งสิ้น
ฉัวะ!
ร่างของมู่หลินหลางเต็มไปด้วยบาดแผล และเส้นผมที่ยุ่งเหยิงในตอนนี้ก็ทำให้นางเหมือนกับคนบ้าคนหนึ่งก็มิปาน
นางกัดฟันกรอดพลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
และในขณะนี้เอง แรงดึงดูดที่อยู่ภายในพื้นที่ก็ได้หายไป และพวกนางทั้งสองคนก็ตกลงมาจากฟากฟ้า
ในตอนที่ตกลงมาจากกลางอากาศ มู่เฉียนซีก็เห็นต้นไม้สีเขียวอ่อนขนาดมหึมาต้นหนึ่ง ตั้งตรงสูงตระหง่านเสียดฟ้า จนดูเหมือนกับทะลุขอบฟ้าไปอย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตอันแข็งแกร่ง ซึ่งมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในโลกของหงส์ต้นนั้นเสียอีก
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีแพร่กระจายออกมา หากต้องการที่จะรู้ให้แน่ชัดก็ต้องทำการสำรวจไม้เทพแห่งชีวิตนี้ก่อน และใต้ต้นไม้นี้ นางก็ได้เห็นร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
เขาพิงอยู่บนกิ่งไม้แห้งและกำลังหลับใหลอยู่ สายลมพัดผ่านเส้นผมสีดำขลับที่ปรกลงมาราวกับน้ำตกก็มิปานนั้นของเขา นอกจากนี้ยังมีใบไม้แห่งชีวิตร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ และลอยลงมากระทบใบหน้าที่งดงามน่าตรึงตาตรึงใจของเขาอีกด้วย
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย เป็นชิงอิ่ง ชิงอิ่งอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่คุ้นเคย คนที่หลับใหลอยู่ใต้ต้นไม้นั้นก็ลืมตาขึ้น จากนั้นก็กล่าวออกมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “เฉียน!”
เขาอยากที่จะพุ่งทะยานออกไป แต่กลับถูกม่านแสงสีเขียวอ่อนตรึงเขาเอาไว้ และเขาก็ไม่สามารถเดินออกมาจากอาณาเขตรอบต้นไม้เทพแห่งชีวิตได้เลย
“หากนางอยากเจอเจ้า เช่นนั้นก็ต้องมารอดูว่านางมีความสามารถพอที่จะเดินมาถึงที่นี่หรือไม่!” เสียงไม้เทพแห่งชีวิตดังออกมา น้ำเสียงของมันมีความคล้ายกับน้ำเสียงของชิงอิ่งเป็นอย่างมาก เพียงแต่เมื่อเทียบกับชิงอิ่งแล้วกลับให้ความรู้สึกที่เย่อหยิ่งและเย็นชามากกว่าหลายส่วนเลยทีเดียว
.