ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2267 ถูกทำให้หวาดกลัว
“มั่นใจแน่นอนอยู่แล้ว! เจ้าคงไม่คิดว่าข้าไห่หวงจะกลัวเขาหรอกใช่หรือไม่!” ตรีศูลโกรธเคืองขึ้นมาทันที และไห่หวงก็เป็นชื่อที่มันตั้งขึ้นมาให้ตนเองตามอำเภอใจ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าสู้กับมันก็แล้วกัน!”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา ทันใดนั้น ไห่หวงก็สัมผัสได้ถึงพลังธาตุอัคคีอันน่าสะพรึงกลัว และอยากที่จะวิ่งหนีไปให้ไกลอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบเลยทีเดียว
“อ๊ากกกก!”
มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมา
มันสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่กระหายเลือดของกระบี่เล่มนี้ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่พัดของธาตุวายุอันอ่อนปวกเปียกนั่นจะสามารถเทียบได้เลย นอกจากนี้มันยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อีกด้วย
ในบรรดามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ก็มีเพียงหนึ่งเดียวที่มีรูปร่างเหมือนกระบี่ ซึ่งนั่นก็คือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณผู้เป็นดาวสังหารกระหายเลือดนั่นเอง!
นี่มันเพิ่งจะพูดอะไรออกไปกัน? มันอยากที่จะดวลกับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณหรือ นั่นมันไม่ใช่การดวล แต่มันคือการรนหาที่ตายต่างหากล่ะ!
มันในตอนนี้กำลังสั่นสะท้านอย่างหนัก และแทบอดที่จะทำให้ตนเองกลายร่างเป็นปลาดาวไม่ไหวอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีเองก็ผงะไปครู่หนึ่งเช่นกัน เดิมทีคิดว่าเจ้าหมอนี่กล้าหาญมาก แต่ผลปรากฏว่ากลับหวาดกลัวแม้กระทั่งพิฆาตวิญญาณที่ตอนนี้กำลังจำศีลอยู่ จนกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียได้
หากในอนาคตพิฆาตวิญญาณตื่นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะตื่นตระหนกมากขนาดไหนกัน?
ในเมื่อมู่เฉียนซีเห็นว่าเจ้าหมอนี่หวาดกลัวมากถึงขนาดนั้นจริง ๆ นางก็ทำได้เพียงเก็บกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกลับไปในมิติเท่านั้น
หลังจากที่รอให้กลิ่นอายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ค่อย ๆ จางหายไปแล้ว ในที่สุดตรีศูลไห่หวงก็เริ่มสงบลง และมันก็กลับมาอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “คือว่า…คือว่าเจ้านายตัวน้อย ก่อนหน้านี้ข้าล่วงเกินท่านไปมาก ทะ…ท่านอย่าบอกนายท่านกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เด็ดขาดเลยนะ!”
เหมือนกับว่าชื่อเสียงอันชั่วร้ายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ได้ถูกสลักลงในกระดูกของมันอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งก็ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นอาวุธหลักของข้า ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เจ้ายังมีข้อโต้แย้งอะไรอีกหรือไม่?”
“ขะ…ข้าไม่มีข้อโต้แย้งอะไรเลยแม้แต่น้อย! ข้าเพียงแค่อยากจะติดตามเจ้า และออกไปจากที่นี่เพื่อดูโลกกว้าง เท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว หากเจ้านายไม่ชอบที่จะใช้ข้าและโยนทิ้งข้าไว้จนฝุ่นจับก็ไม่เป็นอะไร ข้าจะไปเทียบกับนายท่านกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้อย่างไรกันล่ะ?”
เมื่อตกลงกันได้แล้วมันก็โยนความเย่อหยิ่งของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสูงให้ไปเป็นอาหารสุนัขเสียเลย!
หลังจากที่ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ทำพันธสัญญากับตรีศูลไห่หวง
และตอนนี้ตรีศูลไห่หวงก็ใกล้ที่จะพังทะลายลงเต็มทีแล้ว นะ…นี่…
นี่จะทำให้มันกลัวจนจะตายไปเลยใช่หรือไม่?
เจ้านายนาง…นี่นางผูกพันธสัญญากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มากแค่ไหนกันแน่? กุ้งฝอยอย่างมันหวาดกลัวมากจริง ๆ นะ!
มันในตอนนี้กำลังอิจฉามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพนั่นเหลือเกินที่ไม่ได้สร้างภูตสถิตของตนเองออกมา และไม่ต้องมาแบกรับความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เอาไว้อีกด้วย
“เจ้าเป็นอะไรหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ขะ…ข้ามีความสุขมากจนเกือบที่จะหมดสติอยู่แล้วล่ะ เจ้านาย ฮืออออ!” ตรีศูลไห่หวงกล่าวพลางร้องไห้ออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไห่หวง ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า! ที่นี่มีไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีหรือไม่?”
“ไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีน่ะหรือ! เรื่องนี้มันง่ายนิดเดียว! ข้าสามารถทำมันออกมาเองได้ เพราะธาตุวารีของที่นี่มีพลังแห่งชีวิตเพียงพออยู่แล้ว เจ้านายท่านรอเดี๋ยวนะ!”
ในเมื่อได้รู้แล้วว่าเจ้านายของตนเองผู้นี้มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งความสามารถของพี่ใหญ่ทุกท่านก็ยังน่าสะพรึงกลัวเกินไปอีกด้วย แล้วมันจะกล้าละเลยเจ้านายได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้มันจึงทะยานขึ้นไปในอากาศ และพยายามอย่างหนักเพื่อรวบรวมธาตุวารีจนเริ่มก่อตัวเป็นไขวิญญาณ!
มันกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “เจ้านาย! ท่านเตรียมโอ่งใหญ่เอาไว้ได้เลย”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “โอ่งรึ!”
“หากไม่มีโอ่งละก็ เช่นนี้เตรียมอ่างไว้หลาย ๆ ใบหน่อยก็ได้!”
โม่ซวนและพรรคพวกต่างก็ตะลึงงันไปแล้วเช่นกัน นี่มันทำเหมือนไขวิญญาณแห่งชีวิตเป็นน้ำทั่วไปอย่างนั้นแหละ?
แต่ความจริงสำหรับไห่หวงแล้ว ไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีก็ไม่ได้แตกต่างไปจากน้ำมากเท่าไรนักหรอก
มู่เฉียนซีมีความสุขมากที่มีไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีมากมายขนาดนี้ แต่ในฐานะนักปรุงยาคนหนึ่ง นางไม่สามารถทนให้พืชวิญญาณฟ้าดินที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตถูกบรรจุลงในโอ่ง! หรืออ่าง! เช่นนี้ได้!
มู่เฉียนซีหยิบเอาขวดหยกออกมาหลายใบพลางกล่าวว่า “ใส่ไว้ในขวดหยกนี่ก็พอแล้ว”
“นี่มันมีขนาดเล็กแค่นี้เอง! มันคงเก็บได้ไม่มากเท่าไรนะขอรับ?”
“ข้ามีอยู่อีกมาก ฉะนั้นต้องใส่ลงในนี้เท่านั้น!”
“เอาตามที่เจ้านายพูดเลยขอรับ ไห่หวงน้อมรับคำสั่ง!”
ไห่หวงใช้พลังของตนเอง พยายามรวบรวมพลังธาตุวารีที่อยู่ที่นี่จนในที่สุดมันก็เปลี่ยนกลายเป็นไขวิญญาณ จากนั้นก็บรรจุลงในขวดหยกที่มู่เฉียนซีได้เตรียมเอาไว้ ซึ่งมันก็ค่อย ๆ เติมจนเต็มไปขวดแล้วขวดเล่า
นี่มันมีจำนวนมากกว่าตอนที่ใช้พลังของตนเองเก็บรวบรวมมาได้ก่อนหน้านี้เสียอีก แต่ไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีเหล่านี้ มู่เฉียนซีไม่ได้ถือว่ามันมากเกินไปเลย
หลังจากที่ไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีถูกบรรจุจนเต็มหนึ่งร้อยขวดแล้ว พลังของตรีศูลไห่หวงก็ถูกเผาผลาญไปจนเกือบหมดแล้วเช่นกัน
มันกล่าวว่า “ฮู้ว! เจ้านาย พอหรือไม่ขอรับ? ข้าต้องพักสักหน่อย หากไม่พอแล้วละก็ อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยมาเริ่มกันใหม่นะขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุวารีนี้เพียงพอแล้ว ข้ายังต้องไปหาไขวิญญาณแห่งชีวิตอีกสามชนิด มีไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุพฤกษา ไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีและไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุธรณี ฉะนั้นเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ!”
“ได้ขอรับ! หากเจ้านายต้องการสิ่งใดรีบบอกข้าได้เลยนะขอรับ!”
และตรีศูลไห่หวงก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป ส่วนโม่ซวนก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าพวกเขาจะสามารถรวบรวมมาได้อย่างราบรื่นถึงสามธาตุแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีออกมาจากวังบาดาลและเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง ก็สังเกตได้ว่ามีคนปิดกั้นบริเวณโดยรอบเอาไว้ และอยากที่จะรู้มากว่าผู้ใดกล้าทำเช่นนี้?
แม้ว่าองค์ชายสามมู่หงจือจะถูกตรีศูลไห่หวงทรมานจนน่าสังเวชเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีทางยอมปล่อยมู่เฉียนซีไปอย่างแน่นอน เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะเจอมู่เฉินซีในสถานการณ์ที่ดีที่รอบตัวของนางมียอดฝีมือไม่มากนักเช่นนี้ได้
หากสามารถกำจัดมู่เฉินซีได้ เช่นนั้นเขาจะต้องทำให้เสด็จพ่อและน้องสาวมองเขาใหม่ได้อย่างแน่นอน
องค์ชายสามส่งคนมาเฝ้าที่นี่เอาไว้ นอกจากนี้ยังหายอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวงที่อยู่รอบบริเวณได้จำนวนมากอีกด้วย
เขาวางแผนว่าหลังจากที่จัดการมู่เฉียนซีแล้ว ค่อยไปเก็บมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นนั้นอีกครั้ง!
และเขาก็คิดว่ามู่เฉินซีไม่มีทางสามารถเป็นเจ้านายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นนั้นได้อย่างแน่นอน!
ซ่าาา!
หลังจากที่องค์ชายสามเห็นมู่เฉียนซีและพรรคพวกขึ้นมาจากน้ำแล้ว เขาก็ส่งสัญญาณให้พวกเราล้อมรอบสถานที่แห่งนี้เอาไว้
แม้ว่าริมฝีปากของเขาจะยังคงบวมอยู่เล็กน้อย แต่มันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว จากนั้นเขาก็มองไปยังมู่เฉียนซีพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “มู่เฉินซี ตอนอยู่วังบาดาลเมื่อครู่นี้เจ้าทำร้ายข้าจนน่าสังเวชเช่นนี้ เจ้าก็คงจะคิดไม่ถึงว่าจะมีวันแบบวันนี้อย่างนั้นสินะ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คนอย่างเจ้านี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ สินะ! ล้มเหลวมาครั้งหนึ่งแล้วไม่ยอมจำเป็นบทเรียน คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้ามาหาเรื่องข้าอีก”
“มู่เฉินซี เจ้าแหกตาดูให้ดี ๆ ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณนี้ล้วนเป็นคนจากราชวงศ์ตงหวงของข้าทั้งนั้น เจ้าต้องตายแน่นอน”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วกล่าวว่า “เจ้าจะลองดูก็ได้นะ!”
“โจมตีซะ!”
เนื่องจากว่าองค์ชายสามนั้นบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ แต่ทว่าคนอื่นสามารถทำได้ ซึ่งพวกเขาก็ระเบิดทักษะวิญญาณธาตุต่าง ๆ ออกมา และพุ่งทะยานเข้าใส่มู่เฉียนซีและพรรคพวกทันที
สีหน้าของโม่ซวนมืดมนลงอย่างกะทันหัน คิดว่าจะรังแกพวกเขาได้ง่าย ๆ จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“ลงมือได้!”
ตูมมม!
มีเสียงระเบิดดังสั่นหวั่นไหวออกมา และกลุ่มคนทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันขึ้นมาทันที
ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมาย เพราะเมื่อเข้ามาเป็นเวลานานมากเท่าไร ก็ยิ่งมีคนที่ได้รับสมบัติมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดการแย่งชิงกันขึ้น
คนขององค์ชายสามมีจำนวนมาก ส่วนคนทางด้านหอหมอปีศาจมีจำนวนน้อยกว่ามาก ทว่าคนของหอหมอปีศาจทุกคนล้วนมีฝีมือในการใช้พิษเป็นอย่างดี เลยทำให้พวกเขารู้สึกว่ารับมือได้ค่อนข้างง่าย ฉะนั้นจึงไม่ได้เริ่มอย่างเสียเปรียบมากเท่าไรนัก!
แต่ทว่าอีกฝ่ายก็มีจำนวนคนมากกว่าอยู่ดี และหากยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ยอมกันเช่นนี้ต่อไป พวกเขาคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากเป็นแน่
ขณะนี้ภายในดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววมืดมนออกมา หากต้องการจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ นางจำเป็นต้องยืมคนจากองค์ชายสามคนหนึ่ง!
.