ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2338 ผนึกเผ่าเทพ
พวกอู๋ตี้และเสี่ยวหงโมโหเป็นอย่างมาก พวกมันกล่าวว่า “นายท่านตอนนี้ท่านอย่าคิดมากว่าจะสำเร็จหรือไม่ รีบพักผ่อนก่อนเถอะ จะได้รีบฟื้นตัวขึ้นมาโดยเร็ว”
“อื้ม!” มู่เฉียนซีหลับไปอย่างสะลึมสะลือ
ภายในห้องนอนของจิ่วเยี่ย พลังแห่งดวงดาวที่ผสมเข้ากับเลือดที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ได้ปกคลุมลงไปบนผนึกที่อยู่ในร่างกายของจิ่วเยี่ย ซึ่งนั้นก็คือผนึกเก้าดารานั่นเอง
มันคือหนึ่งในผนึกที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเผ่าเทพ แต่ทว่าก่อนหน้านี้มันไม่สามารถผนึกพลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่สุดได้
แต่ทว่าหลังจากที่อู๋หยารู้ว่ามู่เฉียนซีเรียนรู้เส้นทางแห่งชีวิต เขาจึงสามารถทำให้ผนึกเก้าดารานี้เริ่มทำงานขึ้นมาได้
ตอนที่เขาได้เจอกับฝ่าบาทครั้งแรกเขาไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้ออกมา เนื่องจากเขารู้ว่าฝ่าบาทจะต้องไม่มีทางยอมเห็นด้วยอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าตอนนี้ ไม่ว่าฝ่าบาทจะยินยอมหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว
จื่อโยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกว่าสถานการณ์ของเยี่ยดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด และอู๋หยาก็ไม่ได้คิดที่จะกลั่นแกล้งและทำร้ายคนงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
จิ่วเยี่ยที่หลับใหลอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายของเลือดได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปทางอู๋หยาอย่างไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลย
พลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวได้ขังอู๋หยาเอาไว้ ราวกับว่าต้องการที่จะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ ก็มิปาน
“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าทำเช่นนี้? อู๋หยา”
แม้ว่าจะไม่มีคนบอกจิ่วเยี่ย ว่าเลือดนั้นเป็นของใคร แต่จิ่วเยี่ยจะไม่คุ้นเคยกับกลิ่นเลือดนี้ได้อย่างไร
แม้ว่ามันจะถูกทำให้เจือจางกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่า แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้แน่นอน
ถึงแม้ว่าความตายกำลังจะใกล้เข้ามา แต่สีหน้าของอู๋หยาก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี เขาไม่มีทั้งความกลัวและไม่มีร่องรอยของความเสียใจเลยแม้แต่น้อย
เขามองไปยังจิ่วเยี่ยด้วยความสงบแล้วกล่าวว่า “หากฝ่าบาทเคืองพระทัย เหตุใดถึงไม่ฆ่ากระหม่อมเสียล่ะ?”
“เจ้าตายไม่ได้น่ะสิ!”
ตูมมม
พลังที่น่าสะพรึงกลัว ได้โจมตีอู๋หยาจนลอยกระเด็นออกไปนอกห้องนอน และเขาก็ได้ชนเข้ากับกำแพงจนมันพังทลายลงมาก่อนที่จะหยุดลง
“ท่านอู๋หยา!” ผู้คนต่างจ้องมองไปที่ใบหน้าอันซีดเผือดของอู๋หยาที่ตอนนี้ซีดเซียวมากขึ้นไปอีก มุมปากของเขาก็มีเลือดไหลออกมา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด
ในคุกโลหิตคนที่กล้าทำร้ายท่านอู๋หยาเช่นนี้ และกล้าทำให้ท่านอู๋หยาบาดเจ็บขนาดนี้ ก็มีเพียงนายท่านเท่านั้น
“ประคองข้ากลับไป!” อู๋หยากล่าว
พวกอู๋ตี้ เสี่ยงหง และเสี่ยวโม่โม่ยืนดูอยู่บนหน้าต่าง “ช่างน่าสนุกจริง ๆ!”
“ร่างกายของเขาอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด เหตุใดถึงไม่โจมตีทีเดียวให้ตายไปเลยล่ะ?” เสี่ยวหงกล่าวอย่างโหดร้าย
ทันใดนั้นจิ่วเยี่ยที่เพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้นมาก็กลับไปหลับใหลอีกครั้ง แต่จื่อโยวสัมผัสได้ว่าสภาพของเขายังคงดีอยู่ และต้องกล่าวเลยว่าวิธีของอู๋หยานั้นได้ผลเป็นอย่างมาก
เทพพยากรณ์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพผู้นี้ ล่วงรู้ทั้งอนาคตและอดีต อีกทั้งยังมีวิชาลับมากมายที่เขาไม่รู้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในช่วงเวลาวิกฤติ
เมื่อมองไปยังกำแพงที่ถูกทำให้พังทลายด้านนอก จื่อโยวก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อเยี่ยตื่นขึ้นมาแล้วจะฆ่าเขาอย่างไร?
เดิมทีคิดว่าจะรักษาไว้เป็นความลับเพื่อไม่ให้เยี่ยสังเกตเห็น แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าเยี่ยจะตื่นขึ้นมาแล้วได้กลิ่นเลือดของคนงามเช่นนี้ มันจะบ้าเกินไปแล้ว!
เขาหวังเพียงแค่ว่าให้คนงามตื่นขึ้นมาก่อนจิ่วเยี่ย เพราะหากเยี่ยต้องการที่จะฆ่าใครสักคนจะได้มีคนช่วยรั้งเขาเอาไว้ และยังมีอีกคนที่ช่วยเขาจากความตายได้อีกด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำอธิษฐานของจื่อโยวได้ผลหรืออย่างไร เพราะวันรุ่งขึ้นในตอนที่มู่เฉียนซีตื่นขึ้นมาจิ่วเยี่ยก็ยังคงไม่ตื่น
มู่เฉียนซีฟื้นตัวจนเกือบที่จะหายดีแล้ว มีเพียงแค่ใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยเท่านั้น
นางไปเยี่ยมจิ่วเยี่ยก่อน เพื่อตรวจสอบจิ่วเยี่ยทั้งภายนอกและภายใน
นางพบว่าผนึกก่อนหน้านี้ ได้ถูกซ้อนทับด้วยผนึกที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
“โอ้! ผนึกเก้าดารา คนจากเผ่าเทพผู้นั้นค่อนข้างแข็งแกร่งเลยทีเดียว!” เสียงของคัมภีร์หมื่นคำสาปดังขึ้นมา
“ผนึกเก้าดาราหรือ!”
“ผนึกแห่งแสงสว่างของเผ่าเทพเป็นขั้วตรงข้ามกับวิชาคำสาป อันหนึ่งคือแสงสว่าง อีกอันคือความมืด นอกจากนี้คนผู้นั้นยังควบคุมผนึกของเผ่าเทพไปจนถึงจุดสูงสุดอีกด้วย เผ่าเทพ พนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ เลย!” คัมภีร์หมื่นคำสาปถอนหายใจพลางกล่าว
“เมื่อมีวิชาคำสาปนี้ ขอเพียงชายผู้นี้ไม่ใช้พลังที่แข็งแกร่งจนเกินขีดจำกัดที่ควบคุมได้ มันก็จะสามารถรักษาความเสถียรไว้ได้ครึ่งปีจนถึงหนึ่งปีอย่างไม่มีปัญหาแน่นอน”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง เขาสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยนานถึงขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก
“มันก็ไม่ได้มีอะไรเก่งกาจขนาดนั้นหรอก เขากับเจ้านายสัมผัสใกล้ชิดกันขนาดนั้น ทั้งยังดูดซับพลังแห่งชีวิตของเจ้านายไปถึงได้สามารถรักษาเอาไว้ได้นานขนาดนั้น เพียงแต่ว่าหา ากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็เจ้านายคงต้องลำบากกว่านี้แน่ และเป็นเพราะว่าคราวนี้ให้เจ้านายเสียเลือดมากขนาดนี้ ดังนั้นมันจึงสามารถจัดการทุกอย่างได้ในคราวเดียว”
สิ่งที่เรียกว่าความยากลำบากย่อมไม่ใช่การที่ให้จิ่วเยี่ยดูดซับพลังแห่งชีวิตจนต้องลำบาก แต่เป็นเพราะการกระทำที่ใกล้ชิดบางอย่างของจิ่วเยี่ยที่ไม่สามารถควบคุมได้จนทำให้มู่ เฉียนซีลำบากต่างหาก
หากให้จิ่วเยี่ยเลือก จิ่วเยี่ยคงจะเลือกสิ่งนี้อย่างมีความสุขแน่นอน และคงไม่เลือกให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว
แต่ทว่าคำสาปของเขาระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน จึงทำให้อู๋หยาตัดสินใจเลือกแทนเขาแล้ว
“แต่ว่าตอนนี้จิ่วเยี่ยยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย!” มู่เฉียนซีกล่าว
“จะตื่นขึ้นมาเมื่อไร นั่นก็ต้องถามคนที่ผนึกมิใช่หรือ?” คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าว
มู่เฉียนซีเอ่ยปากถาม “จื่อโยว เข้ามานี่!”
“คนงาม เยี่ยเขาไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” จื่อโยวกล่าวถาม
“แม้ว่าบางครั้งอู๋หยาจะค่อนข้างแปลกประหลาด แต่ข้าก็ไม่เคยสงสัยในความภักดีและความต้องการจะปกป้องที่เขามีต่อเยี่ยเลย เขามีความภักดีต่อจิ่วเยี่ย เหมือนกับความศรัทธาชั่วชีวิต ของเขาก็มิปาน”
แม้ว่าเขาจะมีพันธสัญญากับเยี่ย แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นความภักดีที่น่าสะพรึงกลัวมาก เมื่อให้อู๋หยาเทียบกับเขาแล้วมันช่างห่างไกลกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
เขาเป็นเหมือนกับผู้ศรัทธาที่คลั่งไคล้ในตัวของเยี่ยอย่างไรอย่างนั้น และยังสามารถทำทุกอย่างเพื่อเยี่ยได้
แต่ทว่าถึงจะบ้าคลั่งเช่นนี้ เยี่ยก็ยังคงใจเย็นและนิ่งสงบมาก แม้ว่าบางครั้งอดที่จะรำคาญไม่ได้ก็ตาม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สภาพของจิ่วเยี่ยดีเป็นอย่างมาก อู๋หยาช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าจิ่วเยี่ยจะตื่นขึ้นมาเมื่อไร ฉะนั้นเจ้าจงไปที่หอเซียนเว่ยและไ ไปเชิญเขามาดูหน่อยเถอะ”
“เชิญเขามาสินะ! ได้เลย!”
ถึงเป๋ยโต่วจะไปเชิญคนมาแล้ว แต่กลับไม่ได้พาคนกลับมาด้วย
“ท่านอู๋หยาได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่สามารถมาพบนายท่านได้ เพียงแต่ท่านอู๋หยาได้ให้ข้านำคำมาบอก ว่าเวลาตี่นของนายท่านไม่แน่นอน แต่ไม่น่าจะนานเกินไป ฉะนั้นพระชายาโปรด วางใจเถิด” เป๋ยโต่วกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางจริงจัง
จื่อโยวกล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าถอยไปเถอะ!”
เขามองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “นอกจากว่าเยี่ยจะมีอันตรายหรือเป็นคนออกคำสั่งให้เชิญเขามาด้วยตนเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของผู้ใด อู๋หยาก็จะไม่มีทางออกมาจากหอเซียนเว ว่ยแม้แต่ก้าวเดียว! แม้ว่าเมื่อวานเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจริง แต่เขาใช้อาการบาดเจ็บนี้เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น แต่เหตุผลจริง ๆ คือเจ้าเชิญเขามาไม่ได้หรอก”
“เขาได้รับบาดเจ็บเมื่อไรกัน?” มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง
“ในตอนที่ผนึกเก้าดาราเพิ่งจะเสร็จสิ้น เยี่ยก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันและโจมตีเขาจนลอยกระเด็นออกมา เยี่ยโกรธมาก! เมื่อถึงเวลานั้นคนงามจะต้องช่วยทำให้ความโกรธของเขาสงบล ลงด้วยนะ มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่สามารถทำได้! มิเช่นนั้นเยี่ยไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่” จื่อโยวกล่าวอย่างน่าสงสาร
“เมื่อวานนี้เยี่ยอยากที่จะฆ่าอู๋หยาจริง ๆ แต่อย่าเห็นแค่ว่าร่างกายของอู๋หยาอ่อนแอเหมือนจะตาย เพราะทั่วทั้งแดนนรกคาดว่าไม่น่ามีผู้ใดสามารถเอาชีวิตของเขาได้! เขาคือ เทพพยากรณ์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพ ฉะนั้นย่อมต้องเป็นตัวแทนที่สวรรค์เลือกสรรมาอยู่แล้ว นอกจากสวรรค์แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เขาหายไปจากโลกนี้ได้!”
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ต้องลำบากคนงามแล้ว” จื่อโยวกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ในเมื่อเลือดของข้าสามารถช่วยเหลือจิ่วเยี่ยได้ ไม่ว่าอู๋หยาจะจงใจทำให้ข้าลำบากโดยการเสียเลือดหรือไม่ แต่ทั้งหมดนั้นก็คุ้มค่าอยู่ดี เพียงแต่…”
“เจ้าร่างทรงนั่นหลอกเจ้า” เสียงของคัมภีร์หมื่นคำสาปดังขึ้นมา