ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2333 ใต้เท้าจื่อโยว
พวกเขาจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ตกเป็นเป้าหมายของผู้คนมากมาย กลับคิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีเวลาว่างคิดเรื่องเช่นนี้ด้วย
“ใครสักคนมานำทางข้าไปหน่อย มิเช่นนั้นพวกเจ้าได้ตายอย่างน่าเวทนาแน่!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ขะ…ข้ารู้…” หนึ่งคนในนั้นปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวกับคนอื่นว่า “อ้อ! ใช่แล้ว อย่างไรเสียพวกเจ้าก็รู้แล้วว่าข้าจะไปที่ใด หากไม่พอใจ และอยากจะล้างแค้นละก็ เช่นนั้นก็ตามไปหาข้าเอาแล้วกัน”
จากนั้นนางก็ชี้ไปที่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพลางกล่าวว่า “นำทางไปสิ!”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของมู่เฉียนซีไกลออกไป พวกเขาก็ตกตะลึงกันเล็กน้อย “เช่นนั้น…เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
“แน่นอนว่าต้องไปหากำลังเสริมอยู่แล้วสิ!”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นดูท่าทางจะแข็งแกร่งมากเลยนะ!”
“แข็งแกร่งหรือ? ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ อย่างที่รู้ ขอเพียงได้โฉนดที่ดินแผ่นนั้นมา ก็จะมีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับเยาเยี่ยคนงามได้ โอกาสดี ๆ ที่หาได้ยากยิ่ งเช่นนี้ ถึงเจ้าอยากจะยอมแพ้ แต่ข้าไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน! ข้ารู้แล้วว่าควรจะไปขอความช่วยเหลือจากใครดี” หนึ่งคนในนั้นกล่าวขึ้นมา
“ก็คือที่นี่แหละขอรับ!” คนผู้นั้นได้พามู่เฉียนซีมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง และร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อว่า หอเซียนเว่ย
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวพลางโบกมือว่า “เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
คราวนี้มู่เฉียนซีที่ร่ำรวยได้ให้จิ่วเยี่ยสั่งอาหารได้ตามต้องการ แต่ทว่าจิ่วเยี่ยกลับสั่งแต่อาหารที่นางชอบกินทั้งนั้น
เนื่องจากว่าจิ่วเยี่ยไม่มีอาหารที่โปรดปรานเป็นพิเศษ ฉะนั้นสิ่งของเหล่านี้สำหรับเขาแล้วไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่รอให้อาหารมาบริการ มู่เฉียนซีจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ตอนที่ข้าต่อสู้กับพวกเขา หากประเมินตามความสามารถของข้าแล้ว คนเหล่านั้นอ่อนแอเกินไป! หวังว่าพวกเขาจะหาคนที่เก่ งกาจกว่านี้มา แม้ว่าจะไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดน อย่างน้อยก็ขอให้แข็งแกร่งน้อยกว่าเจ้าครองดินแดนเล็กน้อยก็ยังดี!”
เพราะคนที่ลงมือก่อนหน้านี้เหล่านั้น มีระดับสูงกว่ามู่เฉียนซีแค่สองสามระดับเท่านั้นเอง
ตอนที่อยู่ในแดนซวนเทียนมู่เฉียนซีสามารถต่อสู้กับคนที่อยู่ระดับต่างกันได้ถึงหนึ่งขั้น ถึงตอนนี้คนธรรมดาในแดนนรกจะมีความแข็งแกร่งมาก แต่นางก็ยังสามารถจัดการพวกเขาได้อย ย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นไม่นานอาหารทั้งหมดก็ถูกยกมาบริการแล้ว และทั้งมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยต่างก็กินข้าวกันอย่างสบายใจหลังจากที่หากำไรมาได้มหาศาล
เมื่อพวกเขากินข้าวกันเสร็จได้ไม่นาน คนเหล่านั้นก็บุกมาอย่างยิ่งใหญ่
“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะมากินข้าวกันที่นี่จริง ๆ ยังไม่ไปอีกอย่างนั้นหรือ?”
นี่คือคนที่นำทางพวกเขามาก่อนหน้านี้คนนั้น ซึ่งมู่เฉียนซีก็เหลือบมองไปทางเขาพลางกล่าวว่า “มาได้ทันเวลาพอดี เช่นนั้นเจ้าก็จ่ายเงินด้วยแล้วกัน!”
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “อะไรนะ? เจ้าจะให้ข้าจ่ายเงินอย่างนั้นหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรกัน?”
อย่างที่รู้กันว่าค่าอาหารของหอเซียนเว่ยนั้นแพงจะตายไป!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากเจ้าไม่จ่ายแล้วละก็ พวกเราก็จะรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน หรือว่าเจ้าอยากจะลงมือจัดการข้าในหอเซียนเว่ยแห่งนี้กันล่ะ?”
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเบื้องหลังของหอเซียนเว่ยแห่งนี้ไม่ธรรมดาเพียงใด นอกจากนี้เมืองเทพสังหารก็มีกฏของเมืองเทพสังหาร ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กันในสถานที่เหล่านี และห้ามทำลายข้าวของอีกด้วย
คนผู้นั้นกล่าวพลางขบฟันเอาไว้แน่น “ตกลง! ข้าจะจ่ายเงินเอง และหลังจากที่ข้าจ่ายเงินเสร็จแล้วทางที่ดีพวกเจ้าควรจะรีบออกไปจากที่นี่ทันที”
ทันทีที่คิดว่าหลังจากที่จัดการผู้หญิงคนนี้แล้วก็จะได้รับผลึกสีดำแห่งความมืดระดับสูงสุดมากมาย และเขาก็จะสร้างรายได้ได้มหาศาลอีกด้วย ฉะนั้นตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะอดทนเอาไ ไว้
“เจ้าของร้าน เก็บเงินกับเขานะ!” มู่เฉียนซีเอ่ยปาก
แน่นนอนว่าตอนที่คนผู้นั้นเห็นยอดที่ต้องจ่าย เขาก็เกือบที่จะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว เหตุใดถึงเยอะเช่นนี้?
สองคนนี้กินอาหารไปมากมายแค่ไหนกันแน่นะ?
ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้แล้ว และทำให้เพียงจ่ายเงินออกไปอย่างเจ็บปวดใจเท่านั้น
ทันทีที่มู่เฉียนซีเดินออกไปกับจิ่วเยี่ย ก็มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอกด้วยแววตาที่เย็นชา และชายผู้นี้มีความสามารถที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ
คนผู้นั้นกล่าวว่า “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วอย่างนั้นหรือ! ข้าจะบอกเจ้าให้ว่า พี่ใหญ่ของข้าเป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่มีระดับต่ำกว่าเจ้าครองดินแดนของเมืองเทพสังหารแห่งน นี้ และหากต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ ถึงเจ้าไม่ตายแต่ก็ต้องโดนถลกหนังออกมาแน่”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเองก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของยอดฝีมือที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเจ้าครองดินแดนมากเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะส่งคนมาให้ข้าเช่นนี้ ช่างดีเหลือเกิน!”
ชายที่เย็นชาผู้นั้นเอ่ยปากออกมาว่า “หากเจ้ามีความอยากรู้อย่างเห็นเช่นนี้ มันจะทำให้เจ้าตายเร็วมากนะ”
“เช่นนั้นก็ต้องลองดูแล้ว ว่าผู้ใดจะตายไวกว่ากัน?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
นอกจากยอดฝีมือที่อยู่เหนือเจ้าครองดินแดนขึ้นไปแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้กับเขามานานมากแล้ว
ภายในดวงตาของชายผู้นั้นเย็นวาบขึ้นมาทันที พลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดออกมาทรงพลังเป็นอย่างมาก
พลังที่จู่โจมเข้ามาตรงหน้านี้สร้างแรงกดดันให้กับมู่เฉียนซีไม่น้อยเลย และมู่เฉียนซีก็หมุนเวียนพลังวิญญาณเพื่อทำให้ร่างกายของนางมั่นคง ในที่สุดก็ได้เจอกับคนที่สามารถมองว ว่าเก่งกาจได้เสียที
อย่างที่รู้กันว่าขยะที่เจอก่อนหน้านี้เหล่านั้น ได้ทำให้ชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมของคุกโลหิตเสื่อมเสียไปอย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา หลังจากนั้นนางก็พุ่งทะยานไปทางคนผู้นั้นด้วยความรวดเร็วสูงสุด และด้วยความเร็วที่ผิดปกตินี้ได้ทำให้อีกฝ่าย ยประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ความสามารถระหว่างผู้หญิงคนนี้กับระดับเจ้าครองดินแดน ยังถือว่าห่างไกลกันมากมายนัก แต่การที่สามารถฝึกฝนจนมีความเร็วขนาดนี้ได้ ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ทันทีที่เขาเริ่มลงมือ ก็เกิดการโจมตีที่รุนแรงขึ้น และความเร็วของเขาเองก็รวดเร็วมากเช่นเดียวกัน
ปังงง!
ทั้งสองคนต่อสู้ ปะทะกัน และแยกออกจากกันอย่างกะทันหัน
หากจะบอกว่าความสามารถทางกายภาพของมู่เฉียนซีตอนที่อยู่ในแดนซวนเทียนวิปลาสมากแล้วละก็ ความสามารถทางกายของทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็วิปลาสไม่ต่างกันเลย ฉะนั้นนางไม่คิดไม่ถึงเลย ยว่าการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนี้จะค่อนข้างเสียเปรียบเลยทีเดียว
ความแข็งแกร่งทางร่างกายของมู่เฉียนซีที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีความสามารถในการป้องกันทางกายภาพค่อนข้างแข็งแกร่งเล็กน้อย แต่ ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอคนเช่นนี้มาก่อน
เขาทะยานออกไปกลางอากาศ และเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี
ทว่ามู่เฉียนซีกลับตอบโต้กลับมาอย่างกะทันหัน “เพลิงนภาพิฆาต!”
เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา จากนั้นไฟก็ลุกโชนขึ้น!
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!” พลังธาตุวายุเข้าไปกระจายอยู่กับพลังธาตุอัคคี และหลังจากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีศัตรูด้วยพลังที่เต็มไปด้วยเศษธารดาราทลาย
พลังแห่งความมืดเป็นพลังทั่วไปของแดนนรกที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่การที่มู่เฉียนซีร่ายพลังธาตุต่าง ๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ก็ทำให้อีกฝ่ายรับมือไม่ไหวเช่นกัน !
“คิดไม่ถึงเลยว่าแดนนรกแห่งนี้จะมีผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุอยู่ด้วย”
คนของแดนนรกชอบที่จะฝึกฝนพลังธาตุแห่งความมืด แต่หากมีคนที่มีพรสวรรค์ถึงสามธาตุแล้วละก็ แน่นอนว่าจะต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และความสามารถที่แตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ ทำให้ศัตรูไม่สามารถคาดเดาได้ในระหว่างการต่อสู้ นอกจากนี้ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นอี กด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุ แม้ว่าพลังของอีกฝ่ายจะต่างกันมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เขารู้สึกรับมือได้ยากเช่นนี้
ปัง ปัง ปัง!
ในเวลานี้คนอื่นต่างจ้องมองด้วยความงุนงง นี่มันมีอะไรผิดพลาดหรือไม่?
ผู้หญิงที่มีความสามารถเพียงเล็กน้อยแค่นี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะต่อสู้กับพี่ใหญ่ได้นานถึงขนาดนี้ นี่มันจะผิดปกติเกินไปแล้ว
ตูมมม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา และเปลวเพลิงสีแดงก่ำก็กระจายไปรอบบริเวณ
ตึงง!
มีร่างหนึ่งล้มลง บนร่างของคนผู้นั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้ผมของเขายังถูกไฟเผา และล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น
เขาตัวสั่นเทาด้วยความกลัว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้!
และเวลานี้ ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามา และหนึ่งในนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “คือนางนั่นแหละ! คือพวกเขา โฉนดที่ดินของตรอกร้อยเดิมพันอยู่ในมือพวกเขา ขอเพียงเอาตรอกร้อยเดิมพัน นมาได้ก็จะสามารถเอาเยาเยี่ยคนงามมาครองได้เช่นกัน”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เยาเยี่ยผู้นั้นเป็นต้นกำเนิดของความหายนะจริง ๆ
ในตอนที่คนเหล่านั้นพุ่งเข้ามา พวกเขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นขัดขวางเอาไว้ และทันใดนั้นชายที่หน้าตาชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศอย่างกะทันหัน
แม้ว่าบนใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวอยู่ดี!
ตึง ตึง ตึง!
ทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นต่างคุกเข่าลงทันที และพวกเขาก็ถูกทำให้ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“จื่อโยว…ใต้เท้าจื่อโยว!”