ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2340 พระชายาอ่อนแอเกินไป
หากว่าเยี่ยไม่ได้ตกอยู่ในอาการหมดสติ คนเหล่านี้ก็คงไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรสักคำเป็นแน่
แต่จะทำเช่นไรได้เพราะตอนนี้เยี่ยยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย และเขาเพียงคนเดียวก็ไม่อาจต้านทานได้ไหว จึงไม่สามารถปกป้องนางได้เหมือนเยี่ย ที่ทำให้นางไม่ต้องได้รับความอึดอัดใจใด ด ๆ เลย
นี่คือนายหญิงในอนาคตของพวกเขาคุกโลหิต เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่นายท่านของพวกเขารัก
ในวันนั้นนายท่านได้พานางมายังคุกโลหิตอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังป่าวประกาศถึงสถานะของนางอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีความอยากรู้อยากเห็นในตัวนางเป็นอย่างมาก แต่ทว่านายท่านกลับคุ้มครองนางเอาไว้อย่างแน่นหนาเลยทีเดียว
ฉะนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยากรู้อยากเห็นเพียงใด แต่เดิมทีก็ไม่มีโอกาสที่จะได้พบนางอยู่ดี
แต่ในที่สุดตอนนี้ก็ได้พบกับโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้แล้ว
ผู้อาวุโสเหล่านี้เริ่มกล่าวแสดงความเคารพทีละคน “ข้อน้อยคารวะพระชายา”
จื่อโยวพุ่งเข้าไปรับมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “นายหญิงของข้า เชิญนั่งทางนี้ขอรับ!”
ตำแหน่งของจื่อโยวนั้น อยู่ต่ำลงมาจากตำแหน่งของผู้นำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนี้ก็คือสถานที่ที่เขาใช้นั่งตอนที่จิ่วเยี่ยไม่อยู่ ซึ่งตอนนี้มันก็ได้เปลี่ยนเจ้านายแล้ว
จื่อโยวมักจะเป็นคนไม่จริงจัง อีกทั้งยังชอบแกล้งคนอยู่เสมอ แต่ทว่าตอนนี้เขาได้เก็บคำพูดหยอกล้อเหล่านั้นของเขาไป และเปลี่ยนเป็นคนจริงจังมากขึ้นมาทันที
คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งของคุกโลหิต ซึ่งก็มีกองกำลังที่แข็งแกร่งมากมายอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา แต่ทว่าภายใต้การสังเกตการณ์ของเขา มู่เฉียนซีกลับเดินไปนั่งตรงต ตำแหน่งที่รองลงมาจากตำแหน่งของนายท่านอย่างใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง
มุมปากของจื่อโยวยกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย หลังจากนั้นก็เอ่ยปากว่า “นายหญิง ท่านมาที่นี่เป็นครั้งแรกจึงไม่รู้จักคนเหล่านี้ ฉะนั้นข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักสักหน่อย คนที่มีใ ใบหน้าสีดำน่าเกลียดคนนั้นก็คือราชทินนามเฮยเทียน ส่วนคนที่น่าเกลียดคนที่สองนั้นเรียกว่าราชทินนามเฉี่ยอิง นอกจากนี้ยังมี…”
เดิมทีนี่ไม่ใช่การแนะนำอย่างจริงจังเลย แต่มันเป็นการแสดงความรังเกียจในความขี้เหร่ของพวกเขาต่างหาก
ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนจ้องมองไปทางจื่อโยวอย่างโกรธเคืองพลางกล่าวว่า “ใต้เท้าจื่อโยว เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดจาเสียดสีพวกเราต่อหน้าพระชายา เช่นนี้”
จื่อโยวกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ขอโทษด้วยนะ! ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกเจ้า จึงได้แต่มองหน้าเท่านั้น! นอกจากนี้ข้ายังเป็นคนที่ชอบมองหน้าผู้คน และชื่นชอบสาวงามเป็นพิเศษ พวก กเจ้าก็รู้มิใช่หรือ?”
ราชทินนามเหล่านี้เมื่ออยู่ภายนอกพระราชวังคุกโลหิต ต่างก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทำให้ผู้คนต่างเคารพยำเกรง ฉะนั้นจึงไม่มีผู้ใดที่กล้าพูดไม่ดีกับ พวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้จื่อโยวกลับพูดอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้ ทำให้พวกเขาโกรธจนอยากจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
ในตอนที่คนเหล่านี้ยิ่งทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็รู้จักทุกท่านแล้ว อีกทั้งยังรู้ชื่อของทุกท่านแล้วด้วย ที่พวกท่านเชิญข้ามาที นี่ก็เพื่อขอให้ข้ามาตัดสินใจ ไม่ใช่ให้ข้ามาดูพวกท่านทะเลาะกันเสียหน่อย! พูดมาเถอะ! ว่ามีเรื่องอะไรที่อยากให้ข้าตัดสินใจ?”
ความแข็งแกร่งของคุกโลหิต สูงกว่าคุกอื่นทั้งเจ็ดคุก และยังมีความท้าทายใหม่ยิ่งกว่าแดนซวนเทียนอีกด้วย
แต่ผู้หญิงที่มาจากแดนซวนเทียนคนนี้ เวลานี้กลับกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งที่อยู่เหลือคนนับหมื่นและอยู่ใต้คนเพียงคนเดียวเท่านั้น ฉะนั้นจึงกล่าวถามพวกเขาอย่างใจเย็นราวกับว่ าเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าคนหนึ่งก็มิปาน
ผู้หญิงคนนี้ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปีบริบูรณ์เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นคนอ่อนแอของแดนซวนเทียนอีกด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะนิ่งสงบ และไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยเช่นน นี้
พวกเขาประเมินผู้หญิงผู้นี้ต่ำเกินไปแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาแต่ละคนก็รายงานเรื่องราวทีละเรื่อง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ข้าเพิ่งจะมายังคุกโลหิต แต่จะให้ข้าจัดการปัญหาเหล่านี้ ข้าเกรงว่าอาจจะทำให้กองกำลังเกิดความวุ่นวายเสียมากกว่า และทำให้เรื่องมันวุ่นวา ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น จื่อโยวเจ้าเป็นผู้สั่งการเถอะ!”
จื่อโยวกล่าวว่า “ขอรับ นายหญิงของข้า!”
จื่อโยวบอกหนทางไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่พวกเขากลับไม่ฟัง และยังจะเชิญพระชายามาอีก
และถึงตอนนี้คนงามจะมาแล้ว แต่ผลสรุปก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี
มู่เฉียนซีย่อมรู้อยู่แล้วว่าการที่พวกเขาเชิญนางมามันทรมานมากเพียงใด แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นอยู่แล้ว
หลังจากที่จัดการเรื่องนี้อย่างลงตัวแล้ว บนใบหน้าของคนเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ทันทีที่พระชายามาถึงคุกโลหิต ทุกคนในคุกโลหิตต่างก็รู้ดีว่าพระชายาได้รับคว วามโปรดปรานจากนายท่าน และในวันนี้พวกเราก็ได้เจอกับพระชายาแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่าความโปรดปรานของนายท่านนั้นไม่ได้ไร้เหตุผลเลย เพราะอย่างไรเสียรูปร่างหน้าตาของพระชายาก็งด ดงามถึงขนาดนี้”
“ข้ามีชีวิตมาเกือบหมื่นปีแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอกับหญิงสาวที่หน้าตางดงามอย่างพระชายาเช่นนี้”
“……”
ผู้เฒ่าเหล่านี้ พยายามชมเชยรูปร่างหน้าตาของมู่เฉียนซีอย่างแข็งขัน และแทบจะเยินยอมู่เฉียนซีจนขึ้นไปสูงเสียดฟ้าอยู่แล้ว
หากเป็นผู้หญิงทั่วไป การที่ถูกชมเชยจากผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็คงจะหลงระเริงไปนานแล้ว
แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับยังคงนิ่งสงบเป็นอย่างมาก มุมปากของนางยกโค้งขึ้นเพียงเล็กน้อย ราวกับว่าคำชมเชยของพวกเขาเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วก็มิปาน
จื่อโยวเหลือบมองไปที่ตาเฒ่าชราเหล่านั้นอย่างเย็นชา พวกเขาโชคดีที่เยี่ยไม่อยู่ เพราะหากเยี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้คงคิดว่าพวกเขากำลังปรารถนาในตัวคนงาม และเขาคงได้เก็บศ ศพพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป ราชทินนามเฮยเทียนก็มองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยของพวกเราเป็นชายที่แข็งแกร่งมากที่สุดในคุกโลหิต แม้แต่คนอื่น ก็ยากที่หา ผู้ชายที่สามารถเป็นศัตรูกับนายท่านของข้าได้ ถึงพระชายาจะมีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม แต่ความสามารถของท่านก็ต้องยอดเยี่ยม เช่นนั้นถึงจะเหมาะสมกับนายท่านของข้า”
แววตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายมืดมนออกมา การเอาความสามารถของนางมาเป็นประเด็น นี่คงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของคนพวกนี้อย่างนั้นสินะ!
มู่เฉียนซีค่อย ๆ ยืนขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยปากว่า “ข้าคิดว่า ข้าคงทำให้ทุกท่านต้องผิดหวังแล้วล่ะ”
นางแผ่กระจายจิตวิญญาณออกมา และผลก็ปรากฏว่าคนเหล่านั้นเผยสีหน้าประหลาดใจขึ้นทันที
อ่อนแอ มันจะอ่อนแอเกินไปแล้ว
ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเมื่อเทียบระหว่างตำแหน่งราชทินนามระดับบนกลุ่มนี้ก็เหมือนกับมดในหมู่ช้างอย่างไรอย่างนั้นเลย พวกเขาไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้นางไปเ เอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน?
นี่เป็นเพราะความรักของนายท่านอย่างนั้นหรือ?
ราชทินนามเฮยเทียนกล่าว “พระชายาที่มีระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดน ข้ารู้สึกว่าทั่วทั้งคุกโลหิตแห่งนี้ คงไม่มีทางยอมรับพระชายาที่อ่อนแอเช่นนี้ได้แน่”
“ความสามารถระหว่างพระชายาและนายท่านแตกต่างกันเกินไป อย่าว่าแต่เป็นพระชายาเลย ถึงแม้จะเป็นนางสนมยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! อย่างที่รู้กันว่าใต้เท้าระดับล่างของคุกโลหิตของพวกเ เรามีมากมายแค่ไหน และยังพยายามทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนให้ตนเองโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งล้วนมีเป้าหมายที่จะมาเป็นพระสนมของฝ่าบาททั้งนั้น!”
“มีความสามารถราวกับมดก็มิปานเช่นนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเป็นพระชายาของท่านอ๋อง เรื่องนี้คงทำให้คุกอื่น ๆ อีกหกแห่งหัวเราะเยาะนายท่านของพวกเราเป็นแน่”
หลังจากที่รับรู้แล้วว่าความสามารถของมู่เฉียนซีอ่อนแอเพียงใด พวกเขาก็ไม่แสดงความเคารพอย่างผิวเผินเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
มีบางคนที่ดูถูกและเหยียดหยาม อีกทั้งคำพูดก็ไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
“พวกเจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ?” และจิตสังหารในตัวของจื่อโยวก็ระเบิดออกมา ซึ่งเขาอยากที่จะทำการสังหารหมู่คนที่อยู่ในนี้จริง ๆ
ใครมอบความกล้าให้พวกเขาพูดเช่นนี้กับคนงามกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จื่อโยว ใจเย็นก่อน!”
ซึ่งเรื่องที่ความสามารถของนางไม่เพียงพอนั้น มันคือเรื่องจริง!
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น ที่คุกโลหิตแห่งนี้ หากไม่แข็งแกร่งพอก็ก้าวไปได้ยาก
นางก็ไม่ได้คิดจะให้จิ่วเยี่ยปกป้องนางตลอดเวลาเช่นกัน หากยังคงปกป้องนางเช่นนี้ต่อไป แล้วนางจะเติบโตจนสามารถอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับจิ่วเยี่ยได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ทั้งความสงสัยและปัญหาที่นางเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ นางต้องการที่จะจัดการมันด้วยตนเอง และไม่ต้องการที่จะให้จื่อโยวใช้กำลังในการจัดการด้วย
มุมปากของมู่เฉียนซีแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย “อ่อนแออย่างนั้นหรือ? พวกท่านแต่ละคนก็อายุมากขนาดนี้แล้ว หรือพวกท่านไม่คิดว่าตอนที่พวกท่านอายุแค่สิบกว่าปี พวกท่านก็อ่อนแอ เหมือนกันอย่างนั้นหรือ? หากตอนที่พวกท่านอายุเท่ากันกับข้า พวกท่านมีความสามารถอยู่ในระดับเจ้าครองดินแดน หรือมีความสามารถอยู่ในระดับใต้เท้า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด”
“แต่หากไม่มีแล้วละก็ พวกท่านก็หุบปากไปเสียเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉียบขาด