ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2321 สร้างทางเลือก
หลังจากที่รู้ตัวตนของซีเอ๋อร์แล้ว เขาก็นึกได้ว่าซีเอ๋อร์ต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงใดเพื่อตามหาพ่อที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างเขา
นี่คือทั้งหมดที่เขารู้ แต่ย่อมต้องมีเรื่องอีกมากมายที่เขาไม่รู้แน่นอน
และเขาก็เลือกที่จะปิดบังตัวตนมาโดยตลอด รู้ทั้งรู้ว่านางต้องการตามหาเขา รู้ทั้งรู้ว่านางนั่งอยู่ข้างหน้าของเขา รู้ทั้งรู้ว่าเขามีโอกาสนับไม่ถ้วนที่จะพูดตัวตนของตน นเองออกมา แต่เขากลับเลือกที่จะปิดบังเอาไว้อยู่ดี
ตอนนี้เขาอยากที่จะให้ตนเองไปแดนนรกเสียเหลือเกิน เขาอยากไปเจอซีเอ๋อร์ อยากบอกนาง ว่าเขาอยู่ตรงนี้แล้ว
ตราบใดที่นางต้องการ เขาก็สามารถมอบสมบัติทั้งหมดในโลกใบนี้ ให้กับนางได้
แต่ว่า ไม่ได้!
“เช่นนั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ พี่ใหญ่ ครอบครัวพวกเรามารวมตัวกันพร้อมหน้าไม่ดีหรือ?” มู่เฟิงหลิงกล่าวถาม
พี่ใหญ่เป็นคนที่คิดมากกว่าเขาอยู่เสมอ ทั้งยังคิดไกลกว่าเขาอีกด้วย! และด้วยความรักที่พี่ใหญ่มีต่อซีเอ๋อร์ เขาย่อมต้องการให้ซีเอ๋อร์รับรู้แน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “แดนซวนเทียนเพิ่งจะประสบกับภัยพิบัติ เนื่องจากการปรากฏตัวของต้นไม้ปีศาจแห่งความตาย เจ้ารู้ไหมว่าผู้ใดคือคนที่ขัดขวางภัยพิบัติในครั้งนี้เอาไว้? เขาก็ คือท่านอ๋องจิ่วเยี่ย หวงจิ่วเยี่ยผู้นั้น”
“คำสาปที่อยู่บนร่างกายของเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าของข้าเสียอีก ซึ่งนั่นก็เป็นผลงานของเผ่าคำสาปเช่นกัน และหากเข้าไปใกล้ต้นไม้ปีศาจแห่งความตายก็จะอันตรายมาก ทว่าเขากลับ บเอาชนะต้นไม้ปีศาจแห่งความตายได้อยู่ดี แม้ว่าเขากับซีเอ๋อร์จะกลับมาอย่างปลอดภัย แต่ข้ากลับสามารถสัมผัสได้ว่าซีเอ๋อร์เป็นห่วงเขามากเพียงใด เพราะสถานการณ์ของเขาอันตรายกว่ าของข้ามากนัก”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เขาก็เผยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมออกมา
“ที่ซีเอ๋อร์ไปยังแดนนรก ก็เพื่อที่จะหาวัตถุดิบชนิดหนึ่งมาช่วยแก้คำสาปให้กับหวงจิ่วเยี่ย และมันก็คือดีกิเลน ซีเอ๋อร์เองก็รู้ดีว่าร่างกายของข้าไม่ดีเท่าไรนัก หากบอก กตัวตนของข้ากับนางไป ซีเอ๋อร์ต้องเลือกทำในเรื่องที่ยากลำบากมากอย่างแน่นอน ข้าไม่อยากทำให้ซีเอ๋อร์ต้องเสียสมาธิน่ะ”
อีกฝ่ายก็เป็นชายที่นางรักอย่างสุดหัวใจ อีกฝ่ายคือพ่อแท้ ๆ ที่ใกล้ชิดมากที่สุด สุดท้ายแล้วนางควรจะอยู่ทางไหนกันแน่? เพราะทั้งสองทางล้วนอันตรายมากทั้งนั้น?
การเลือกเช่นนี้ เขาไม่อยากให้ลูกสาวเขาต้องตัดสินใจเลือกเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่ามันจะทำให้คิดถึงจนแทบขาดใจ แต่มู่เฟิงอวิ๋นก็มีเหตุผลที่จะเลือกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง และปล่อยให้ซีเอ๋อร์ไม่รู้อะไรเลยจะดีกว่า
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ชอบเขามาก ข้าไม่อยากที่จะทำให้นางถอนคำสาปของหวงจิ่วเยี่ยล่าช้าเกินไป หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหวงจิ่วเยี่ย ข้าก็ไม่รู้ว่าซีเอ๋อร์จะเป็นเช่น นไรบ้าง?”
ลูกสาวของเขาเหมือนกับเขามากเหลือเกิน ซึ่งก็เป็นคนประเภทที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตนเองรักนั่นเอง
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “ส่งคนไปส่งข่าวก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ได้! ตอนนี้ปล่อยให้ซีเอ๋อร์จดจ่ออยู่กับการแก้คำสาปให้กับหวงจิ่วเยี่ยเถอะ! ซีเอ๋อร์มอบไขวิญญาณแห่งชีวิตเบญจธาตุที่หามาได้ให้กับข้าแล้ว ปัญหาของข้าในตอนนี้ไม่ให หญ่เลย ยังสามารถรอได้อยู่!” มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวตอบ
มู่เฟิงหลิงรู้ดีว่าพี่ชายของเขามีความตั้งใจมากเพียงใด แต่เขากลับอดที่จะปวดใจแทนพี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ดี
ก็เห็นอยู่ว่าได้เจอกับซีเอ๋อร์แล้ว และก็รู้ว่าซีเอ๋อร์อยู่ที่ใด? แต่กลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันและเจอหน้ากันได้
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “น้องรอง เล่าเรื่องของเจ้ามาด้วยสิ!”
“ข้าไม่ได้เชื่อฟังคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่ตระกูลมู่ และหลังจากที่ท่านไปแล้วข้าก็ได้ทิ้งพวกอวู่ซวง ชิงเฉินและซีเอ๋อร์เอาไว้แล้วจากมา แต่กลับโชคไม่ดีนัก…”
แน่นอนว่านั่นเป็นประวัติอันดำมืดที่น่าอับอายอยู่แล้ว หากว่าเขาไม่ได้พบกับซีเอ๋อร์ หากซีเอ๋อร์ไม่ได้ค้นพบตัวตนของเขา บางทีเขาตอนนี้อาจจะยังคงเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโ โดยผู้อาวุโสของตำหนักเป่ยหานอยู่ก็เป็นได้ และยังคงไม่มีความทรงจำของตนเองเป็นแน่
“ในร่างกายของน้องรองมีสายเลือดของกิเลนที่ทำให้ซีเอ๋อร์สามารถสัมผัสถึงมันได้ แต่สายเลือดของข้าได้ถูกตัดขาดไปนานมากแล้ว ฉะนั้นจึงมิแปลกใจเลยที่คนฉลาดหลักแหลมอย่างซีเอ๋ อร์จะไม่สามารถคาดเดาตัวตนของข้าออก” มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวอย่างขมขื่น
มู่เฟิงหลิงพูดคุยเรื่องราวมากมาย ทั้งตอนนี้มู่เฟิงหลิงถูกรังแก และตอนที่เขาถูกคนของเผ่าคำสาปไล่ล่า ซึ่งแววตาของมู่เฟิงอวิ๋นก็ฉายแววเย็นชาขึ้นมาทันที
แต่เมื่อมีเรื่องที่เกี่ยวกับซีเอ๋อร์ สายตาของมู่เฟิงอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันทีเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีตอนที่มู่เฟิงหลิงและซีเอ๋อร์ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเมื่อมู่เฟิงอวิ๋นได้ฟังแล้วก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที
หลังจากที่มู่เฟิงหลิงเล่าเรื่องราวของตนเองจบแล้ว ก็กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์บอกว่าอวู่ซวงไปที่แดนปีศาจ ส่วนเจ้าเด็กเหลือขอชิงเฉินก็จากไปโดยที่ไม่สนใจน้องสาวเลยแม้แต่น้อย หากท่า านหาเขาพบแล้ว ท่านจะต้องยอมให้ข้าสั่งสอนบทเรียนแก่เขาด้วย!”
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “ในที่สุดอวู่ซวงก็ไปยังแดนปีศาจสินะ สถานที่แห่งนั้นต่างหากถึงจะเป็นที่ของเขา และหวังว่าเขาจะยังปลอดภัยดี ส่วนชิงเฉิน…”
“ข้ารู้ว่าเขาออกมาจากดินแดนทั้งสี่ทิศแล้ว และตอนนี้เขาก็อยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์!”
มู่เฟิงหลิงผงะไปเล็กน้อย “แดนศักดิ์สิทธิ์ เขาถูกคนจับตัวกลับไปอย่างนั้นหรือ?”
ในฐานะโอรสของธิดาศักดิ์สิทธิ์และองค์รัชทายาทเฟิงอวิ๋น ใคร ๆ ก็ต้องรู้ว่าพรสวรรค์ของชิงเฉินนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่ปล่อยอัจฉริยะเช่นนี้ไปแน่นอน
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “เขาน่าจะเข้าไปในกับดักนั้นด้วยตนเองมากกว่า”
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าสามารถที่จะพยายามเพียงลำพัง และสู้สุดชีวิตเพียงลำพังก็พอ
ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้น หรือทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างกลับมา เขาขอแค่ให้คนใกล้ชิดเฝ้ารอเขาอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
แต่ทว่าเจ้าพวกคนเหล่านี้ แต่ละคนไม่ใช่คนที่เชื่อฟังเลยแม้แต่น้อย
และเขาก็ได้รู้แล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้กำลังพยายามเพียงลำพัง ซึ่งมันก็ทำให้พลังภายในใจของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
มู่เฟิงหลิงกล่าวว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…ซีเอ๋อร์บอกว่าเจ้าคนชั่วคนนั้นกับท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เหตุผลเพราะเผ่าคำสาปทำให้ไม่สามารถปรากฏตัวได้ และซีเอ๋อร์ก็ได้ถอนค คำสาปของท่านแม่แล้วด้วย”
“ท่านพ่อกับท่านแม่น่ะหรือ!” มู่เฟิงอวิ๋นผงะไปเล็กน้อย
“คิดไม่ถึงเลยว่าซีเอ๋อร์จะโตมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว มันช่างทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ ทั้งสองคนไม่เป็นอะไร และยังมีชีวิตอยู่ มันช่างทำให้ข้ามีความสุขเหลือเกิน” ถึงมู่เฟิงหลิงจะไ ไม่พอใจท่านพ่อเป็นอย่างมาก แต่มู่เฟิงอวิ๋นแสดงออกถึงความเข้าใจดี
เขาเองก็ได้ทอดทิ้งซีเอ๋อร์และชิงเฉินเช่นนั้นเหมือนกัน และเกรงว่าจะไม่ได้ต่างอะไรกับท่านพ่อเลยด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่ ข้าต้องทำเช่นไรถึงจะมีสายเลือดของกิเลนที่สมบูรณ์ได้ หากข้าสามารถกลายเป็นกิเลนที่สมบูรณ์แบบได้ ซีเอ๋อร์ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะกิเลนแห่งเหวนรก นั้นก็สามารถได้รับดีกิเลนได้แล้ว” เขาคือกิเลน แต่กลับเป็นเพียงแค่เลือดผสมเท่านั้น
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “หนทางน่ะมี แต่ซีเอ๋อร์ไม่มีทางยอมรับแน่นอน หลังจากนี้ไปเจ้าอย่าได้กล่าวเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลย”
มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ขอรับ!”
หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันอีกมากมาย เพราะไม่ได้เจอกันมากกว่าสิบปี จึงทำให้พวกเขามีเรื่องที่ต้องคุยกันมากมายจริง ๆ
บริเวณโดยรอบเรือนหลักเงียบสงบเป็นอย่างมาก และพวกของชิงหลงก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ทางนั้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งพวกเขาทำได้เพียงเฝ้ารออย่างร้อนใจ โดยที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายใน นเป็นอย่างไรบ้าง?
และในเวลานี้ ชิงหลงก็ได้รับข่าวบางอย่างมา
“คุณชายชิงหลง ตอนนี้คนของราชวงศ์ตงหวงได้ลงมือกับหอหมอปีศาจอีกแล้วขอรับ พวกเขาส่งยอดฝีมือบุกเข้าโจมตีหอหมอปีศาจอย่างกะทันหันจากทั่วทุกแห่ง แม้ว่าหอหมอปีศาจจะมีค่ายกลป้ องกัน กับยอดฝีมือหุ่นเชิดคอยเฝ้าระวังอยู่ แต่ราชวงศ์ตงหวงก็โจมตีเข้ามาอย่างดุเดือด ซึ่งคุณชายทุกท่านได้เริ่มลงมือกันแล้ว และจำเป็นที่จะต้องแจ้งแม่นางมู่ให้ทราบด้วยขอร รับ”
มีเพียงชิงหลงที่อยู่ที่นี่ที่รู้ว่าตอนนี้มู่เฉียนซีได้ไปยังคุกโลหิตแล้ว และชิงหลงก็ผงะไปเล็กน้อยเมื่อได้รู้ข่าวนี้ ซึ่งในที่สุดเขาก็หาข้ออ้างไปหาพ่อบุญธรรมได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ชิงหลงจึงได้บุกเข้าไปทันที และเขาก็เตรียมพร้อมที่จะได้รับการลงโทษเอาไว้แล้ว
มู่เฟิงอวิ๋นกล่าวว่า “เพียงพริบตาเดียวก็คุยกันมานานขนาดนี้แล้ว ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!”
“พ่อบุญธรรม ข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งท่านขอรับ!” ชิงหลงกล่าว
“มีเรื่องอะไร?”
“ราชวงศ์ตงหวงได้เริ่มโจมตีหอหมอปีศาจอีกแล้ว ตอนนี้มู่เฉินซีไม่อยู่แล้ว ไม่ทราบว่าพ่อบุญธรรมจะให้ทำเช่นไรดีขอรับ?”
พ่อบุญธรรมที่ชอบมู่เฉินซีมากขนาดนั้น จะต้องไม่มีทางปล่อยให้หอหมอปีศาจถูกราชวงศ์ตงหวงโจมตีโดยไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ขณะนี้ภายในแววตาของมู่เฟิงอวิ๋นฉายแววเย็นยะเยือกออกมา “ช่างบังอาจนัก! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาลงมือกับหอหมอปีศาจของซีเอ๋อร์ รีบส่งยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ข้างนอกออกไปทันที แ และไปดักโจมตีคนของราชวงศ์ตงหวงเสีย หากผู้ใดกล้ามาแตะต้องหอหมอปีศาจ ก็อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”