ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2293 ถูกคนบ้าทรมาน
ฉัวะ!
คนที่ถูกเขารังแกก่อนหน้านี้ ใช้กระบี่แทงทะลุหน้าอกของเขาโดยตรง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สามารถล้างแค้นศัตรูได้ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” คนผู้นี้กล่าวอย่างพึงพอใจ
มู่เฉียนซีกล่าวกับเขาว่า “ความจริงแล้วคนผู้นี้คือคนที่อ๋องเป่ยกงลั่วส่งมา”
“ข้าเองเป็นเพียงผู้บำเพ็ญอิสระไร้นามคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้เป็นราชวงศ์ตงหวงหรือราชวงศ์เป่ยกง หากคิดที่จะมาคุกคามเอาชีวิตของข้า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าไม่มีทางยอมลามือแน่”
“ตอนนี้ข้ายังต้องการจัดการคนอื่นต่ออีก เจ้าอยากจะไปช่วยหรือไม่!
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
คนที่อยู่ข้างกายเป่ยกงลั่วนั้นมีความแข็งแกร่งพอ ๆ กัน ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงมีความสุขมากที่ได้ผู้ช่วยเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง
ผู้คนจากทั่วทุกทิศกำลังเริ่มลงมือ และคนของราชวงศ์เป่ยกงเหล่านี้เดิมทีแล้วมาในฐานะของนักล่าที่ไล่ล่าผู้อื่น ซึ่งคงจะไม่ได้คิดว่าตนเองจะกลายเป็นเหยื่อของคนอื่นเช่นนี้
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
หลังจากที่มู่เฉียนซี จูเชว่ ซวนอู่และไป๋เจ๋อเอาชนะคนเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
และในตอนที่พวกเขารวมตัวกัน ทางด้านของเป่ยกงลั่วก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาแล้ว ไม่นานนัก เขาจึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าพวกไร้ประโยชน์ นานขนาดนี้แล้วยังจับคนมาให้ข้าไม่ได้เลยสักคนเดียว มันช่างน่าเบื่อจริง ๆ เลย”
ในเมื่อไม่มีคนให้ฆ่า เช่นนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าสองคนนี้ เขาควรจะฆ่าใครก่อนดีล่ะ?
เมื่อมู่หลินหลางและองค์ชายสามมู่หงจือเหลือบไปเห็นแววตาที่ต้องการจะฆ่าคนของเขา ตัวของพวกเขาก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที เป่ยกงลั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และแน่นอนว่าเขาเลือกที่จะเหลือของสวยงามเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมองไปที่องค์ชายสาม และองค์ชายสามก็กล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “ท่านอ๋องลั่ว จะ…เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ เสด็จพ่อของข้าได้เหลือพลังทิ้งไว้บนตัวของข้า หากเจ้าฆ่าข้าก็จะต้องเป็นอันตรายจากพลังที่ถูกผูกเอาไว้อย่างแน่นอน ความสามารถของเจ้ายังคงด้อยกว่าเสด็จพ่อของข้ามากมายนัก”
เป่ยกงลั่วคว้าผมของเขาเอาไว้แล้วจับเขายกขึ้นมา จากนั้นก็กล่าวอย่างน่ากลัวว่า “คำพูดของเจ้าก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ตกลง ข้าไม่ฆ่าเจ้าแล้ว!”
องค์ชายสามถอนหายใจด้วยความโล่งอก และในเวลานี้เป่ยกงลั่วก็ได้โยนมีดเล่มหนึ่งไปให้กับมู่หลินหลางพลางกล่าวว่า “ในเมื่อข้าฆ่าไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็มาฆ่าเขาซะ องค์หญิงหลินหลาง”
มู่หลินหลางตะลึงงันขณะที่หยิบมีดเล่มนั้นขึ้นมา “จะ…เจ้าอยากให้ข้าฆ่าหรือ!”
“ใช่สิ! เจ้าคิดว่าอยากจะปล่อยให้เขามองเจ้าเป็นตัวตลกอย่างนั้นหรือ? องค์หญิงหลินหลางผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์ตงหวงถูกคนอื่นเห็นในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ เจ้าเองก็อยากให้เขารีบหายไปจากโลกนี้เร็ ๆ เหมือนกันไม่ใช่หรืออย่างไร?” เป่ยกงลั่วกล่าวอย่างเหี้ยมโหด
มู่หลินหลางจับมีดเล่มนั้นเอาไว้แน่น ใช่แล้ว เป่ยกงลั่วพูดถูกต้องแล้ว มู่หงจือจะต้องตาย
องค์ชายสามก็สังเกตเห็นแววตาของมู่หลินหลางเช่นกัน เขากล่าวพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเผือด “มู่หลินหลาง พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ เป็นพี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน นี่เจ้าอยากจะฆ่าพี่ชายของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
มู่หลินหลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พี่น้องหรือ ในสายตาข้าเจ้าก็เป็นเพียงแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น เจ้ามันสมควรตายได้แล้ว!”
มู่หลินหลางถือมีดตรงเข้าไปแทงองค์ชายสามอย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
องค์ชายสามจ้องมองมู่หลินหลางด้วยความเกลียดชัง “มู่หลินหลาง เจ้ามันเป็นนางสารเลว! เป็นนังผู้หญิงสําส่อนสารเลว! ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าในอนาคตตกต่ำลงอย่างที่สุด เจ้าต้องตายอย่างน่าสมเพชมากกว่าข้า! เจ้าจะต้องตายอย่างน่าสมเพชมากกว่าข้าแน่!”
ปังงง!
มู่หลินหลางมีความต้องการจะฆ่าเขาอย่างชัดเจน แต่พลังที่จักรพรรดิตงหวงได้ทิ้งเอาไว้กลับไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย
มันไม่ใช่เพราะว่าจักรพรรดิตงหวงไม่ได้หลงเหลือพลังไว้ปกป้องพระราชโอรสของตนเอง แต่ทว่าคนที่ลงมือคือมู่หลินหลาง ซึ่งพลังนั้นก็คุ้นเคยกับกลิ่นอายของมู่หลินหลางเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงไม่อาจทำร้ายนางได้อย่างสิ้นเชิง
“ฮะ ฮ่า ฮ่า! เสด็จพ่อ ท่านนี่ลำเอียงอย่างถึงที่สุดจริง ๆ แม้แต่ตอนที่มู่หลินหลางต้องการจะฆ่าข้า ท่านก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจข้าเลย…”
ตึงง!
มู่หงจือล้มฟุบลงไปบนพื้น และเลือดสด ๆ ก็ไหลรินออกมาอย่างต่อเนื่อง
เป่ยกงลั่วแสยะยิ้มอย่างกระหายเลือดพลางกล่าวว่า “มีเลือดสดใหม่มาอีกแล้ว ฝ่าบาทหลินหลาง พวกเรามาทำกันอีกครั้งเถิด อีกไม่นานผลข้างเคียงของข้าก็จะสงบลงแล้ว ทีนี้เจ้าก็ได้หลุดพ้นอย่างสมบูรณ์เสียที”
เลือดสด ๆ กระจายไปทั่วร่างของนาง และมู่หลินหลางก็ตะโกนร้องด้วยความหวาดกลัว “ไม่เอา…”
หลังจากนั้น นางก็ไม่มีแม้แต่แรงที่จะพูดเลยด้วยซ้ำ
มู่หลินหลางทำได้เพียงแค่พูดอย่างแผ่วเบาว่า “ท่านอ๋องลั่ว ทะ…ท่านอ่อนโยนกับข้าหน่อยได้หรือไม่”
อย่างไรเสียท่านอ๋องลั่วก็เป็นเพียงแค่คนบ้าที่กระหายเลือดเท่านั้น ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่ารักหยกถนอมบุปผานั้นคืออะไร?
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่ามู่หลินหลางจะต้องการให้เขาอ่อนโยน แต่เขากลับทำตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ท่านหญิงโยวที่กำลังเฝ้าดูอยู่นั้นทั้งความยินดีและหวาดกลัวไปพร้อมกัน จากนั้นก็มีเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังนาง พลางกล่าวว่า “ผลข้างเคียงคืออะไร?”
ท่านหญิงโยวตกใจจนเกือบจะร้องตะโกนออกมา แต่กลับถูกมู่เฉียนซีปิดปากเอาไว้ได้เสียก่อน “ทางที่ดีเจ้าอย่าตกใจจนดึงดูดความสนใจของอาลั่วของเจ้าจะดีกว่านะ”
หลังจากที่ท่านหญิงโยวสงบลงแล้ว นางก็กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ขะ…ข้ารู้ว่าผลข้างเคียงที่อ๋องลั่วพูดถึงคืออะไร? ข้าได้ยินมาว่าเคล็ดวิชาที่เสด็จอาฝึกฝนมีความแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ฉะนั้นการที่จะมีผลผลข้างเคียงจึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพียงแต่ข้าไม่คิดว่าผลข้างเคียงมันจะเป็นแบบนั้น…เพราะเดิมทีอ๋องลั่วไม่มีความสนใจเรื่องระหว่างหญิงชายเลย อีกทั้งยังสนใจแต่เลือดของมนุษย์เท่านั้นอีกด้วย”
ดูเหมือนว่าการปะทะฝีมือกันกับเป่ยกงลั่วก่อนหน้านี้จะทำให้ความสามารถของเขายกระดับขึ้นจนเกิดผลข้างเคียงเมื่อตอนที่เขาหนีไป เพียงแต่เขามีความแข็งแกร่งมากพอที่สามารถยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ได้ก็เท่านั้นเอง
ถึงผลข้างเคียงของเป่ยกงลั่วยังไม่ถูกขจัดไปอย่างสมบูรณ์ แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ได้คิดจะลงมือง่าย ๆ ในเวลานี้
หลังจากที่เป่ยกงลั่วบ้าคลั่งไปอีกครั้ง ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้นของเขาในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติได้เสียที
มู่หลินหลางในตอนนี้ดูไม่เหมือนมนุษย์แล้ว เพราะทุกตารางนิ้วบนร่างกายของนางราวกับถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้งก็มิปาน
หลังจากนั้นเป่ยกงลั่วก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีขาวสะอาดสะอ้านอีกครั้ง และเขาก็ดูเหมือนเป็นเพียงชายหนุ่มสูงศักดิ์ที่เย็นชาคนหนึ่งเท่านั้น
พรวด!
มู่หลินหลางกระอักเลือดสด ๆ ออกมา ซึ่งภายในใจก็เอาแต่ก่นด่าคนไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉานผู้นี้
เป่ยกงลั่วกล่าวถามว่า “องค์หญิงหลินหลาง เจ้าอยากจะตายอย่างไรล่ะ?”
“เจ้ากล้าฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ? ให้ข้าฆ่ามู่หงจือยังไม่เท่าไร แต่หากเจ้ากล้าฆ่าข้า เจ้าก็จะต้องทุกข์ทรมานมากเช่นกัน” ไม่ว่าก่อนหน้านี้เป่ยกงลั่วจะทำเรื่องที่มากเกินไปแค่ไหน มู่หลินหลางก็ทนกัดฟันจนผ่านมันมาได้
เพราะนางเชื่อว่า เป่ยกงลั่วไม่มีทางกล้าฆ่านางอย่างแน่นอน!
ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะตายไม่ได้ นางยังไม่ทันได้ฆ่าสัตว์เดรัจฉานผู้นี้เลย ทั้งยังไม่ได้ฆ่าได้นางสารเลวอย่างมู่เฉียนซี นอกจากนี้นางยังทำตามความปรารถนาของเสด็จพ่อไม่สำเร็จอีกด้วย
แม้ว่านางจะต้องอับอายมากเพียงใด แต่นางไม่สามารถตายได้เด็ดขาด!
เป่ยกงลั่วกล่าวตอบว่า “ข้าไม่มีทางลงมือเองอย่างแน่นอน อยู่ที่เจ้าจะฆ่าตัวตายด้วยตนเอง? หรือว่าจะรอให้คนของข้ากลับมา และให้พวกเขาได้ลองลิ้มรสหญิงสาวที่ข้าเคยใช้ ให้พวกเขาลิ้มรสองค์หญิงแห่งราชวงศ์ตงหวง ที่เป็นถึงคู่หมั้นขององค์รัชทายาทเป่ยกง”
มู่หลินหลางสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ และเป่ยกงลั่วก็ไม่ใช่คนที่จะเป็นห่วงลูกน้องของตนเอง ฉะนั้นการที่ลูกน้องตายไปสักคนก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
ในเมื่อมู่หลินหลางไม่มีความกล้าที่จะฆ่าตัวตาย เป่ยกงลั่วจึงกล่าวว่า “เอาล่ะ เช่นนั้นก็รอลูกน้องของข้ากลับมาก็แล้วกัน”
การที่พวกเขาไม่กลับมาเป็นเวลานานถึงเพียงนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก และถึงเป่ยกงลั่วจะรอไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครกลับมาอยู่ดี
ดวงตาของเขาแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา และความอดทนของเขาก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์กลุ่มนั้นไปตายอยู่ที่ไหนแล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะต้องลงมือด้วยตัวเองเสียแล้วล่ะ! ขอเพียงไม่ทำให้ชีวิตขององค์หญิงหลิงหลางอย่างเจ้าตกอยู่ในอันตรายก็เพียงพอแล้ว” เป่ยกงลั่วจ้องมองไปยังมู่หลินหลางอย่างโหดเหี้ยม
มู่หลินหลางโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่เป่ยกงลั่วกลับกล่าวขึ้นมาว่า “องค์หญิงหลินหลาง เจ้าจะเกลียดข้าไม่ได้หรอกนะ! หากจะเกลียดก็ไปเกลียดคู่หมั้นของเจ้ากับมู่เฉินซีเถอะ! เดิมทีแล้วผลข้างเคียงทั้งหมดของข้าก็ล้วนเป็นเพราะว่ามู่เฉินซีทั้งนั้น หากว่าข้าไม่ได้ถูกนางบีบบังคับให้จนตรอก ข้าก็คงไม่ต้องใช้วิชาลับนั้น จนต้องเจอกับผลข้างเคียงเช่นนี้ และหากไม่ถูกผลข้างเคียงนั้นเล่นงาน ข้าก็คงไม่มีทางสนใจคนอย่างเจ้าแน่นอน”