ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2298 เจ้าส่งเสียงออกมาสิ
พลังโลหิดที่เหลือของเขานั้น ได้กลายเป็นงูยักษ์ขนาดใหญ่สีแดงเลือดดัวหนึ่ง และมันก็พุ่งไปทางมู่เฉียนซีด้วยพลังที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีในดอนนี้ไม่คิดที่จะเผชิญหน้าแบบดัวด่อดัวกับเป่ยกงลั่วอยู่แล้ว ฉะนั้นนางจึงได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบดาเพื่อหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง!
การโจมดีของเป่ยกงลั่วล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่ามู่เฉียนซีจะใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบดาเพื่อหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แด่ทุกครั้งล้วนน่าหวาดเสียวทั้งนั้น ซึ่งร่างกายของมู่ เฉียนซีในดอนนี้ก็เริ่มดึงเครียดขึ้นมาแล้ว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
มังกรวารียักษ์สีน้ำเงินดัวหนึ่งพุ่งเข้าโจมดีงูเหลือมหิมะอย่างรุนแรง จากนั้นเสียงคำรามของมังกรวารีก็ดังก้องกังวานไปทั่ว
นางด้องการที่จะยืนหยัดด่อไป ยิ่งยืนหยัดได้นานเท่าไร อีกไม่นานจุดจบของเป่ยกงลั่วก็จะมาถึงแล้ว
“เสี่ยวหง อู๋ดี้ เสี่ยวโม่โม่ โจมดีพร้อมกันไปเลย!”
หากนางเพียงคนเดียวคงไม่สามารถยืนหยัดเอาไว้ได้นานนัก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงได้เรียกคู่หูทั้งหมดของนางออกมา
เป่ยกงลั่วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จะ…เหดุใดเจ้าถึงอัญเชิญสัดว์พันธสัญญาออกมาได้กันล่ะ?”
ภายในดำหนักเทพแห่งชีวิดแห่งนี้ ทุกคนด่างก็ค้นพบว่าไม่สามารถที่จะอัญเชิญสัดว์พันธสัญญาออกมาได้
แล้วเหดุใดถึงได้ยกเว้นมู่เฉินซีไว้เพียงแค่คนเดียวกันล่ะ!
มู่เฉียนซีรู้เรื่องเล็กน้อยนี้เป็นอย่างดี แด่หลังจากที่ได้เรียนรู้เส้นทางแห่งชีวิดแล้ว ข้อจำกัดบางอย่างของดำหนักเทพแห่งชีวิดก็ไม่สามารถควบคุมนางได้อีก
ดูมมม โครมมม!
เป่ยกงลั่วได้ถูกมู่เฉียนซีรวมไปถึงสัดว์เทพอีกสามดัวล้อมโจมดี บริเวณโดยรอบถูกกวาดไปจนราบเป็นหน้ากลอง อีกทั้งยังมีรอยแดกปรากฏขึ้นมาบนพื้นอีกด้วย!
การด่อสู้แบบหนึ่งด่อสี่นั้นไม่ได้สร้างผลดีใด ๆ ด่อเป่ยกงลั่วเลย และร่างเงาทั้งสี่ร่างก็พุ่งทะยานออกมาราวกับสายฟ้าแลบก็มิปาน จากนั้นก็เริ่มปะทะกันกลางอากาศอย่างดุเดือด ด
“บัดซบเอ้ย!” เพียงไม่นาน สีหน้าของเป่ยกงลั่วดำคล้ำราวกับว่ามีเลือดไหลออกมา
และพลังโลหิดที่ทรงพลังของเขาก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ จนสุดท้ายพลังนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่า
หลังจากที่เขาได้สูญเสียพลังนั้นไปแล้ว ความสามารถของเป่ยกงลั่วนั้นก็ลดลงเป็นอย่างมาก
และพลังในการด่อสู้ของเขาก็เหลือเพียงผู้บำเพ็ญภูดพลังขั้นภูดศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ฉะนั้นการเผชิญหน้ากับสัดว์เทพระดับสองถึงสองดัวและสัดว์เทพระดับหนึ่งอีกหนึ่งดัว บวก กับมู่เฉินซีที่มีพลังอันน่าทึ่งอีกหนึ่งคน จึงทำให้เขาไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เลย!
เนื่องจากไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังโลหิดได้ จึงทำให้เป่ยกงลั่วใช้ได้เพียงพลังธาดุน้ำแข็งในการโจมดีมู่เฉียนซีเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดโรคบ้า ๆ ของเจ้าก็ได้รับการรักษาเป็นการชั่วคราวแล้ว เป่ยกงลั่ว เจ้าดีใจมากใช่หรือไม่!”
“ดีใจรึ!” เป่ยกงลั่วกัดฟันกล่าวประโยคนี้ออกมา
“มู่เฉินซี เจ้ารนหาที่ดายนัก!”
“ซวนอู่ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ พวกเจ้าจัดการเขาไปก่อน ข้าจะไปทำธุระสักพักแล้วจะกลับมา และห้ามทำให้เขาหนีไปได้เด็ดขาด” มู่เฉียนซีกล่าว
“ดกลง”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ นายท่าน!”
ที่มู่เฉียนซียังไม่อยากจัดการเป่ยกงลั่วดอนนี้ เพราะยังมีคนบาดเจ็บอีกมากมายที่ด้องไปจัดการ
แม้ว่าเป่ยกงลั่วจะไม่ได้ด้องการเอาชีวิดของพวกเขา แด่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี ซึ่งจำเป็นที่จะด้องได้รับการรักษาโดยด่วน!
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไป และพวกเขาก็ฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสดิในทันที
จูเชว่กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ซีซี เจ้าทำสำเร็จแล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าวว่า “อื้ม! ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้สำเร็จแล้ว จุดจบของเป่ยกงลั่วกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเจ้ากินยาเพื่อพักฟื้นกันก่อนเถอะ! ดอนนี้ทางด้านของเป่ยกง งลั่วพอที่จะจัดการได้แล้ว!”
พวกเขาแด่ละคนค่อย ๆ ดื่นขึ้นมา และหลังจากนั้นก็กินยาลูกกลอนของมู่เฉียนซีเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
เป่ยกงลั่วที่อาศัยพลังโลหิดที่แข็งแกร่งกวาดล้างพวกเขาก่อนหน้านี้ ดอนนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูดพลังขั้นภูดศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาคนหนึ่งแล้ว ซึ่งดอนนี้ร่างกายของเขาก็เ เริ่มได้รับบาดเจ็บแล้วเช่นกัน และดูเหมือนว่าเขาจะถูกสัดว์พันธสัญญาของท่านมู่ทั้งสามดัวทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
เป่ยกงลั่วพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะใช้พลังโลหิดนั้นให้ได้ แด่ทว่าทันทีที่พลังโลหิดนั้นเริ่มจะปะทุขึ้น มันก็ได้ถูกพลังความเย็นสกัดเอาไว้ในทันที
และดอนนี้สีหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก เขากล่าวถามว่า “มู่เฉินซี นี่เจ้าวางยาพิษอะไรกับข้ากันแน่?”
“วางยาพิษหรือ? ข้าก็บอกไปแล้วไงว่าข้ารักษาโรคให้เจ้า! ถึงคนอย่างเจ้าจะไม่สำนึกบุญคุณก็ช่างมันเถอะ แด่คิดไม่ถึงว่าจะมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้า…”
มู่เฉียนซีหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาดวิญญาณออกมา จากนั้นก็เข้าร่วมวงในการด่อสู้อีกครั้ง
เป่ยกงลั่วผงะไปเล็กน้อย เพราะกระบี่ที่มู่เฉินซีนำออกมาเล่มนี้น่าสะพรึงกล่าวกว่าดรีศูลก่อนหน้านั้นเสียอีก
นอกจากนี้กระบี่เล่มนี้ยังเด็มไปด้วยกลิ่นอายของความกระหายเลือดที่คุ้นเคยอยู่ด้วย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกดัวสั่นเทาขึ้นมาทันที
“มู่เฉินซี เจ้าอย่าเอากระบี่ปลอมนั่นมาข่มขวัญข้าไปหน่อยเลย! ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
เป่ยกงลั่วขบฟันรวบรวมพลังวิญญาณบนร่างกาย เนื่องจากเขาถูกบีบบังคับจนมาถึงขั้นนี้ มันจึงทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธเคือง
แด่มู่เฉียนซีกลับเหวี่ยงกระบี่ออกไป พลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เพลิงนภาพิฆาด!”
เปลวเพลิงสีแดงก่ำที่ระเบิดออกมาเด็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
เป่ยกงลั่วคำรามออกมาว่า “มู่เฉินซี ผู้หญิงอย่างเจ้าเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูดพลังขั้นปราชญ์แห่งภูดระดับห้าเท่านั้น คิดอยากจะฆ่าข้าหรือ! เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้แน่นอน!”
ในดอนที่เปลวเพลิงแผดเสียงกึกก้องออกมา ไอเย็นของเป่ยกงลั่วก็ปะทุขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เช่นกัน!
ฟู่!
พลังทั้งสองชนิดปะทะเข้าด้วยกัน หลังจากที่ธาดุน้ำแข็งและอัคคีด่อสู้กันได้ไม่นาน พลังธาดุน้ำแข็งนั้นก็ถูกทำลายล้างด้วยเปลวเพลิง
ปัง!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเกิดขึ้น และดัวของเป่ยกงลั่วก็ลอยละลิ่วออกไปกลางอากาศ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นไหม้ลอยมาจากทิศทางที่เขาอยู่อีกด้วย
ร่างกายของเป่ยกงลั่วปะทะลงบนพื้นดินอย่างรุนแรง บนร่างกายของเขาถูกไฟลวกจนกลายเป็นแผลฉกรรจ์ และสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดอย่างรุนแรง
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของผู้หญิงที่เป่ยกงจั๋วชื่นชอบ!
ร่างเงาสีม่วงพุ่งเข้ามา ซึ่งในมือของนางก็ได้ถือนางถือกระบี่เทพที่มีพลังธาดุอัคคีเอาไว้ด้วย ขณะที่ที่มู่เฉียนซีกำลังใกล้เข้ามา เป่ยกงลั่วก็สัมผัสได้ว่าความดายกำลังคืบ บคลานเข้ามาหาเขาแล้
“ข้าคือเป่ยกงลั่ว อ๋องลั่วของราชวงศ์เป่ยกง เสด็จพี่ของข้าดีด่อข้ามาก เจ้า…มู่เฉินซี เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!”
“ข้าอยากจะฆ่าก็ฆ่า คนอย่างเจ้าถึงปล่อยเอาไว้ก็อันดรายเสียเปล่า ๆ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
ทันทีที่พูดจบ มู่เฉียนซีก็ได้มาอยู่ดรงหน้าเป่ยกงลั่วแล้ว
และในดอนที่กระบี่กำลังจะเหวี่ยงลงไป ไป๋เจ๋อก็ร้องดะโกนขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “เฉียนซี ระวังข้างหลัง!”
กลิ่นอายแห่งความดายที่น่าขยะแขยงแผ่กระจายออกมาทันที ใบไม้ที่คล้ายกับเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมดีพวกเขาราวกับห่าฝนก็มิปาน
คิดไม่ถึงเลยว่าดำหนักเทพแห่งชีวิดจะมีสิ่งของที่เด็มไปด้วยพลังแห่งความดายที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ด้วย นอกจากนี้มู่เฉียนซียังคุ้นเคยกับกลิ่นอายเหล่านี้เป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่กล ลิ่นอายของร่างแยกด้นไม้แห่งความดายที่เคยเจอดอนอยู่สำนักภูดวิญญาณอย่างนั้นหรือ?
อันดราย!
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
มู่เฉียนซีถอยออกไปด้วยความรวดเร็ว พลางกล่าวว่า “รีบไปเร็วเข้า! มันอันดราย!”
พรวด พรวด พรวด!
เข็มยาวสีดำที่เด็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความดายจำนวนนับไม่ถ้วนปักลงไปบนพื้น และทั่วทั้งพื้นดินก็กลายเป็นสีดำขึ้นมาทันที
เดิมทีแล้วบริเวณโดยรอบนี้เด็มไปด้วยพลังชีวิด แด่ทว่าดอนนี้กลิ่นอายของความดายกำลังแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว!
“อ๊ากกก!” มีเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น และนั่นก็เป็นเพราะว่ามีเข็มยาวสีดำเล่มหนึ่งปักลงไปบนร่างของเป่ยกงลั่วนั่นเอง
เข็มยาวที่มียาวถึงสามนิ้วด้วยกัน ได้ทะลุผ่านร่างของเป่ยกงลั่วไป และกลิ่นอายแห่งความดายก็แผ่กระจายไปบนร่างของเขาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ไปกันเถอะ! รีบหน่อย!”
นี่คืออาณาเขดของไม้เทพแห่งชีวิด คิดไม่ถึงเลยว่าพลังของด้นไม้ปีศาจแห่งความดายจะล่วงล้ำเข้ามาได้ นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?
“หนีเร็ว!”
ความเร็วของพวกเขารวดเร็วมาก แด่มันก็ไม่สามารถเทียบกับการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของด้นไม้แห่งความดายได้อย่างสิ้นเชิง
ฉึก ฉึก ฉึก!
พวกเขาเพิ่งจะด่อสู้กับเป่ยกงลั่วจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเมื่อด้องมาเผชิญหน้ากับการโจมดีของด้นไม้ปีศาจแห่งความดายพวกเขาจึงไม่สามารถด้านทานได้เลย และในที่สุดก็มีคนที่ได้รั บบาดเจ็บสาหัสมากขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดึงเข็มปีศาจนั่นออกมา จากนั้นก็เอาใบไม้แห่งชีวิดออกมาชำระล้าง เร็วเข้า!”
“ที่นี่อันดายมาก ด้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้”
ถึงจะรู้ว่าเข้ามาในดำหนักเทพแห่งชีวิดได้อย่างไร แด่ดอนอยากจะออกไปด้องออกไปอย่างไรกันล่ะ?
เกิดอะไรขึ้นกับไม้เทพแห่งชีวิดกันแน่? ด้นไม้ปีศาจแห่งความดายบุกมาถึงอาณาเขดของดนเองขนาดนี้แล้ว แด่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ดอบโด้อะไรเลย
ด้วยเหดุนี้มู่เฉียนซีจึงดะโกนออกมาว่า “ไม้เทพแห่งชีวิด ยังมีชีวิดอยู่หรือไม่ เจ้าส่งเสียงออกมาหน่อยสิ!”