ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2282 ร่างเงาปรากฏ
นางรีบร้อนกระโจนออกมาจากกลางน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว และกลับมาเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีอีกครั้ง!
ตูมมม โครมม!
ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก เพราะคนที่นางพามาด้วยได้ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นแล้ว
เดิมทีแล้วนางอาศัยจำนวนคนที่มากกว่ารังแกมู่เฉียนซี แต่ทว่าตอนนี้ซวนอู่มีเงิน ส่วนมู่เฉียนซีก็มีดวงดาวแห่งชีวิต ฉะนั้นจึงทำให้มีคนช่วยเหลือพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ ทำให้เหล่าลูกน้องของนางถูกจัดการจนไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว
“ซีซี เจ้าลำบากมามากแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเอง! ข้าว่าตอนนี้นางแย่มากแล้วล่ะ” คนในชุดสีแดงเพลิงกล่าว และทันใดนั้นพลังธาตุอัคคีก็ได้ระเบิดขึ้นและพุ่งเข้าใส่มู่หลินหลางอย่าง งรวดเร็ว
เงาสีขาวสว่างวาบขึ้น ไป๋เจ๋อก็ลงมืออย่างดุเดือดเช่นกัน
ส่วนซวนอู่นั้นโหดเหี้ยมยิ่งกว่า เพราะเขาใช้ลูกคิดทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีเข้าที่ดวงตาของมู่หลินหลาง
มู่หลินหลางถูกโจมตีทั้งสี่ทิศทาง นางจึงรีบใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันปกป้องตนเองอย่างร้อนรน ทว่าการที่จะโต้กลับนั้น นางไม่สามารถเลยแม้แต่น้อย!
แม้ว่าคนของราชวงศ์เป่ยกงจะสามารถช่วยมู่เฉียนซีจัดการกับลูกน้องของมู่หลินหลางเหล่านั้นได้ แต่กลับไม่กล้าลงมือกับมู่หลินหลางอยู่ดี
ประการแรกเป็นเพราะความสามารถของมู่หลินหลางนั้นแข็งแกร่งมาก ประการที่สองอย่างไรเสียมู่หลินหลางก็เป็นถึงองค์หญิงของกองกำลังระดับห้าอย่างราชวงศ์ตงหวง ส่วนประการที่สามก็ เป็นเพราะนางคือพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทเป่ยกงนั่นเอง
แต่เพียงแค่พวกเขาทั้งสี่คนก็สามารถจัดการมู่หลินหลางได้อย่างเหลือเฟือแล้ว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นลงมือเลย
พรสวรรค์ของคุณชายโม่ซวน คุณชายจูเชว่และนายน้อยว่านซื่อก็ไม่ได้แย่นัก นอกจากนี้อายุก็ไม่ได้มากกว่าฝ่าบาทหลินหลางเท่าไรอีกด้วย
พวกเขารู้สึกว่าถึงแม้ว่าจะไม่มีมู่เฉินซีปรากฏตัวออกมา และหากทั้งสามท่านนี้ต้องการมีชื่อเสียงละก็ ชื่อของอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์ตงหวงที่มู่หลินหลางอยากได้คงจะมี ความเสี่ยงมากเช่นกัน!
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ฝ่าบาทหลินหลางก็เพิ่งจะบรรลุระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งได้ไม่นานนัก แต่ดูเหมือนว่าคุณชายทั้งสามท่านนี้จะบรรลุไปก่อนหน้านาง มานานมากแล้วด้วยซ้ำ
ซึ่งมู่หลินหลางก็รู้เรื่องนี้ดี ฉะนั้นนางจึงเกลียดชังเจ้าพวกนี้…
เจ้าพวกนี้จงใจที่จะซ่อนตัวจนยากที่จะรับมือได้ มิเช่นนั้นนางคงจะจัดการพวกเขาไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
นางเพียงแค่ประมาทเลินเล่อไปช่วงเวลาหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้พวกเขาเติบโตมาจนถึงขนาดนี้ได้!
ฉัวะ!
ภายใต้การร่วมมือกันโจมตีของพวกเขาทั้งสี่คน ถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันของมู่หลินหลางจะดีมากกว่านี้ แต่ก็ถูกตรีศูลไห่หวงของมู่เฉียนซีทำลายได้อยู่ดี
และถึงแม้ว่าในร่างกายของนางจะมีสมบัติป้องกันอื่นอยู่อีก ทว่าแต่ละชิ้นนั้นก็ไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพมากเท่าไรนัก ดังนั้นตอนนี้บาดแผลของมู่หลินหลางจึงสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ แ แล้ว
พรวดด!
มู่หลินหลางกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง และสีหน้านั้นก็ขาวซีดราวกับภูตผีก็มิปาน
ในตอนที่ตรีศูลไห่หวงของมู่เฉียนซีกำลังจะแทงเข้าที่ต้นคอของมู่หลินหลาง ทันใดนั้นนางก็คลี่ยิ้มออกมา
ผู้คนกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะกล้าฆ่าฝ่าบาทหลินหลาง! นางไม่กลัวราชวงศ์ตงหวงตามล่าไปจนตายอย่างนั้นหรือ?”
“องค์หญิงหลิงหลางกำลังยิ้มอะไรอยู่น่ะ? นะ…นางยิ้มอะไรอยู่กันแน่?” มู่เฉียนซีรู้สึกเย็บวาบขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าไม่สามารถสังหารมู่หลินหลางได้ เพราะนางมีจักรพรรดิตงหวงคอยคุ้มครองอยู่
ในตอนที่ปลายแหลมของตรีศูลไห่หวงกำลังจะแทงเข้าที่ต้นคอของมู่หลินหลาง มันกลับเบี่ยงไปแทงทะลุบ่าของนางแทน!
ฉัวะ!
มู่หลินหลางเจ็บปวดจนร่างสั่นเทา แต่ทันใดนั้นเองมู่เฉียนซีก็เห็นว่ามีร่างเงาสีดำปรากฏตัวขึ้นอยู่เบื้องหลังของนาง และพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็พัดโหมกระหน่ำเข้าใส่มู่เฉียน นซี
ในตอนนั้นเองมู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงที่อ่อนล้าของมู่หลินหลางกล่าวออกมาว่า “ไปตายซะ!”
“ซีซี!”
“มู่เฉินซี!”
พวกจูเชว่และซวนอู่รีบร้อนพุ่งทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนมู่เฉียนซีก็รีบถอยหลังและขวางพวกเขาเอาไว้พลางกล่าวว่า “พวกเจ้ารีบไปยืนอยู่ข้างหลังของข้าเร็ว!”
นางรวบรวมน้ำทะเลที่อยู่ข้างล่างให้ก่อตัวเป็นกำแพงขวางหน้าของนางเอาไว้ เพราะนางรู้ว่าคนผู้นี้คือใคร
“เฉียน!” ชิงอิ่งกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง
“ทะเลใต้แห่งชีวิต คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสิ่งนี้ปะปนอยู่ด้วย หลอกข้าจนได้สินะ” น้ำเสียงของไม้เทพแห่งชีวิตเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมาหลายส่วนเลยทีเดียว
ปัง!
ร่างเงาสีดำใช้การโจมตีที่รุนแรงเพื่อหมายจะปลิดชีพมู่เฉียนซี และไม่ยอมปล่อยให้มู่เฉียนซีหลบหลีกได้
สำแสงสีฟ้าอ่อนสร้างเป็นพื้นที่ป้องกันอย่างสมบูรณ์อยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และเมื่อการโจมตีของร่างเงาพุ่งเข้ามา มันก็ไม่ได้ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในพื้นที่ป้องกันเลยแ แม้แต่น้อย
ขวางเอาไว้ได้แล้ว!
พวกจูเชว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก และมู่เฉียนซีก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนในชุดดำผู้นั้น พลางกล่าวว่า “ข้าคำนวนผิดไปหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่าร่างเงาของเขาจะสามารถปะปนจนตามเข้ามาข้ างในนี้กับมู่หลินหลางได้”
มู่หลินหลางกล่าวอย่างน่าเวทนาว่า “ท่านเฟิง ท่านจะต้องทำลายเกาะป้องกันของมู่เฉินซี และช่วยข้าทำลายมู่เฉินซีให้ได้นะ”
ร่างเงาสีดำร่างนั้นไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้ ซึ่งมันก็ทำให้คนอื่น ๆ ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“นะ…นั่นคือเงาของตระกูลเฟิงไม่ใช่หรือ?”
“นั่นมันยอดเยี่ยมมากเลยมิใช่หรือ มันสามารถติดตามอยู่ข้างกายเจ้านายได้อย่างเงียบเชียบ และหากเจ้านายเกิดอันตรายก็จะปรากฏตัวออกมาเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ไปเสีย”
“ขะ…เขาคือร่างเงาของเฟิงอวิ๋นซิวอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เฟิงอวิ๋นซิว เพราะเฟิงอวิ๋นซิวเพิ่งจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสามารถของร่างเงานี้ไม่ใช่ ฉะนั้นเขาไม่ใช่ร่างเงาของ เฟิงอวิ๋นซิวแน่นอน!”
“หากไม่ใช่เฟิงอวิ๋นซิวแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ? หรือว่าตระกูลเฟิงยังมีผู้รอดชีวิตคนอื่นอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?”
แม้แต่คนของราชวงศ์เป่ยกงเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน “คิดไม่ถึงเลยว่าเงาของตระกูลเฟิงจะทรงพลังถึงเพียงนี้ได้ เดิมทีคิดว่ามู่เฉินซีน่าจะได้เปรียบ ดูท่าแล้วพวกเราจะประเมินคุณค่าของ มู่หลินหลางแห่งราชวงศ์ตงหวงต่ำเกินไปแล้วล่ะ”
ร่างเงาสีดำนั้นหยิบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชิ้นหนึ่งออกมา จากนั้นรวบรวมพลังอันแข็งแกร่งและพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง!
ปัง!
มีเสียงดังสนั่นกึกก้องออกมา
เขาแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “พลังในการป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ช่างน่าสนใจมากจริง ๆ แต่ข้าก็อยากจะลองดูว่า พลังป้องกันนี้ของเจ้าจะสามารถยืนหยัดไปได้ถึงเมื่อไรกัน?”
“ฝ่าบาทหลินหลาง ให้กระหม่อมรักษาบาดแผลของพระองค์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ร่างเงานั้นมองไปยังไปที่หน้าของมู่หลินหลางอย่างปวดใจ มู่หลินหลางพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ได้สิ! เช่นนี้ข้าต้องรบกวนท่านเฟิงแล้ว”
ร่างเงานั้นรักษาอาการบาดเจ็บให้มู่หลินหลางไปด้วย และฉวยโอกาสโจมตีเกาะป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งไปด้วย
“สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้ายังสามารถทนได้อยู่หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ที่นี่คือพื้นที่ของไม้เทพแห่งชีวิต ข้าจึงไม่สามารถย้ายซีเอ๋อร์ออกไปได้ แต่หากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพในมือของเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้หน่อยแล้วละก็ ข้าก็สามารถสกัดกั้น ไว้ได้แค่สามครั้งเท่านั้น…”
หลังจากร่างเงาสีดำนั้นรักษาอาการบาดเจ็บให้มู่หลินหลางเรียบร้อยแล้ว คนผู้นั้นก็กล่าวว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพขั้นสุดที่ฝ่าบาทได้รับตอนอยู่ในตำหนักเทพแห่งชีวิต ต แต่ว่าตอนนี้ความสามารถของพระองค์ยังไม่สามารถใช้มันได้ ฉะนั้นได้โปรดมอบให้กระหม่อนลองใช้ดูหน่อยว่าจะสามารถทำลายเกาะป้องกันนั้นได้หรือไม่”
“ตกลง! ขอเพียงสามารถจัดการมู่เฉินซีได้ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพขั้นสุดนี้จะไปสำคัญอะไรอีกล่ะ?” มู่หลินหลางกล่าวพลางจ้องเขม็งไปทางมู่เฉียนซี
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพขั้นสุดชิ้นนั้นคือขวานภูผาเปิดพิภพที่มีพลังอันไม่สิ้นสุด
ทว่าไม้เทพแห่งชีวิตกลับกล่าวขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงว่านางจะเก็บเจ้าขยะนี้มาจริง ๆ”
เนื่องจากว่าขวานภูผาเปิดชิ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตำหนักเทพแห่งชีวิตสร้างออกมา แต่มันคือสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้เอาไว้จากคนที่พยายามบุกเข้ามาข้างในนี้แต่ต้องพบความพินาศเมื่อน นานมาแล้ว
“มีปัญหาแล้วล่ะ! หากคนผู้นี้ทุ่มสุดกำลังแล้วละก็ ก็ไม่รู้ว่าการป้องกันของผู้พิทักษ์นิรันดร์นั้นจะสามารถสกัดกั้นไว้ได้กี่ครั้ง?” ไม้เทพแห่งชีวิตกล่าว
“ข้าต้องการจะไปช่วยเฉียน!”
เมื่อรับรู้ได้ว่ามู่เฉียนซีกำลังมีอันตราย ชิงอิ่งที่เงื่อนคลายก็ต้องการที่จะเคลื่อนไหวบ้างแล้ว
ตูมมม!
ไม้เทพแห่งชีวิตกล่าวว่า “นี่เจ้าเอาจริงอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นเช่นนั้นแล้วมันจะทำไมล่ะ?” และกำปั้นของชิงอิ่งก็ปะทะเข้ากับลำต้นที่แข็งแกร่งนั้นอีกครั้ง
และอีกด้านหนึ่งร่างเงาสีดำได้หยิบเอาขวานภูผาเปิดออกมา ซึ่งสีหน้าของคนอื่น ๆ ก็พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขารู้สึกว่าพลังที่คนผู้นี้ระเบิดออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงได้ถอยออกไปอยู่ห่าง ๆ ในทันที
มู่เฉียนซีกำลังจะจบเห่แล้ว ยอดฝีมือเช่นนี้เลือกใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพขั้นสุดที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นในการโจมตี มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันทั้งหมดของนางจะต้อง งไม่สามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้แน่
“แย่แล้ว! พวกเขายังไม่ได้ให้ค่าตอบแทนกับพวกเราเลยนะ! แต่มู่เฉินซีกำลังจะตายแล้ว พวกเราก็ทำงานไปอย่างเสียเปล่าน่ะสิ!”
“หากคิดแค้น ก็คงต้องระวังชีวิตน้อย ๆ ของตนเองเอาไว้ด้วย! และยากที่จะรับประกันได้ว่ามู่หลินหลางจะไม่มีแก้แค้นพวกเราหรือไม่?”
คนที่มาจากราชวงศ์เป่ยกงเหล่านั้นยอมลงมือเพื่อผลประโยชน์ก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาภายหลังกันเสียแล้ว