ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2284 เพลิงริษยา
ทุกคนต่างเริ่มดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิตกันหมดแล้ว แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย
“ซีซี!” จูเชว่มองไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารวบรวมดวงดาวแห่งชีวิตมากมายเช่นนี้ย่อมไม่มีทางไม่เป็นที่หนึ่งแน่นอนอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะเหลือข้าไว้เป็นคนสุดท้ายแน่! พวกเจ้าดูดซับพลังจากดวงดาวแห่ งชีวิตกันก่อนเถอะ ข้าจะคอยคุ้มครองพวกเจ้า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนมารบกวนพวกเจ้าเอง”
เพราะถึงจะไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างความวุ่นวายไม่ได้!
พวกจูเชว่พยักหน้าเล็กน้อย “ตกลง!”
หากจะบอกว่าซีซีไม่สามารถดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิตเหล่านี้ได้ นั่นมันก็ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย!
ภายในทะเลใต้แห่งชีวิตในขณะนี้ มีแสงดาวดวงระยิบระยับอยู่กลางท้องฟ้า จากนั้นมันก็เปลี่ยนกลายเป็นลำแสง และพุ่งเข้าไปในร่างกายของคนแต่ละคน
ดวงดาวแห่งชีวิตที่กลุ่มของราชวงศ์ตงหวงรวบรวมมาได้ทั้งหมด ล้วนถูกส่งมอบให้กับมู่หลินหลาง
แม้ว่าภายในใจของพวกเขาจะไม่เต็มใจที่ต้องพลาดโอกาสที่ดีในการเลื่อนขั้นเช่นนี้ แต่ทว่ามันคือคำสั่งของฝ่าบาทหลินหลางซึ่งพวกเขาไม่อาจฝ่าฝืนได้
จำนวนของดวงดาวแห่งชีวิตที่ทั้งกลุ่มได้รับนั้นเมื่อรวมกันแล้วก็ถือว่าน่าดูชมมากเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเคียงกับจำนวนดวงดาวแห่งชีวิตของพวกมู่เฉียนซีและจูเชว่ได้ แต่จำนวนรวมทั้งหมดก็เป็นที่สองรองจากพวกเขาทั้งสี่คนเท่านั้น
ในตอนที่ลำแสงของดวงดาวได้เข้าไปในร่างกายของมู่หลินหลางแล้ว นางก็สัมผัสได้ว่าความสามารถในร่างกายของตนเองยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เห็นอยู่ว่าเพราะได้รับพลังมาจากศาลบรรพบุรุษตระมู่ จึงทำให้นางเพิ่งจะบรรลุมาได้เพียงไม่นานเท่านั้น
แต่หลังจากตอนนี้ นางกลับสามารถเลื่อนขั้นได้อีกหนึ่งระดับอย่างราบรื่นเป็นอย่างมาก นี่คือพลังของดวงดาวแห่งชีวิตอย่างนั้นหรือ?
การเลื่อนขั้นของระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มีความยากลำบากมาก และการที่สามารถเลื่อนไปขั้นหนึ่งได้ราบรื่นขนาดนี้ ก็ทำให้มู่หลินหลางพึงพอใจมากเป็นพิเศษ ซึ่งค คนที่อยู่ข้างกายนางก็ทำได้เพียงอิจฉานางเท่านั้น
มู่หลินหลางกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าเสียเปรียบแน่ รอหลังจากที่กลับไปแล้ว ข้าจะให้เสด็จพ่อตอบแทนพวกเจ้าอย่างดี อนาคตในราชวงศ์ตงหวงของพวกเจ้าจะต้ องสดใสอย่างแน่นอน”
แม้ว่าองค์จักรพรรดิตงหวงจะมีพระคุณ แต่เมื่อเทียบกับสมบัติที่ยากจะพบเจอในรอบแสนปีเช่นนี้ก็ยังคงห่างชั้นมากเกินไปอยู่ดี! ซึ่งพวกเขาก็ได้แต่แอบคิดอยู่ภายในใจเท่านั้น
“เจ้าลองไปดูสถานการณ์ของคนอื่นมาซิ!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
มีผู้คนไม่น้อยที่ได้รับดวงดาวแห่งชีวิตไม่มากนัก หากพวกเขาติดอยู่ในช่วงคอขวดของขั้นสูงสุด เมื่อได้ดูดซับดวงดาวแห่งชีวิตก็จะทำให้พวกเราสามารถบรรลุขั้นต่อไปได้ทันที
หากอยู่ในระดับต่ำแล้วล่ะก็ ยิ่งจำนวนของดวงดาวแห่งชีวิตมากเท่าไรก็จะสามารถช่วยพวกเขาให้บรรลุไปจนถึงรับสูงหรือได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจมากได้
แต่หากได้รับจำนวนน้อยมากแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่บรรลุจากขั้นต่ำไปถึงขั้นสูงเท่านั้น
เมื่อมู่หลินหลางได้เห็นมัน มุมปากของนางก็คลี่ยิ้มออกมา
ผลลัพธ์ของคนเหล่านี้แย่กว่านางมากมายนัก เพราะนางสามารถเลือนขั้นได้ถึงหนึ่งระดับเลยทีเดียว
และเมื่อมู่หลินหลางมองไปยังสถานที่ที่มีแสงของดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้า ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งนางก็สามารถเดาได้เลยว่าคนที่อยู่ทางนั้นคือผู้ใด และมันจะต้องเป็นมู่เฉินซีกับชายอีกสามคนนั้นอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้มู่หลินหลางไม่พอใจมาก นางกล่าวว่า “มู่เฉินซีรวบรวมดวงดาวแห่งชีวิตมาได้มากมายแล้วมันทำไม? สุดท้ายก็มีเพียงสายเลือดธรรมดา แม้ว่าจะสามารถรวบรวมมาได้เยอ อะ แต่ก็น่าจะเลื่อนขั้นมากเท่าองค์หญิงอย่างข้าไม่ได้แน่นอน พวกเราไปดูการแสดงดี ๆ กันเถอะ”
ที่ก่อนหน้านี้นางไม่กล้ายั่วยุมู่เฉียนซี เพราะกลัวว่ามู่เฉินซีจะยอมฝ่าฝืนกฏของไม้เทพแห่งชีวิตไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม
แต่ทว่าตอนนี้นางสามารถเลื่อนขั้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าใครจะต้องกลัวใครกันแน่?
แต่ทว่าในตอนที่มู่หลินหลางไปถึงทางด้านนั้น กลับค้นพบว่ามู่เฉินซีไม่ได้กำลังดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิตอยู่แต่อย่างใด
เพียงแต่ว่าดวงดาวแห่งชีวิตที่พวกเขาสามคนรวบรวมมาได้นั้น ก็มีจำนวนที่เยอะจนน่าสะพรึงกลัวเช่นเดียวกัน!
ลำแสงของมันที่ตกสะท้อนลงมาจากฟากฟ้าราวกับฝนดาวตกก็มิปาน และหลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของพวกเขาทั้งสามคนทันที
มู่หลินหลางแอบหัวเราะเยาะ เพราะมู่เฉินซีไม่สามารถดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิตได้ และนางก็ทำได้เพียงแค่มองตาปริบ ๆ อยู่ตรงนี้เท่านั้น ซึ่งมันช่างน่าขันจริง ๆ
“ฝ่าบาทหลินหลาง เนื่องจากมู่เฉินซีฉวยโอกาสเอาเปรียบจนรวบรวมดวงดาวแห่งชีวิตมาได้ มันจะต้องเป็นกรรมตามสนองแน่นอน นางต้องถูกดวงดาวแห่งชีวิตลงโทษเป็นแน่” องครักษ์ที่อยู่ข้าง กายมู่หลินหลางกล่าวขึ้น
เดิมทีแล้วมีดวงดาวแห่งชีวิตบางส่วนที่เขารวบรวมมาได้ด้วยตนเอง แต่กลับต้องมอบทั้งหมดให้กับมู่หลินหลาง และทำได้เพียงมองคนอื่นเลื่อนขั้นเท่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของเ เขานั้นไม่ยินดีเอาเสียเลย
ทว่าเมื่อเห็นมู่เฉินซีในตอนนี้ที่แม้ว่าจะรวบรวมดวงดาวแห่งชีวิตมาได้มากมาย แต่กลับไม่มีโอกาสดูดซับพลังของพวกมันเพื่อเพิ่มความสามารถได้ มันจึงทำให้ภายในใจของเขารู้สึกสงบ บขึ้นมาทันที
พวกเขาโชคไม่ดีนักที่ต้องติดตามฝ่าบาทหลินหลาง แต่ไม่ใช่ว่านี่มีคนที่โชคร้ายกว่าอย่างนั้นหรือ?
คนที่เลื่อนขั้นก่อนเป็นคนแรกก็คือไป๋เจ๋อ ร่างกายที่ไม่ดีของเขาในตอนแรกก็ได้รับการฟื้นตัวแล้ว จากเดิมเขามีความสามารถเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับ บหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งการยกระดับความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเรื่องยากมาก ฉะนั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพความสามารถเอาไว้ เขาจึงไม่รีบร้อนให้ประสบผลสำเร็จจนละเลยสุภาพแ แต่อย่างใด มันจึงเป็นผลให้เขาไม่ก้าวหน้ามาโดยตลอด แต่ทว่าตอนนี้เขาสามารถยืมพลังของดวงดาวแห่งชีวิตนี้ และมันก็ได้ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ระดับสี่…
ความเร็วในการยกระดับความสามารถของไป๋เจ๋อติดต่อกันถึงสามระดับอย่างต่อเนื่องจนน่าอัศจรรย์ ซึ่งนั่นมันมากกว่ามู่หลินหลางถึงสามเท่าเลยทีเดียว ฉะนั้นเมื่อมู่หลินหลางได้เห็นสิ่ง งนี้นางก็ขบริมฝีปากของนางแน่น และถึงเล็บของนางจะฝังลงไปในเนื้อแต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
“สามระดับ…เลื่อนขั้นได้ถึงสามระดับติดต่อกันได้อย่างน่าอัศจรรย์…”
ก่อนหน้านี้มู่หลินหลางยังภูมิใจในตนเองที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นอยู่เลย แต่ทว่าตอนนี้กลับถูกไป๋เจ๋อกระตุ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว และการดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิตเพื่อยกระดับควา ามสามารถ ดูแล้วไม่ใช่เพราะสายเลือดที่น่าภาคภูมิใจของนาง แต่น่าจะขึ้นอยู่กับศักยภาพ พรสวรรค์และพลังของดวงดาวแห่งชีวิตว่ามีมากน้อยเพียงใดต่างหาก
แต่ถึงแม้ว่าจะดูที่สายเลือด ทว่าความจริงแล้วสายเลือดในร่างกายของนางก็ไม่ได้สูงส่งอะไรขนาดนั้นอยู่ดี
เนื่องจากว่ามีดวงดาวแห่งชีวิตจำนวนมาก จึงทำให้คนทางด้านนี้มีความเคลื่อนไหวที่มากเกินไป อีกทั้งมีความเร็วที่ช้ากว่ามากอีกด้วย ดังนั้นจึงมีคนมากมายมาดูความตระการตาถึงที่นี่ หลังจากที่พวกเขาเลื่อนขั้นของตนเองเรียบร้อยแล้ว
“พระเจ้า! คุณชายโม่ซวนเลื่อนขั้นถึงสามระดับภายในพริบตาเดียวเลย คิดไม่ถึงว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเลื่อนขั้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน!” พวกเขากล่าวอย่างตื่นตกใจ
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็ยังคงสามารถเห็นดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้า เนื่องจากว่าว่านซือเยี่ยนและจูเชว่ยังคงดูดซับไม่เสร็จนั่นเอง “ดวงดาวแห่งชีวิตสามารถทำให้ผู้คนเลื่อนขั้นได้อย ย่างง่ายดายเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะว่ากฏของไม้เทพแห่งชีวิตก่อนหน้านี้ ข้าก็คงจะพุ่งขึ้นไปกลางอากาศและแย่งชิงดวงดาวแห่งชีวิตเหล่านั้นมาเพื่อดูดซับอีกครั้งเป็นแน่ บางทีข้าอาจ จจะสามารถเลื่อนระดับขึ้นไปถึงขั้นหนึ่งเลยก็เป็นได้”
“นั่นน่ะสิ! ข้าก็อยากที่จะไปแย่งชิงมันมาเหมือนกัน!”
หลังจากนั้นไม่นาน พลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวของจูเชว่ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และจูเชว่เองก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นสูงสุดโดยตรง ซึ่งขาดอีกเพ พียงเล็กน้อยก็จะสามารถกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้แล้ว
สีหน้าของมู่หลินหลางซีดเผือดไปในทันที เพราะชายผู้นี้อยู่ห่างจากนายเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
นางเป็นถึงองค์หญิงสายตรงของราชวงศ์ตงหวงมู่เชียวนะ แล้วจะปล่อยให้คนชั้นต่ำเช่นนี้มาไล่ตามพรสวรรค์ในการฝึกฝนของนางทันได้อย่างไร ให้ตายเถอะ!
มู่หลินหลางเคยชินกับการที่ได้อยู่เหนือกว่าเสมอ อีกทั้งความรวดเร็วในการฝึกฝนพรสวรรค์ล้วนล้ำหน้าผู้อื่นไปไกลอีกด้วย และหากค้นพบว่ามีคนที่มีความสามารถในการฝึกฝนพรสวรรค์ไ ได้รวดเร็วกว่านาง นางก็จะทนไม่ไหว และต้องการที่จะทำลายคนผู้นั้นในทันที!
หลังจากที่จูเชว่เลื่อนขั้นเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าได้มาถึงตาของซวนอู่เสียที
ถึงซวนอู่จะดูเหมือนหมกมุ่นอยู่แต่กับการหาเงิน แต่เวลาฝึกฝนของเขาก็นานกว่าจูเชว่และไป๋เจ๋อหลายปีอยู่ดี ฉะนั้นเขาจึงมีความสามารถเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธ ธิ์ระดับสามซึ่งเขาก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นไปถึงสามระดับ และกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหกทันที!
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหก ตอนนี้มีคนเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่อายุยังไม่เต็มสามสิบปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ซึ่งนี่ก็ทำให้ทุกคนล้ วนจ้องมองไปที่ซวนอู่ด้วยความตื่นตะลึง
“พระเจ้า! ระดับหก นี่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหกที่อายุน้อยที่สุดที่ข้าเคยเจอมาเลย”
“พรสวรรค์ของนายน้อยว่านซื่อจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว”
“……”
และการเลื่อนขั้นของซวนอู่นั้น ก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง
มู่หลินหลางในตอนนี้อิจฉาตาร้อนอย่างที่สุด เนื่องจากว่านางได้รับพลังมากมายจากศาลบรรพบุรุษจึงสามารถเลื่อนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ได้ และคิดว่าได้ท ทิ้งคนเหล่านี้เอาไว้ข้างหลังไปไกลมากแล้ว
แต่เมื่อคนเหล่านี้ดูดซับพลังของดวงดาวแห่งชีวิต กลับสามารถไล่ตามความเร็วในการฝึกฝนของนางได้ทัน และคิดไม่ถึงว่าจะมีคนหนึ่งที่แซงหน้านางไปได้แล้วอีกด้วย
ว่านซือเยี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหก! แต่ทว่าตอนนี้นางเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเท่านั้นเองนะ!
ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของมู่หลินหลางมีเปลวเพลิงแห่งความริษยาลุกโชนขึ้นมา