ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2283 ไม้เทพออกโรง
พลังของเงาดำนั้นเข้าไปภายในขวานภูผาเปิดชิ้นนั้น ทันทีที่เขาโบกมือ ขวานภูผาเปิดก็พุ่งทะยานเข้าไปในท้องนภา และกลายเป็นมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นมาทันที
พลังทั้งหมดที่มันได้ปลดปล่อยออกมา ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวจนขนลุกขนพองเลยทีเดียว
จูเชว่กำหมัดแน่น จนนิ้วของเขากลายเป็นสีขาวซีดไปหมด “ซีซี ข้าจะออกไปสู้กับเจ้าร่างเงานั่นเอง ตระกูลเฟิงมีเฟิงอวิ๋นซิวที่หลงผิดแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาด้วย”
เพื่อที่จะปกป้องคนที่เขาชอบ และเพื่อพี่น้องของเขา จูเชว่ตัดสินใจที่จะออกไปพลีชีพเพื่อขัดขวางเขาเอาไว้
มู่เฉียนซีตบเขาเบา ๆ พลางกล่าวว่า “จูเชว่ ใจเย็นลงก่อน ข้าสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้ เชื่อข้าสิ!”
บนสีหน้าของซวนอู่และไป๋เจ๋อเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากทันที คิดไม่ถึงเลยว่าข้างกายของมู่หลินหลางจะมีร่างเงาที่ทรงพลังมากถึงเพียงนี้ และทำให้พวกเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ด้วย!
ปังง!
ขวานภูผาเปิดนั้นร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า จากนั้นก็พุ่งโจมตีโล่ป้องกันพิรุณซึ่งเป็นพื้นที่ป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งนั้นทันที!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวแผ่กระจายไปทั่ว ส่วนขวานภูผาเปิดชิ้นนั้นก็กระเด็นออกไปทันที!
แกร่ก!
ทันใดนั้นก็มีเสียง ที่เหมือนเสียงแตกร้าวดังลั่นออกมา
ทุกคนต่างผงะไปครู่หนึ่ง เกาะป้องกันของมู่เฉินซีจะแตกแล้ว!
“พวกเราเข้ามาใกล้กันหน่อย! จะได้ลดระยะการป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งให้แคบลง” มู่เฉียนซีกล่าว
ทันทีที่เกาะป้องกันถูกทำให้แตกร้าว ร่างเงาสีดำก็เหาะออกไปเพื่อคว้าขวานภูผาเปิดที่ถูกสุ่ยจิงอิ๋งสะท้อนออกไปเอาไว้
ขวานภูผาเปิดชิ้นนั้นหมุนเคว้งไปในอากาศภายใต้การควบคุมของเขา หลังจากนั้นหัวขวานก็พุ่งเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีอีกครั้ง
พลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวพัดโหมกระหน่ำเข้ามา จนผมเส้นผมสีดำของมู่เฉียนซีปลิวไสว แต่ทว่าสีหน้าของมู่เฉียนซีนั้นยังคงนิ่งเฉยอยู่เช่นเดิม
เนื่องจากสุ่ยจิงอิ๋งบอกว่านางสามารถป้องกันเอาไว้ได้สามครั้ง เช่นนั้นก็ต้องป้องกันได้ถึงสามครั้งแน่นอน
ซึ่งภายในสามครั้งนี้ อีกฝ่ายจะไม่สามารถทำร้ายนางได้แม้แต่เส้นผมเลยด้วยซ้ำ
ปัง!
ผลปรากฏว่าในตอนที่หัวขวานนั้นกำลังจะฆ่ามู่เฉียนซีอีกครั้ง มันกลับถูกลำแสงสีฟ้าสกัดกั้นเอาไว้ได้ จากนั้นก็โดนสะท้อนออกไปอย่างรุนแรง
พวกจูเชว่ซวนอู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันของนางนั้นแข็งแกร่งเหนือกว่าที่เขาจิตนาการเอาไว้เสียอีก
ร่างเงาสีดำกล่าวว่า “ข้าสามารถทำให้มันแตกร้าวได้ครั้งหนึ่งแล้ว ข้าก็จะต้องทำให้แตกร้าวครั้งที่สองได้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสามารถใช้พลังแห่งมิติที่ทรงพลังนี้คุ้มครองเจ้าได้ตลอดไป”
พูดจบ เขาก็ได้รวบรวมพลังทั้งหมดอีกครั้ง จากนั้นก็ลงมือโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง
แกร่ก!
ซึ่งผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ขวานภูผาเปิดนั้นถูกสะท้อนกลับมา และโล่ป้องกันพิรุณของสุ่ยจิงอิ๋งก็เริ่มแตกร้าวอีกครั้ง
เนื่องจากว่าร่างเงานั้นใช้พลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้มันจึงผลาญพลังมากเกินไป นอกจากว่านี้ร่างเงายังไม่สามารถกินยาลูกลอนเพื่อฟืนฟูพลังได้อีกด้วย
มู่เฉียนซีทำได้แค่เพียงเดิมพันเท่านั้น นางเดิมพันว่าการโจมตีครั้งที่สามของเขานั้นทรงพลังมากที่สุดจนทำให้เขาเหลือพลังอีกไม่มากนัก
และความคิดของสุ่ยจิงอิ๋งนั้นก็คล้ายกันกับมู่เฉียนซี แต่สุ่ยจิงอิ๋งได้กล่าวเผื่อเอาไว้ว่า “ซีเอ๋อร์ หากหลังจากที่สกัดกั้นการโจมตีครั้งที่สามไว้ได้แล้วเขายังคงสามารถโจมตีได้อีก และหากเจ้าไม่สามารถจัดการได้ไหว เช่นนั้นก็บังคับให้อาถิงตื่นขึ้นมาเถอะ!”
“จะต้องทำถึงขนาดนั้นจริง ๆ หรือ? การบังคับให้อาถิงตื่นขึ้นมันมันส่งผลเสียต่อเขามากเลยนะ!” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวตอบว่า “แม้ว่าจะต้องชดใช้สักเท่าไรก็ตาม พวกเราไม่มีทางปล่อยให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับซีเอ๋อร์ได้ นี่คือสิ่งที่สมควรแล้วสำหรับข้า!”
คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะหนีความตายได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของมู่หลินหลางมืดมนลงทันที คิดไม่ถึงเลยว่านางสารเลวคนนี้จะมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันที่ยอดเยี่ยมมากถึงเพียงนี้ได้!
“ท่านเฟิง ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” มู่หลินหลางกล่าว
“เจ้ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันชิ้นนั้นยืนหยัดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว หากข้าโจมตีอีกครั้ง มู่เฉินซีจะต้องตายแน่นอน ฝ่าบาทหลินหลางโปรดวางใจเถิดขอรับ” ร่างเงานั้นกล่าวตอบ
มู่หลินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดี! เช่นนั้นข้าก็จะรอให้ท่านเฟิงจัดการมู่เฉินซีอย่างน่าอนาถก็แล้วกัน!”
ร่างเงาสีดำจับขวานภูผาเปิดอันน่าสะพรึงกลัวนั้น และขวานก็พุ่งทะยานไปอีกครั้ง และการป้องกันครั้งที่สามของสุ่ยจิงอิ๋งก็เริ่มขึ้นแล้ว
ปังงง!
แต่เขายังไม่สามารถทำอันตรายมู่เฉียนซีได้แม้แต่ปลายขนเลยด้วยซ้ำ หลังจากเขาก็ได้รวบรวมพลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก และเริ่งลงมือเหวี่ยวขวานออกไปอีกครั้ง
เมื่ออันตรายกำลังจู่โจมเข้ามา แววตาของจูเชว่ ซวนอู่และไป๋เจ๋อก็มืดมนลงทันที และพวกเราก็มีทางเลือกเอาไว้แล้ว
มู่เฉียนซีขบริมฝีปาก และแววตาของนางก็เริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตูมมม!
หลังจากที่พลังของสุ่ยจิงอิ๋งสะท้อนขวานภูผาเปิดนั้นแล้ว เกาะป้องกันก็เริ่มแตกร้าวอีกครั้ง
เงาดำนั้นไม่ได้หยิบขวานมาอีกแล้ว เนื่องจากว่าพลังของเขาในตอนนี้ไม่สามารถใช้มันได้อีกแล้วนั่นเอง
“แต่ว่า…”
ในเมื่อทำลายเกาะป้องกันของมู่เฉินซีได้แล้ว ก็คงจะไม่ยากแล้วล่ะ!
เงาดำนั้นได้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี จากนั้นดาบก็ได้ถูกกวาดออกไป จนเกือบที่จะทำให้ศรีษะของมู่เฉียนซีตกลงไปบนพื้นอยู่แล้ว
สุ่ยจิงอิ๋งเตรียมที่จะบังคับลากอาถิงให้ออกมาจากการจำศีล แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีม่านแสงสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นมาขวางด้านหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้ และก็ได้ทำให้การโจมตีของเงาดำนั้นสูญเปล่าไปทันที
มู่เฉียนซีตะลึงงันไปเล็กน้อย ในชั่วขณะหนึ่งนางรู้สึกราวกับว่าชิงอิ่งได้มาขวางหน้าของนางเอาไว้
แต่ทว่ากลับไม่ใช่ พลังแห่งชีวิตที่อยู่เบื้องของนางนั้นแข็งแกร่งกว่าของชิงอิ่งมากมายนัก
และพลังนั้นก็ได้กระแทกให้ร่างเงานั้นลอยกระเด็นออกไปทันที “เจ้าของเล่นที่แอบเข้ามา จงกลับไปยังร่างเดิมของเจ้าเสีย! ด้วยความสามารถของเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ที่ทะเลใต้แห่งชีวิตนี้ได้”
“เวลาหนึ่งวันได้มาถึงแล้ว ทะเลแห่งชีวิตจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ห้ามต่อสู้กัน! พวกเจ้าสามารถเริ่มดูดซับพลังที่อยู่ภายในดวงดาวแห่งชีวิตเพื่อยกระดับความสามารถอย่างวางใจได้แล้ว”
หลังจากที่เสียงนี้หายไปแล้ว ลำแสงสีเขียวอ่อนก็สลายหายไปเช่นกัน
มู่เฉียนซีตะโกนกล่าวว่า “ชิงอิ่ง เจ้ามาช่วยข้าใช่หรือไม่?”
ในขณะที่ชิงอิ่งกำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับไม้เทพแห่งชีวิต ก็หยุดลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉียนซี
เขามองไปยังร่างที่อยู่ภายในม่านแสงนั้น เฉียนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!
ไม้เทพแห่งชีวิตกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าพอใจได้แล้วสินะ! เจ้าหมอนั้นถูกกำจัดออกไปแล้ว ตอนนี้นางไม่เป็นอันตรายอีกแล้ว”
เมื่อคนอื่น ๆ ได้สติกลับมาอีกครั้ง ก็พากันรู้สึกว่ามู่เฉียนซีช่างเป็นคนที่โชคดีมากจริง ๆ!
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ากำลังจะต้องตายอยู่แล้ว แต่ผลปรากฏว่ามันดันหมดเวลา และไม้เทพแห่งชีวิตก็ออกโรงมาขัดขวางการต่อสู้เอาไว้ ซึ่งมันช่วยมู่เฉินซีในเวลาวิกฤติพอดี
ความจริงแล้วเวลานั้นยังไม่ได้หมดลงอย่างสมบูรณ์ แต่ทว่าในตอนที่ไม้เทพแห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้นมาขวางหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้เป็นเวลาเร็วกว่าเวลาที่กำหนดเอาไว้เล็กน้อย
หากไม้เทพแห่งชีวิตไม่ออกโรงเพื่อชิงอิ่งได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฉียนซีแน่นอน
“พวกเราไปกันเถอะ!” มู่หลินหลางรีบพาคนที่พ่ายแพ้ของนางจากไปอย่างรวดเร็ว
ท่านเฟิงได้ถูกไม้เทพแห่งชีวิตขับไล่ออกไปแล้ว ซึ่งนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉินซีเลย
แม้ว่าภายในสถานที่แห่งนี้จะห้ามต่อสู้ แต่นางก็จะต้องออกห่างจากคนอันตรายอย่างมู่เฉินซีเพื่อความปลอดภัยอยู่ดี
พรวด พรวด พรวด!
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว มู่เฉียนซีและพวกจูเชว่ทั้งสี่คนก็กระอักเลือดออกมา
แม้ว่าร่างเงานั้นจะไม่สามารถฆ่านาง แต่การระเบิดพลังนั้นออกมากลับทำร้ายภายในของพวกเขาอย่างหนักเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางคนของราชวงศ์เป่ยกงเหล่านั้น “นี่คือดวงดาวแห่งชีวิต สำหรับพวกเจ้าคนละดวง”
ดวงดาวแห่งชีวิตของมู่เฉียนซีมีจำนวนมากจริง ๆ มากเสียจนทำให้พวกเขาอยากจะปล้นนางเลยด้วยซ้ำ
แต่ทว่าไม้เทพแห่งชีวิตได้กล่าวคำนั้นเอาไว้แล้วจึงไม่สามารถที่จะลงมือได้ เพราะกว่าพวกเขาจะหาที่นี่เจออย่างยากลำบาก และกว่าจะสามารถรวบรวมดวงดาวแห่งชีวิตเหล่านี้มาได้ ฉะนั้นจึงไม่อยากถูกไม้เทพแห่งชีวิตจับโยนออกไปทั้งที่ยังไม่ได้ใช้ดวงดาวแห่งชีวิตเหล่านี้หรอก
มู่เฉียนซีมอบให้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าอารมณ์ของซวนอู่ไม่ค่อยดีนักจนรู้สึกไม่อยากที่จะจ่ายค่าตอบแทนอีกแล้ว
เขากล่าวว่า “ค่าตอบแทนของข้า รอหลังจากที่ออกไปแล้วค่อยไปรับที่สมาคมการค้าเฉินซีก็แล้วกัน! สมาคมการค้าเฉินซีของข้าคือสมาคมการค้าอันดับหนึ่งของแดนซวนเทียน ไม่มีทางเบี้ยวหนี้พวกเจ้าแน่นอน”
พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกข้าจะต้องเชื่อในชื่อเสียงของสมาคมการค้าเฉินซีอยู่แล้ว”
หลังจากที่ได้รับดวงดาวแห่งชีวิตคนละดวงแล้ว พวกเขาต่างพากันแยกย้ายหาสถานที่ในทะเลใต้แห่งชีวิตเพื่อดูดซับพลังแห่งชีวิต
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “รีบรักษาอาการบาดเจ็บเร็ว หลังจากที่รักษาอาการบาดเจ็บแล้วพวกเราค่อยเริ่มดูดซับพลังกัน!”
“ตกลง!”
ทุกคนดำเนินการอย่างราบรื่นมาก มีเพียงมู่เฉียนซีคนเดียว ตอนนี้มีเพียงมู่เฉียนซีคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบได้
“เอ๊ะ นั่นมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? มู่เฉินซีรวบรวมดวงดาวแห่งชีวิตมาได้มากมายขนาดนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะดูดซับไม่ได้เลยแม้แต่ดวงเดียวเช่นนี้”
“คิดไม่ถึงว่าทางด้านของมู่เฉินซีจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
“ต้องทำให้ดวงดาวแห่งชีวิตมากมายนั้นต้องเสียเปล่า หากสามารถเอามาให้พวกเราได้ก็คงจะดี”
มีบางคนที่เสียใจ ส่วนบางคนก็ยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่น
.