ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2324 ภรรยาของท่านอ๋อง
มุมปากของจื่อโยวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ทุกครั้งเยี่ยจะกลับมาอย่างลับ ๆ เสมอ และน้อยมากที่จะให้ผู้คนของพระราชวังค้นพบ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
และน่าจะเป็นเพราะคนงามที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างนั้นสินะ!
คราวนี้เขาวางแผนที่จะป่าวประกาศให้ทั่วทั้งคุกโลหิต และทั่วทั้งแดนนรกได้รู้ว่าตนเองได้หลุดพ้นจากสถานะโสดแล้ว นอกจากนี้ยังพาพระชายาของพวกเขากลับมา เพื่อประกาศอำนาจขอ องเขาอีกด้วย
มู่เฉียนซีที่อยู่บนท้องฟ้าสูง ได้มองคนที่กำลังมอบอยู่ที่พื้นเหล่านั้น
กลิ่นอายของทุกคนล้วนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่พวกเขากลับยอมจำนนอยู่แทบเท้าของจิ่วเยี่ย
เสื้อคลุมยาวสีดำปลิวไสวอยู่กลางอากาศ จนเกิดเสียงพึ่บพั่บดังก้องไปทั่ว และเขาก็เหมือนกับจอมราชาที่ควบคุมทุกสรรพสิ่งเอาไว้
และการจำนนของผู้แข็งแกร่งทั้งหมด ซึ่งสำหรับเขาแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก
ดวงตาสีฟ้าอ่อนกรอกไปมา และจิ่วเยี่ยก็จ้องมองไปยังมู่เฉียนซี ราวกับว่าโลกใบนี้ ในสายตาของเขาแล้วมีเพียงแค่นางเท่านั้น
ในอาณาเขตของแดนนรก ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือสายน้ำของแต่ละดินแดน ก็ไม่มีสิ่งใดมาเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาได้
ส่วนคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก็ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาเลยแม้แต่คนเดียว
แต่ทว่าพวกเขาก็สังเกตพบว่า มีกลิ่นอายของคนแปลกหน้าอยู่ข้างกายของฝ่าบาท อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับฝ่าบาทมากอีกด้วย
“ลุกขึ้นได้!” เมื่อเสียงที่เย็นยะเยือกกล่าวคำนี้ออกมา มันกลับทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
การที่นายท่านพูดคำนี้ออกมา มันเป็นเหมือนการประทานพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
มุมปากของจื่อโยวยกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย ลุกขึ้นเถอะ ลุกขึ้น! รอให้พวกเจ้าได้เห็นเยี่ยแล้ว ก็อย่าตกใจกันจนหมดสติไปก็แล้วกัน!
อย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ตอนที่พวกเขาลุกขึ้นมา แน่นอนว่าต้องค้นพบนายท่านที่กำลังยืนอยู่กลางอากาศโดยที่ภายในอ้อมแขนที่เรียวบางของเขามีร่างเงาร่างหนึ่งอยู่ด้วย และตอนนี้ ก็กำลังมองมาที่พวกเขา!
ร่างเงาร่างนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง!
รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวผู้นั้นงดงามเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะยืนอยู่ข้างกายของนายท่าน นางก็ไม่ได้ดูเลือนรางเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังให้ความรู้สึกที่เปล่งประกายเจิดจรัสมากกว่า าเดิมเสียอีก
แต่นั่น! เป็นผู้หญิง!
นางคือผู้หญิงที่สามารถยืนอยู่เคียงข้างนายท่านได้ ทั้งยังถูกนายท่านอุ้มเอาไว้อีกด้วย!
ตึง ตึง ตึง!
มีบางคนถึงกับล้มลงไปบนพื้นด้วยความตื่นตกใจ และบางคนที่ไม่ทันระวังจนชนเข้ากับกำแพงก็มี นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ตบหน้าตนเองอีกหลายทีเช่นกัน
นี่เป็นภาพลวงตาอย่างนั้นหรือ?
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่!
นายท่านของพวกเขาคงไม่ได้ถูกใต้เท้าจื่อโยวสับเปลี่ยนไปหรอกใช่หรือไม่ แต่ทว่าคนที่อยู่กลางอากาศไม่ได้มีเพียงแค่ใต้เท้าจื่อโยวเท่านั้น แต่ยังมีนายท่านเป๋ยโต่วและนายท่าน ซิงเฉินอยู่ด้วย แล้วผู้ใดจะกล้ามาสับเปลี่ยนนายท่านกันล่ะ?
เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นตะลึงเช่นนั้นของพวกเขา จื่อโยวก็รู้สึกว่าเจ้าพวกนี้ทำให้แดนนรกของพวกเขาต้องขายขี้หน้าแล้ว เขาจึงกล่าวว่า “พวกเจ้ายังมัวตะลึงงันอะไรกันอยู่ได้ ? ยังไม่รีบทำความเคารพพระชายาอีก!”
พระชายา!
ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยของคุกโลหิตของพวกเขามีภรรยาแล้วอย่างนั้นหรือ?
ในเมื่อใต้เท้าจื่อโยวกล้าที่จะกล่าวเช่นนี้ออกมาต่อหน้านายท่าน เช่นนั้นมันจะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน!
ปึก ปึก ปึก!
พวกเรารีบคุกเข่าลงอย่างรีบร้อน เพราะเกรงว่าหากช้าเกินไปจะเป็นการละเลยต่อพระชายาของพวกเขาได้
“ยินดีต้อนรับพระชายาสู่คุกโลหิตพ่ะย่ะค่ะ!”
“ยินดีต้อนรับพระชายาสู่คุกโลหิตพ่ะย่ะค่ะ!”
“……”
เสียงที่ดังกึกก้อง สะท้อนกังวานไปทั่วทั้งเมืองเทพสังหารแห่งนี้
ทุกคนต่างลืมกันไปหมดแล้วว่าเดิมทีเมืองหลวงของคุกโลหิตมีชื่อเรียกว่าอะไร พวกเขารู้เพียงแต่ว่าหลังจากที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยยึดครองคุกโลหิตแล้ว เมืองแห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่ อเป็นเมืองเทพสังหารแล้ว
ภายในเมืองเทพสังหารมีหอคอยสูงสีขาวราวหิมะตั้งอยู่ เนื่องจากว่าหอคอยนั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยโทนสีที่แตกต่างไปจากสีอันมืดครึ้มของแดนนรกอย่างสิ้นเชิง จึงทำให้มันมีความโดดเด่ นอย่างเห็นได้ชัด
บริเวณโดยรอบหอคอยเต็มไปด้วยค่ายกลแบบต่าง ๆ และในมือของคนที่อยู่บนยอดหอคอยก็ถือป้ายหยกสีขาวเอาไว้ด้วย ซึ่งทันทีที่ทุกคนกล่าวต้อนรับพระชายา มันก็แตกร้าวขึ้นมาอย่างกะท ทันหัน
ร่างเงาสีขาวนวลร่างหนึ่งจ้องมองไปทางพระราชวังคุกโลหิตนั้น และดวงตาคู่หนึ่งก็จับจ้องไปที่ร่างสีดำและร่างสีม่วงที่อยู่บนนั้น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
“ฝ่าบาท ในที่สุดพระองค์ก็หลุดพ้นจากนางแล้วใช่หรือไม่?”
หลังจากนั้น จิ่วเยี่ยก็กอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก จากนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงสีดำ และหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนทันที
“ที่นี่คือห้องของข้าเอง ซีอยู่ที่นี่นะ!” จิ่วเยี่ยกล่าวพลางมองไปที่มู่เฉียนซี
“ข้าว่านะจิ่วเยี่ย พระราชวังของเจ้าค่อนข้างใหญ่โตเลยทีเดียว หรือว่าไม่สามารถส่งข้าไปที่พระราชวังได้อย่างนั้นหรือ? ”
“ซีต้องอยู่ข้างในนี้เท่านั้น เพราะเจ้าคือพระชายาของข้า!”
“นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระของจื่อโยวต่างหาก ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับเจ้าเสียหน่อย!”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม มันก็ใกล้แล้วล่ะ!”
ใบหน้าที่งดงามของจิ่วเยี่ยเข้ามาใกล้หน้าของมู่เฉียนซี และลมหายใจของเขาก็ร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
เขากอดนางเอาไว้พลางกล่าวว่า “ห้องของข้า ก็คือห้องของซีด้วยเช่นกัน หากซีต้องการจะไปอยู่ที่อื่น เช่นนั้นก็ทำลายสถานที่อื่นให้หมดก็พอแล้ว”
เห็นได้ชัดว่านางเป็นที่จับตาของผู้คนเมื่อมาถึงแดนนรก เป็นราวกับลูกหมาป่าที่เข้ามาในปากเสือ ฉะนั้นจิ่วเยี่ยจึงต้องการที่จะนอนในห้องและเตียงเดียวกันกับนาง!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าง่วงแล้ว!”
เพียงไม่นานคนของคุกโลหิตก็รู้ว่า การออกไปข้างนอกคราวนี้นายท่านของพวกเขาไม่เพียงแต่พาพระชายากลับมาเท่านั้น นอกจากนี้ยังจะให้พระชายาไปอยู่ในห้องเดียวกันกับเขาอีกด้วย
เกรงว่าคงใช้เวลาไม่นาน ฝ่าบาทตัวน้อยของพวกเขาจะต้องเกิดมาอย่างแน่นอน
หากผสมผสานใบหน้าที่งดงามเหนือธรรมชาติของพ่อแม่ ฝ่าบาทตัวน้อยก็ไม่รู้ว่าจะเติบโตมามีใบหน้าที่งดงามมากแค่ไหน
ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีมาถึงแดนนรก ดังนั้นจิ่วเยี่ยจึงไม่ได้ทำอะไรมากเกินไปนัก
อย่างไรเสียซีก็มาถึงอาณาเขตของเขาแล้ว ตอนนี้เขามีทั้งเวลาและโอกาส ฉะนั้นจึงยังไม่อยากเริ่มทำให้นางตกใจจนหนีไปเสียก่อน
คุกโลหิตยังมีบางเรื่องที่จำเป็นต้องจัดการ ในนานนักจิ่วเยี่ยก็ได้หายไปจากห้องของเขา
บัลลังก์ของท่านอ๋องแห่งคุกโลหิตถูกสร้างขึ้นมาจากอัญมณีล้ำค่าที่สุดในแดนนรก ส่วนขอบของบัลลังก์ถูกแต่งแต้มด้วยลำแสงสีแดงเลือดที่สวยสดงดงาม เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่มา าเข้าเฝ้าฝ่าบาทของแดนนรกต่างค่อย ๆ คุกเข่าลง
“ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท!”
หลังจากนั้นคนเหล่านี้ก็ได้นำเรื่องที่คร้านจะจัดการก่อนหน้านี้มากมายมาให้นายท่านของพวกเขาจัดการตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก และทั้งหมดก็ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก ก็ทำให้พวกเขารู้สึกปลื้มปิติและประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง!
หรือว่าคนที่มีภรรยาแล้วจะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ แม้ว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยของพวกเขาจะเหมือนเทพปีศาจซิวหลัวก็มิปาน แต่ก็ไม่เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน!
หลังจากที่จัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จิ่วเยี่ยก็กลับไปที่ห้องของตนเองเพื่อพักผ่อนเป็นเพื่อนกับมู่เฉียนซี
ทุกคนในพระราชวังคุกโลหิตต่างก็ปฏิบัติต่อมู่เฉียนซีด้วยความระมัดระวัง ราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องก็มิปาน เพราะคนผู้นี้เป็นถึงยอดดวงใจของนายท่านเชียวนะ แล้วจะให้พวกเขาไ ไม่ระมัดระวังได้อย่างไร!
นอกจากนี้พระชายายังไม่ใช่คนของแดนนรก แต่เป็นคนที่มาจากแดนซวนเทียนอีกต่างหาก
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเนื้อหนังก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนพวกเขาหลายคน หากไม่ระมัดระวังจนทำให้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ต้องทำให้นายท่านปวดใจเป็นแน่ และถึงพวกเขาจะต้องตายอีกหลาย ร้อยรอบก็คงไม่พอ!
จื่อโยวที่มองความคิดของพวกเขาออกก็อดที่จะกลอกตาไม่ได้ นี่เป็นเพราะพวกเจ้ายังมองความสามารถที่แท้จริงของคนงามไม่ออกน่ะสิ
ถึงพลังในการต่อสู้ของคนงามจะไม่วิปลาสเหมือนของเยี่ย แต่หากว่านางประสบปัญหาขึ้นมาจริง ๆ แม้จะเป็นเขาก็อาจจะต้านเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน!
คนงามไม่ได้เป็นคนที่อ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
จิ่วเยี่ยกล่าวถามว่า “ซีคุ้นเคยกับแดนนรกแล้วหรือยัง?”
“ผู้คนทั่วไปของคุกโลหิตแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดจากการเข่นฆ่าที่รุนแรงมากอีกด้วย ส่วนอื่นก็ดูเหมือนว่าไม่ต่างอะไรกับคนของแดนซวนเทียนมากเท่าไรนัก นอกจากน นี้การปรับตัวของข้าก็แข็งแกร่งมาก จึงไม่มีสิ่งใดที่ไม่คุ้นเคยเลย! เพียงแต่ตอนที่มาครั้งแรกข้ายังไม่ค่อยเข้าใจแดนนรกเท่าไร ฉะนั้นข้าจึงต้องการที่จะเข้าใจคุกโลหิตที่จิ่วเย ยี่ยเป็นผู้ปกครองอย่างถ่องแท้ อีกทั้งยังมีเรื่องของคุกใหญ่ทั้งหก และสุดท้ายก็เป็นเรื่องของคุกใหญ่ลำดับที่เจ็ดของเหวนรกที่ทำให้เจ้าล้มเหลวกลับมาแห่งนั้นด้วย” มู่เฉียน นซีกล่าวกับจิ่วเยี่ย
จิ่วเยี่ยพยักหน้ากล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะให้คนไปเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย!”
เมื่อพระชายามีสิ่งของที่ต้องการ คนของพระราชวังคุกโลหิตจึงรีบไปจัดการอย่างรวดเร็ว ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดที่พวกเขาสามารถหามาได้ ก็ไม่ตกหล่นเลยแม้แต่อย่างเดียว