ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2288 เจ้าสั่นทำไม
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม ทันใดนั้นนางก็เหลือบไปเห็นรากของอัคคีพฤษ์ต้นนี้
มันสามารถดูดซับไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีนี้ได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นมันย่อมต้องสามารถต้านทานพลังธาตุอัคคีได้แน่นอนอยู่แล้ว
“นึกออกแล้ว!”
อัคคีพฤษ์นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ซึ่งมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าอาวุธธรรมดาทั่วไปไม่สามารถตัดมันได้อย่างแน่นอน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงหยิบเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณตัดรากไม้ออกมาหลายชิ้น หลังจากนั้นนางก็เตรียมวัสดุอย่างอื่นเพิ่มเติม และเริ่มทำการหลอมภาชนะครั้งต่อไป
จูเชว่กล่าวว่า “ซีซีนี่ฉลาดจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้ประโยชน์จากรากไม้นี้ในการหลอมภาชนะ”
มู่เฉียนซีได้หลอมขวดยาสีแดงเพลิงออกมา และในที่สุดคราวนี้มู่เฉียนซีก็สามารถรวบรวมไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีได้สำเร็จเสียที
ส่วนคนอื่น ๆ ที่ตามมาด้วยในเวลานี้ต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึง ที่แท้ท่านมู่ก็ไม่ได้เป็นเพียงอัจฉริยะนักปรุงยาที่วิปลาสเท่านั้น แต่เป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่งอีกด้วย
แม้ว่าการหลอมขวดจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณภาพที่ได้นั้นไม่ต่ำเลย ซึ่งท่านมู่ก็หลอมออกมามากมายราวกับว่ากำลังเล่นปั้นดินเหนียวอยู่ก็มิปาน
และในตอนที่มู่เฉียนซีเก็บไปได้ขวดหนึ่งและเตรียมที่จะเก็บขวดที่สองอยู่นั้น ก็มีกลิ่นอายจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาโดยรอบอย่างกะทันหัน
มู่หลินหลางที่สวมชุดฮั่นฝูอันงดงามและมีเสน่ห์พุ่งเข้ามาด้วยลักษณะท่าทางที่ดุดัน
“มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้า! นังสารเลว เอาของล้ำค่าที่อยู่ในมือของเจ้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ นั่นมันเป็นของของข้านะ” มู่หลินหลางคำรามใส่มู่เฉียนซี
ชายชราที่อยู่ข้างกายของนางกล่าวขึ้นมาว่า “ฝ่าบาทหลินหลาง พลังธาตุอัคคีที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นั่นคือสมุนไพรวิญญาณธาตุอัคคีระดับสูงสุดจริง ๆ ท่านสามารถใช้ปร ระโยชน์จากมันได้ และท่านจะต้องกลายเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีได้แน่นอน”
แววตาของมู่หลินหลางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นางสามารถกลายเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นางก็สามารถทำได้เช่นกัน
“มู่เฉินซี เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดอย่างนั้นหรือ? ข้าบอกให้เจ้าวางสมบัติชิ้นนั้นลงซะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้ารีบไสหัวไปไกล ๆ เลย สิ่งของที่ข้าได้มาข้าก็ต้องเป็นคนเก็บสิ เจ้าคิดว่าเจ้าจะมายุ่งวุ่นวายได้อย่างนั้นหรือ? มู่หลินหลาง”
มู่เฉียนซีเก็บยาน้ำเหล่านั้นขึ้นมา มู่หลินหลางช่างมาได้ไม่ถูกเวลาเลยจริง ๆ เพราะนางเพิ่งจะเก็บไปได้เพียงขวดเดียวเท่านั้นเอง
“มู่เฉินซี เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก! ฆ่านางซะ” มู่หลินหลางออกคำสั่งกับลูกน้องของนางด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มู่หลินหลาง ถึงตาเฒ่านั่นจะพูดถูก ว่าสิ่งนี้บางทีอาจจะทำให้เจ้ากลายเป็นจอมภูตธาตุอัคคีได้ แต่ทางที่ดีเจ้าลองสัมผัสเองจะดีกว่า ว่าเจ้าสามารถรับเปลวเพ พลิงเช่นนี้ได้หรือไม่?”
ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีก็ได้ใช้พลังวิญญาณธาตุอัคคีควบคุมไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีให้พุ่งไปทางมู่หลินหลาง
“ฝ่าบาทหลินหลาง ระวังพ่ะย่ะค่ะ!”
ใบหน้าอันงดงามของมู่หลินหลางซีดเผือดลงทันที และในที่สุดนางก็สัมผัสได้ถึงพลังธาตุอัคคีที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถทนรับได้เลยแม้แต่น้อย
ยอดฝีมือของหอหมอปีศาจและสมาคมการค้าเฉินซีก็เริ่มลงมือเช่นกัน และทันใดนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
“กรี๊ดดด!”
และแม้ว่าพวกเขาจะป้องกันอย่างรอบครอบแค่ไหน แต่ก็ยังมีไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีหยดลงบนใบหน้าของมู่หลินหลางได้อยู่ดี ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าครึ่งหนึ่งของมู่หลินหลางถูก กเผาไหม้ไปในทันที
เจ็บ! มันเจ็บปวดจนทำให้นางทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว!
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานออกไป พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “มู่หลินหลาง อาการบาดเจ็บภายนอกเพียงเท่านี้เจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ เช่นนั้นก็อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาพลังธ ธาตุอัคคีที่เจ้าอยากได้นี้ไปได้เลย”
“เพราะหากเจ้าต้องการที่จะได้รับพลังธาตุอัคคี อยากน้อยเจ้าก็ต้องดื่มไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีเข้าไปขวดใหญ่ถึงจะได้ และจากนั้นมันก็จะเริ่มเผาไหม้ออกมาจากร่างกายของเจ้ า หากเจ้าสามารถทนรับมันได้แล้วละก็ แน่นอนว่าต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีแน่นอน แต่หากเจ้ายืนหยัดได้น้อยมากเท่าไร อวัยวะภายในของเจ้า ร่างกายของเจ้า และพลังจิตวิญญาณของเจ้าก ก็จะถูกเผาไหม้จนไม่เหลือแม้แต่ซากอย่างแน่นอน”
มู่หลินหลางอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ และแน่นอนว่านางไม่อยากที่จะต้องทนกับความเจ็บปวดที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่แล้ว
เนื่องจากความฝันที่เคยวางไว้อย่างสวยหรูก่อนหน้านี้ ได้ถูกมู่เฉียนซีทำลายลงอย่างโหดเหี้ยม ทำให้สีหน้าของมู่หลินหลางซีดเผือดไปในทันที
มู่เฉียนซีหยิบเอาตรีศูลไห่หวงออกมา แล้วกล่าวว่า “ตั้งแต่ข้าเลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับห้ายังไม่เคยประลองฝีมือกันใครเลย! ในเมื่อเจ้ามาหาถึงที แล้ว เช่นนั้นก็มาสู้กันเถอะ! ข้าจะได้คิดบัญชีที่เจ้าใช้เงามาจัดการข้าก่อนหน้านี้ด้วยเลย”
มู่หลินหลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่เฉินซี เจ้าก็แค่ฉวยโอกาสใช้สมุนไพรวิญญาณมาลอบโจมตีข้าเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าข้าจะทรมานเจ้าอย่าง งโหดเหี้ยม หลังจากนั้นข้าก็จะโยนเจ้าลงไปในกระทะน้ำมันนี้ทันที เพื่อให้เจ้าได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส และนี่ก็คือสิ่งที่เจ้าต้องชดใช้ที่ทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้”
“ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แต่เจ้ากลัวอะไรกัน? เจ้าสั่นทำไมล่ะ?” มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะ
แววตาของมู่หลินหลางเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที นางแทบอดทนที่จะฉีกร่างของมู่เฉียนซีออกเป็นชิ้น ๆ ไม่ไหวแล้ว
ทันทีที่นางลงมือ อาวุธที่นางใช้นั้นกลับไม่ใช่ด้ายจักรพรรดิทองคำหรือดาบอ่อนเล่มนั้น แต่นางเป็นขวานภูผาเปิดที่ร่างเงานั้นใช้ก่อนหน้านี้
มู่หลินหลางที่เลื่อนขั้นเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเดิมทีแล้วยังไม่มีความสามารถพอที่จะใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับนี้ได้ แต่อย่างไรเสียนางก็ใช้ม มันได้อยู่ดี เพราะด้วยสายเลือดของราชวงศ์ตงหวงจึงมีสิทธิถูกบังคับให้ใช้ขวานอยู่ช่วงเวลาหนึ่งนั่นเอง
นัยน์ตาของมู่เฉียนซีหดเล็กลงอย่างกะทันหัน และทันทีที่ขวานด้ามนี้ปรากฏตัวออกมามันก็ทำให้มู่เฉียนซีนึกถึงตอนที่นางและเพื่อนของนางเกือบตายด้วยน้ำมือของร่างเงานั้น
มู่เฉียนซีโบกสะบัดตรีศูลไห่หวง พลางกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “มู่หลินหลาง เจ้าไม่ใช่คนผู้นั้นเสียหน่อย คิดว่าการเอาขวานภูผาเปิดด้ามนั้นออกมา จะทำให้เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้จร ริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ต้องได้แน่นอน!” มู่หลินหลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ตูมมม!
ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็หยิบเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพชนิดพิเศษออกมา และการต่อสู้อันดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น!
แรกเริ่มนั้นมู่เฉียนซีไม่ได้เปรียบมากเท่าไรนัก เพราะนางเลื่อนขั้นถึงสี่ระดับในคราวเดียว ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีใช้มันได้ไม่ค่อยคล่องแคล่วมากเท่าไรนัก!
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่ปะทะกันมาหลายสิบรอบแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เปลี่ยนไปของนาง ซึ่งความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่งไปจนถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังข ขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับห้าช่างมีความแตกต่างกันอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
“พลังวายุทำลายดารา!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
พลันนั้นมู่หลินหลางก็ตกอยู่ในวงล้อมของพลังวิญญาณธาตุที่แข็งแกร่งทั้งสามธาตุอย่างรวดเร็ว ต้องบอกเลยว่านางเกลียดผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุอย่างมู่เฉินซีจริง ๆ
“มู่เฉินซี เจ้าไปตายซะเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวของตนเองไม่ได้เปรียบเท่าไรนัก องค์ชายสามก็ระเบิดพลังออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปลอบโจมตีมู่เฉียนซีทันที
ร่างเงาสีแดงร่างหนึ่งสว่างวาบขึ้น และทักษะวิญญาณธาตุอัคคีของจูเชว่ก็พุ่งเข้าโจมตีองค์ชายสามทันที!
“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังอาจมาลอบโจมตีซีซี! อยากตายหรือไง!”
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้ามาเกะกะเช่นนี้!” เนื่องจากว่าองค์ชายสามโกรธเป็นอย่างมาก เขาจึงใช้พลังวิญญาณธาตุวารีโจมตีใส่จูเชว่ และพวกเขาก็เริ่มต่อสู้กัน
“ทักษะซิวหลัว!” แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะมีระดับที่ต่างกันถึงหนึ่งขั้นพอดี แต่ระดับขั้นของมู่หลินหลางก็ไม่มีข้อได้เปรียบมากเท่าไรนัก
เมื่อไรที่มู่เฉียนซีสามารถปรับตัวให้เข้ากับความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับห้าได้ ตอนนั้นจะต้องเป็นจุดจบของมู่หลินหลางอย่างแน่นอน!
ปังง!
และมู่หลินหลางก็ถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนตื่นกลัวไปหมดแล้ว
และภายในพริบตาที่นางไม่ทันได้ถือขวานด้ามนั้นให้แน่นพอ มันก็ลอยละลิ่วออกไป! และปักลงไปตรงกลางของลำต้นอัคคีพฤษ์นั้นทันที
แววตาของมู่เฉียนซีมืดมนลงเล็กน้อย และในตอนนี้เองนางก็ได้ควบคุมไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีนั้นให้เทลงบนขวานด้ามนั้นโดยตรง
เนื่องจากว่าเจ้าสิ่งนี้สามารถทำลายเกาะป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งได้ ฉะนั้นนางควรที่จะทำลายมันไปเสียดีกว่า!
ถึงระดับของมันจะไม่ต่ำเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังทำลายล้างของไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุอัคคีได้อยู่ดี ดังนั้นมันจึงถูกกัดกร่อนจนเป็นรูอย่างรวดเร็ว
มู่หลินหลางกล่าวด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดว่า “ไม่นะ!”
แม้ว่าขวานด้ามนี้จะไม่เหมาะให้นางนำมาใช้สักเท่าไรนัก แต่มันคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่นางมีแล้ว
หากนางไม่มีเจ้าสิ่งนี้แล้ว ต่อไปนางจะต่อสู้กับมู่เฉินซีได้อย่างไร?