ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2295 ไม่มีทางยอมแพ้
“หลังจากที่ต้นไม้ปีศาจแห่งความมืดเติบโตขึ้นแล้ว มิติของตำหนักปีศาจแห่งความมืดและตำหนักเทพแห่งชีวิตก็จะเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ และเมื่อถึงเวลานั้นไม้เทพแห่งชีวิตก็จะต้องตายอย่างแน่นอน จากนั้นเผ่าของข้าก็จะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของมัน” คนของเผ่าคำสาปกล่าวอย่างตื่นเต้น
การปรากฏตัวของตำหนักเทพแห่งชีวิตเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น และพวกเขาที่บังเอิญได้เจอกับมัน ก็ย่อมต้องเข้ามาแน่นอนอยู่แล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เข้าไป จะถูกท่านต้นไม้ปีศาจแห่งความตายโจมตี และได้เข้ามาในตำหนักปีศาจแห่งความตายแห่งนี้อีกด้วย
นายท่านต้นไม้ปีศาจแห่งความตายได้มอบภารกิจอย่างหนึ่งให้พวกเขา ขอเพียงทำได้สำเร็จ ไม้เทพแห่งชีวิตก็จะเป็นของพวกเขาแน่นอน
เผ่าคำสาปของพวกเขาอาจจะเป็นลูกน้องกลุ่มแรกที่ภักดีที่สุดของนายท่านต้นไม้ปีศาจแห่งความตายก็เป็นได้
นอกจากนี้นายท่านต้นไม้ปีศาจแห่งความตายยังสามารถทำให้พลังคำสาปของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ และมันยังช่วยให้พวกเขาหาคัมภีร์หมื่นคำสาปเจออีกด้วย
เงื่อนไขที่นายท่านต้นไม้ปีศาจแห่งความตายเสนอมานั้นน่าดึงดูดเหลือเกิน ฉะนั้นพวกเขาก็ย่อมต้องยอมตอบรับอย่างยินดีมากแน่นอนอยู่แล้ว
แต่หากพวกเขาเป็นคนไปปลูกต้นไม้ปีศาจแห่งความตายในตำหนักเทพแห่งชีวิต เกรงว่าจะต้องถูกไม้เทพแห่งชีวิตค้นพบเป็นแน่ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องหามนุษย์ที่ไม่มีพลังแห่งความตายคนหนึ่งมาเป็นผู้ช่วย ซึ่งพวกเขาก็ได้เจอคนของราชวงศ์ตงหวงผู้นี้เข้าพอดี
คนผู้นี้มีความสามารถที่แข็งแกร่ง ทั้งยังมีมันสมองที่เฉลียวฉลาด และแม้ว่าตัวของเขาจะมืดมนตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงภายในกระดูกดำ แต่ก็เป็นคนที่พวกเขาต้องการอยู่ดี
คนในชุดคลุมดำกล่าวว่า “นายท่านโปรดวางใจ ข้าจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน”
การปลูกเมล็ดพืชลงไปในพื้นที่บางส่วนของมิติแห่งชีวิต และการฆ่าคนสักสองสามคนเพื่อรดน้ำพวกมันด้วยเลือด เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เพราะคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยหลินหลางเท่านั้น แต่ในอนาคตพวกเขายังต้องให้คนของเผ่าคำสาปเหล่านี้จัดการแม่สาวน้อยมู่เฉินซีพร้อมกับมู่เฟิงอวิ๋นด้วย ฉะนั้นเขาก็ย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจพวกเขาอยู่แล้ว
แต่เขาไม่รู้เลยว่าการเอาอกเอาใจ เพื่อช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญนี้ของเขา มีความเป็นได้มากกว่าจะทำให้สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งแดนซวนเทียนต้องตายลงอย่างสมบูรณ์ และยังทำให้ทั่วทั้งแดนซวนเทียนกลายเป็นดินแดนแห่งความตายอีกด้วย
เพราะเมื่อไม้เทพแห่งชีวิตได้ตายลง พลังชีวิตของสิ่งอื่น ๆ ภายในโลกนี้ก็ต้องถูกตัดขาดไปพร้อมกันด้วยอย่างแน่นอน และแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
การปรากฏตัวของต้นไม้แห่งความตาย สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลายเป็นความว่างเปล่าได้ ซึ่งนี่จะต้องกลายเป็นความหายนะสำหรับมนุษย์อย่างแน่นอน
ทว่าเขากลับไม่ได้คิดมากมายถึงขนาดนั้น และยังไม่สามารถปฏิเสธได้อีกด้วย เพราะหากเขาปฏิเสธจนทำให้อีกฝ่ายโกรธเคือง ทั้งเขาและหลินหลางจะต้องตายอย่างแน่นอน
ในตอนที่มู่เฉียนซีไล่ตามพวกของซวนอู่มาได้ทัน ซวนอู่ก็กล่าวขึ้นมาว่า “เป่ยกงลั่วเข้าไปในหอเย่หยู่แล้ว”
หอเย่หยู่ คือสถานที่ที่เอาไว้เก็บใบไม้แห่งชีวิต ซึ่งใบไม้แห่งชีวิตก็คือสิ่งของสิ่งแรกที่ผู้คนอยากได้มากที่สุดเมื่อมาถึงที่นี่
ใบไม้แห่งชีวิตนั้นสามารถให้พลังชีวิตและช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตายได้ ทั้งยังสามารถเปลี่ยนร่างกายที่จะกำลังจะเน่าเปื่อยให้ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงได้อีกด้วย และยังทำให้…
ถึงอย่างไรมันก็มีประโยชน์มากมาย และคนที่ต้องการมันก็มีจำนวนมากเช่นกัน ฉะนั้นตอนนี้คนที่อยู่ในตำหนักเทพแห่งชีวิตส่วนใหญ่จึงเข้าไปในหอเย่หยู่กันหมดแล้ว
และสำหรับคนส่วนใหญ่ หอเย่หยู่แห่งนี้เป็นสถานที่ล่าสมบัติแห่งสุดท้ายในตำหนักเทพแห่งชีวิตแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ใบไม้แห่งชีวิตคือของดี พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ!”
จูเชว่กล่าวว่า “ภายในหอเย่หยู่ไม่สามารถต่อสู้ได้ ฉะนั้นเมื่อพวกเราเข้าไปแล้วก็จะไม่สามารถจัดการเป่ยกงลั่วได้เช่นกัน เขานี่ช่างหาที่ซ่อนเก่งจริง ๆ”
“เข้าไปเอาของก่อนค่อยว่ากันก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าว
ภายในห้องโถงใหญ่เวลานี้มีคนมารวมตัวกันมากมาย และนอกจากคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายแล้ว ทุกคนก็ล้วนอยู่ที่นี่ด้วยกันหมด
มู่เฉียนซีเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังอุ้มมู่หลินหลางเดินเข้ามาข้างในนี้เช่นกัน และจูเชว่กล่าวว่า “มู่หลินหลางยังไม่ตาย! คนผู้นี้ต้องการใช้ใบไม้แห่งชีวิตรักษานางเป็นแน่!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มู่หลินหลางไม่ตายหรอก ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบไม้แห่งชีวิตนางก็น่าจะไม่ตายอยู่ดี ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนั่นใช้วิธีไหนในการรักษาชีวิตของมู่หลินหลางไว้กันแน่! เพราะอย่างไรเสียสิ่งที่เป่ยกงลั่วทำก็โหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนาอยู่แล้ว!”
ไม้เทพแห่งชีวิตกล่าวว่า “นอกจากคนที่ถูกจับโยนออกไปจากตำหนักเทพแห่งชีวิตแล้ว พวกเจ้าทุกคนได้มารวมตัวที่นี่กันหมดแล้ว”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่หมดแล้วอย่างนั้นหรือ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
จิ่วเยี่ยเข้ามาที่นี่พร้อมนางชัด ๆ แต่เหตุใดถึงไม่ได้อยู่ที่นี่กันล่ะ?
นอกจากนี้ยังมีคนของเผ่าคำสาปเหล่านั้นอีก นางไม่เชื่อว่าคนจากเผ่าคำสาปเหล่านั้นจะถูกคนอื่นจัดการได้ด้วย
ทันทีที่สิ้นเสียงของไม้เทพแห่งชีวิต ป้ายสัญลักษณ์ของทุกคนก็ลอยออกมา ซึ่งบนนั้นมีตัวเลขต่างๆมากมาย มีทั้งสิบ ยี่สิบ สามสิบ…
พวกของจูเชว่เองก็ไม่เลวเช่นกัน เพราะทุกคนล้วนได้รับจำนวนเจ็ดสิบถึงแปดสิบกันทั้งนั้น ส่วนของมู่เฉียนซีน่ะหรือ!
“พระเจ้า! หนึ่งร้อย! ซีซีเจ้าได้จำนวนหนึ่งร้อยเลยอย่างนั้นหรือ เจ้าได้รับใบไม้แห่งชีวิตถึงหนึ่งร้อยใบเชียว”
“มู่เฉินซีจะวิปลาสเกินไปแล้ว! นางทำได้อย่างไรกันแน่? ถึงได้จำนวนหนึ่งร้อยเช่นนั้น”
“……”
อย่างไรเสียจำนวนหนึ่งถึงหนึ่งร้อยก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน ส่วนจำนวนเก้าสิบนั้นมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งป้ายไม้ที่มีจำนวนเก้าสิบนั้นก็อยู่ในมือของชายชุดคลุมดำที่ปกป้องมู่หลินหลางคนนั้น
ส่วนป้ายสัญลักษณะของมู่หลินหลางก็ลอยออกมาเช่นกัน แต่ทว่านางในเวลานี้กำลังตกอยู่ในอาการหมดสติ จึงได้สูญเสียสิทธิ์ในการรับใบไม้แห่งชีวิตไป
บนป้ายสัญลักษณ์มีลำแสงสีเขียวออกแผ่กระจายออกมา และทุกคนก็หายไปจากภายในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ทันที
มู่เฉียนซีมาถึงมิติหนึ่งเพียงลำพัง และภายในมิติแห่งนี้ก็มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง
ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดเล็กกว่าต้นไม้แห่งชีวิตขนาดใหญ่ที่เคยเห็นตอนนี้เข้ามาที่นี่ต้นนั้น ใบไม้ของมันเขียวชอุ่ม ทั้งยังมีพลังชีวิตที่เปี่ยมล้นอีกด้วย
“เฉียน เจ้าสามารถเก็บใบไม้จากบนต้นไม้แห่งชีวิตนี้ได้ร้อยใบ” และน้ำเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “ใครบอกชื่อของข้าให้กับเจ้า เฉียนรึ? นี่เจ้ากำลังแสร้งทำตัวเป็นชิงอิ่งมาคุยกับข้าหรือ ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะเหมือนกันทุกประการ แต่ข้าก็ฟังออกอยู่ดีนั่นแหละ”
ไม้เทพแห่งชีวิตผงะไปเล็กน้อย เขากล่าวว่า “พลังจิตวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเจ้าจึงอ่อนไหวมากเช่นนี้ และถึงจะหลอกเจ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะข้าก็แค่อยากจะลองดูก็เท่านั้นเอง”
“ไปเก็บใบไม้แห่งชีวิตหนึ่งร้อยใบของเจ้าเถอะ! แต่เจ้าไม่สามารถเก็บเกินไปได้แม้แต่ใบเดียว ฉะนั้นก็อย่าเปลืองแรงล่ะ”
มู่เฉียนซีตรงเข้าไปเก็บใบไม้จำนวนหนึ่งร้อยใบอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน และนางก็รู้สึกได้ว่าพลังแห่งชีวิตภายในใบไม้เหล่านี้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ไขวิญญาณชนิดสุดท้ายของไขวิญญาณเบญจธาตุที่นางต้องการค้นหา หรือว่ามันจะถูกซ่อนอยู่ภายในไม้เทพแห่งชีวิตเหล่านี้กันนะ
“ข้ารู้ดีว่าเจ้ากำลังรวบรวมไขวิญญาณแห่งชีวิตเบญจธาตุ และตำหนักเทพแห่งชีวิตของข้าก็มีไขวิญญาณแห่งชีวิตเบญจธาตุทั้งหมดนั้นอยู่ด้วย แต่หากข้าไม่ได้บอกเจ้าละก็ เจ้าก็ไม่มีทางหาไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุพฤษานั้นเจอได้หรอก”
ที่ไม้เทพแห่งชีวิตสังเกตมู่เฉียนซีเป็นพิเศษนั่นก็เป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ที่พิเศษของนางกับชิงอิ่ง ฉะนั้นย่อมรู้อยู่แล้วว่ามู่เฉียนซีกำลังต้องการหาสิ่งใดอยู่
“ไม้เทพแห่งชีวิต ข้าต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะมอบไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุพฤษาให้กับข้า?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
ไม้เทพแห่งชีวิตกล่าวว่า “ข้าน่ะ! อยากให้เจ้ายอมแพ้เรื่องหุ่นเชิดตัวนั้นเสีย เจ้าท่อนไม้นั่นจะต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าไปชั่วนิรันดร์ ไม่สามารถกลับไปอยู่ข้างกายของเจ้าได้อีกแล้ว และเจ้าอย่าได้คิดที่จะเจอเขาอีก! ฉะนั้นเจ้าต้องพูดออกมาจากปาก ว่าเจ้าไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว ทำให้เขายอมแพ้ แล้วข้าจะบอกเจ้า ดีหรือไม่?
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ชิงอิ่งเคยบอกว่า พวกเราจะต้องได้เจอกันอีก ดังนั้นการที่เขาจะไม่อยากเจอข้า และต้องการอยู่เคียงข้างเจ้า นั่นต้องไม่ใช่ความตั้งใจของเขา ฉะนั้นข้าไม่สามารถรับปาก! หรือพูดคำพูดเช่นนั้นออกมาได้ อีกอย่างข้าไม่สามารถตัดสินใจแทนชิงอิ่งได้อีกด้วย”
“หลังจากที่ชิงอิ่งจากไปได้ไม่นาน ข้าก็อยากที่จะเจอเขาแล้ว แต่ข้าหาร่องรอยของเขาไม่เจอ! และในเมื่อตอนนี้อยู่ใกล้เขาถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?”
ไม้เทพแห่งชีวิตกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็อย่าคิดว่าจะตามหาไขวิญญาณแห่งชีวิตเบญจธาตุเจอได้ลย และเจ้าก็อย่าคิดที่จะไปช่วยเจ้าผู้ชายที่สมควรตายไปตั้งนานแล้วคนนั้นได้อีกเลยเช่นกัน”
.