ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2341 บีบให้นางออกไป
ในระหว่างที่มู่เฉียนซีพูด นางก็แผ่แรงกดดันของพลังจิตวิญญาณออกไปด้วย
เพราะนางเองก็สามารถแสดงอำนาจได้เช่นกัน!
ซึ่งมันก็ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องโถงต่างชะงักงัน นี่…คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเพียงนี้
มู่เฉียนซียังไม่ได้ปล่อยพลังจิตวิญญาณทั้งหมดออกมา และนางก็ก้มมองไปทางพวกเขาพลางกล่าวว่า “เป็นเพราะเวลาในการฝึกพลังวิญญาณของข้ามีจำกัดจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกท่าน นได้ แต่พลังจิตวิญญาณของพวกท่าน ต่อให้ฝึกฝนไปอีกหมื่นปีก็น่าจะไม่มีโอกาสเหนือข้าได้อยู่ดีเช่นกัน!”
“อย่างที่พวกท่านรู้ พลังจิตวิญญาณนั้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคน และยังแสดงให้เห็นว่าสามารถไปได้ไกลแค่ไหน อายุของพวกท่านมากกว่าข้าหลายพันหลายหมื่นเท่าเลยไม่ใช่หรืออย ย่างไร? ไม่ใช่ว่าถึงเวลาที่ต้องขุดหลุมคลานลงไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ความสง่างามสูงส่งบ้าอะไรนั่นไปลงนรกซะเถอะ!
ตาแก่เหล่านี้ทำให้นางโมโหขึ้นมาแล้วจริง ๆ ฉะนั้นนางจึงได้ตะโกนกล่าวกลับไปอย่างเย่อหยิ่งเช่นนี้
ผลปรากฏว่า ชายชราเหล่านี้ต่างถูกมู่เฉียนซีทำให้โกรธเกี้ยวจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะช่างพูดช่างเจรจาเช่นนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะไม่สามาร รถหักล้างคำพูดนั้นได้เลยจริง ๆ
“พระชายา ถึงพรสวรรค์ของท่านจะยอดเยี่ยมแต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกสังหารได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแดนนรกแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยความอันตราย อีกทั้งศัตรูของนายท่านก็มีมากม มาย และท่านก็อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของเขาจนทำให้ทั้งนายท่านและคุกโลหิตเต็มไปด้วยอันตรายได้ ฉะนั้นเชิญพระชายากลับไปยังสถานที่ที่ท่านจากมาเถิดขอรับ เพราะสถานที่แห่งนั้นน น่าจะเหมาะให้ท่านได้เติบโตมากกว่า”
“ใช่แล้ว! ไม่ผิดเลย!”
“……”
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก แต่ตราบใดที่ความสามารถของนางอ่อนแอ พวกเขาแต่ละคนก็จะต่อต้านมู่เฉียนซีต่อไปเช่นนี้อยู่ดี และต้องการให้นางออกไปจากแดนนรกเสีย
นี่คือเป้าหมายของพวกเขาอย่างนั้นสินะ? พวกเขาไม่ต้องการอนุญาตให้นางอยู่ที่คุกโลหิตแห่งนี้ และนี่คือความหมายของอู๋หยาสินะ?
ใช่แล้ว มู่เฉียนซีสงสัยว่าสิ่งที่คนเหล่านี้ทำทั้งหมดต่างเป็นเพราะถูกอู๋หยาแอบชี้นำเลยทำให้เป็นเช่นนี้ เนื่องจากว่าเรื่องทั้งหมดเหล่านี้มันบังเอิญมากเกินไป
เป้าหมายที่ทำให้นางมายังคุกโลหิต นางยังไม่บรรลุผลตามที่วางเอาไว้เลย ฉะนั้นนางไม่มีทางไปจากที่นี่แน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มกล่าวว่า “ต้องขอโทษด้วยนะ ข้าค่อนข้างชอบคุกโลหิตของจิ่วเยี่ยของข้ามากเลยทีเดียว ฉะนั้นข้าจึงไม่มีแผนที่จะออกไปหรอก”
“ท่านจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว หรือว่าหากท่านทำให้นายท่านตกอยู่ในอันตรายก็จะไม่ยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?” มีคนกล่าวอย่างโกรธเคือง
เอะอะก็ความสามารถ! ความสามารถ!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อพวกท่านรู้สึกว่าความสามารถของข้าอ่อนแอ ฉะนั้นข้าก็จะให้โอกาสพวกท่านสักครั้ง พวกท่านจงไปหาคนที่มีความแข็งแกร่งระดับเจ้าครองดินแดนที่อายุไม่เก กินยี่สิบปีมา และให้เขามาต่อสู้กับข้าสักรอบ! หากข้าเอาชนะได้ เช่นนั้นก็จะถือว่าข้ามีความสามารถอยู่ในระดับเจ้าครองดินแดน ซึ่งก็ถือว่ามีความสามารถพอที่จะปกป้องตนเองในคุก โลหิตแห่งนี้ได้”
มู่เฉียนซีรู้ว่า คุกโลหิตนั้นให้ความสำคัญต่อความสามารถ และไม่ว่าจะพูดไปมากมายแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่เชื่อมั่น และยอมแพ้แน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องสู้กันสักตั้งเท่านั้น
เจ้าครองดินแดนที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปีอย่างนั้นหรือ นี่กำลังล้อเล่นอยู่หรืออย่างไรกัน?
“พรวด! นายหญิงของข้า ผู้คนของแดนนรกล้วนมีชีวิตที่ยาวนานกันทั้งนั้น แม้ว่าจะมีพลังแห่งความมืดที่แข็งแกร่ง แต่โดยทั่วไปแล้ว ในแดนนรกคนที่มีอายุไม่เกินร้อยปีและสามารถฝึ กฝนจนมีความสามารถระดับเจ้าครองดินแดนได้ก็คือว่ามีพรสวรรค์มากแล้วล่ะ! ท่านคิดว่าคนที่มีพรสวรรค์เช่นท่านจะสามารถพบเห็นได้ทั่วไปทุกที่ในแดนนรกราวกับผัดกาดขาวก็มิปานอ อย่างนั้นหรือ!” จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของตาฒ่าเหล่านี้น่าเกลียดเป็นอย่างมาก และในส่วนของความสามารถ พระชายาของพวกเขาสามารถบดขยี้คนของแดนนรกส่วนใหญ่ได้จริง ๆ
แต่ทว่าในสถานที่อันโหดร้ายอย่างแดนนรกเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นความแข็งแกร่งต่างหาก!
จื่อโยวกล่าวว่า “ราชทินนามเฮยเทียน ข้ารู้มาว่าหลานของท่านเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นเจ้าครองดินแดนนี่นา! แม้ว่าจะอายุเกือบจะร้อยปีแล้ว แต่ในคุกโลหิตก็ไม่ถือว่าแก่หรอก หร รือว่าจะให้หลานของท่านมาดีล่ะ?”
แทนที่จะปล่อยให้พวกเขาเลือกคู่ต่อสู้ที่จัดการได้ยาก ไม่สู้ให้เขาเลือกคนที่ไร้ความสามารถให้คนงามแทนไม่ดีกว่าหรือ
แววตาของราชทินนามเฮยเทียนเปล่งประกายออกมาทันที “ใต้เท้าจื่อโยว ท่านแน่ใจหรือ? แม้ว่าหลานของข้าจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่เขาก็เติบโตมาภายใต้การชี้แนะอย่างตั้งใจของข้า ซึ่งค ความสามารถของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่คนที่ยังห่างจากระดับเจ้าครองดินแดนมากจะสามารถเข้าถึงได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ความสามารถของข้าตอนที่อยู่ในแดนซวนเทียน เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับห้าเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากระดับเจ้าครองดินแดนของพวกท่านมาก นัก! แต่ข้าเชื่อในคนที่จื่อโยวเลือกมาให้ ฉะนั้นก็เอาหลานของท่านก็แล้วกัน หรือว่า ราชทินนามเฮยเทียนจะเริ่มไม่กล้าขึ้นมาแล้ว ท่านกลัวว่าหลานของท่านจะแพ้ให้ข้าสินะ”
“เมื่อถึงเวลานั้นพระชายาก็อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!” ราชทินนามเฮยเทียนกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “วางใจเถอะ คนที่ต้องมาเสียใจภายหลังไม่ใช่ข้าแน่ ราชทินนามเฮยเทียน!”
“เช่นนั้นก็ดี! ข้าจะรีบกลับไปให้หลานของข้าเตรียมตัวทันที บ่ายวันนี้เราจะเริ่มประลองกัน หากพระชายาพ่ายแพ้ ท่านต้องบอกกับนายท่านว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ในคุกโลหิต และเต็มใจที่จะออกไปด้วยตนเอง” ราชทินนามเฮยเทียนกล่าวกับมู่เฉียนซี
“เช่นนั้นหากข้าชนะล่ะ? หลังจากนี้ข้าไม่อยากได้ยินว่าพวกท่านเอ่ยปากออกมาว่าข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในแดนนรกอีก ถ้ามันมาถึงหูข้าอีกครั้งละก็…” มู่เฉียนซีกล่าวถึงตรงน นี้ จากนั้นก็หยุดลง
คนเหล่านั้นประหลาดใจเล็กน้อย หากมันลอยไปเข้าหูนาง นางจะสามารถทำอะไรได้?
นางอยู่ในคุกโลหิต อยากจะมีความสามารถก็ไม่มีความสามารถ อยากมีพลังก็ไม่มีพลัง และเหตุผลที่นางสามารถอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะได้รับการปกป้องจากนายท่านทั้งนั น
“หากข้าได้ยินเรื่องที่ไม่น่าพอใจแม้แต่เรื่องเดียว ข้าก็จะฟ้อง! และเมื่อถึงตอนนี้ พวกท่านก็จะได้รู้ถึงผลที่ตามมา ซึ่งก็อย่าโทษที่ข้าไม่ออมมือก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีจ้องม มองไปยังพวกเขา ด้วยดวงตาที่เย็นยะเยือก
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าการฟ้องนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรเสียจิ่วเยี่ยก็คือผู้ชายของนางอยู่แล้ว!
ภายในใจของทุกคนเย็นวาบขึ้นมาทันที เพราะพวกเขาเคยได้ยินมาว่านายท่านสนใจผู้หญิงคนนี้มากเพียงใด
ต้องรู้ว่านายท่านไม่เคยให้ผู้หญิงที่ไหนใกล้ชิดมาก่อนเลย แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้กลับสามารถกินอยู่กับนายท่านได้ และนายท่านก็แทบที่จะทนเอาสิ่งของที่ดีที่สุดมามอบไว้ ตรงหน้าพระชายาไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่หากพระชายาเป่าหูเพียงเล็กน้อย ด้วยนิสัยที่เหี้ยมโหดและบ้าเลือดของนายท่าน พวกเขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดเป็นแน่
ในเวลานี้ ผู้คนมากมายเริ่มที่จะกลัวกันขึ้นมาบ้างแล้ว!
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงฉวยโอกาสที่นายท่านไม่อยู่ ใช้วิธีบีบบังคับให้พระชายาออกไปจากคุกโลหิต มันถูกแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? มันจะไม่มีอันตรายจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
จื่อโยวกล่าวว่า “นายหญิงของข้า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ทำไมต้องให้ท่านฟ้องด้วย ขอเพียงมีคนกล้าพูด ข้าแค่ทำลายคนผู้นั้นให้สิ้นซากก็เรียบร้อยแล้ว”
แววตาที่มืดมนของจื่อโยวจ้องมองไปยังคนเหล่านั้น
ราชทินนามเฮยเทียนนิ่งสงบเป็นอย่างมาก เพราะเขาคิดว่ามู่เฉียนซีไม่มีทางเอาชนะหลานที่อยู่ในระดับเจ้าครองดินแดนของเขาได้แน่นอน
เมื่อถึงเวลาที่ความสามารถของนางสู้คนอื่นไม่ได้ นางก็ไม่เหมาะกับแดนนรกแห่งนี้จริง ๆ และต้องออกไปด้วยตนเอง ฉะนั้นจะโทษคนอื่นไม่ได้
นายท่านสามารถทำลายพวกเขาโดยไม่สนว่าจะผิดหรือถูกได้อยู่แล้ว แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ทำเพื่อนายท่านนะ!
นอกจากนี้พวกเขาล้วนภักดีอีกด้วย!
“วันนี้ต้องรบกวนพระชายาแล้ว เช่นนั้นตอนบ่าย พวกเรามาพบที่สนามประลองของพระราชวังก็แล้วกัน” ราชทินนามเฮยเทียนกล่าวกับมู่เฉียนซี
“ตกลง!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
พวกเขาทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกันไป จื่อโยวกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “คนงาม ตาแก่เหล่านี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของเยี่ยมีปัญหา และการจัดการคุกโลหิตขนาดใหญ่ เช่นนี้ลำบากเกินไปจนจำเป็นต้องสร้างกลุ่มคนที่ทำงานจิปาถะขึ้นมา พวกเขาคิดว่าจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ด้วยตนเองจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะสำคัญตัวผิดเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ว่าคนเหล่านี้มีประโยชน์ ฉะนั้นจึงไม่สามารถฆ่าทั้งหมดได้อยู่แล้ว”
“ประโยชน์เพียงแค่เล็กน้อยนั้น เทียบกับความคับแค้นใจที่คนงามต้องได้รับไม่ได้หรอก นั่นมันไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย ทำลายมันเสียให้หมดนั่นแหละ ข้าว่าวันนี้ไม่ต้องประลองแล้วล ล่ะ ข้าส่งให้คนเตะพวกเขาออกไปให้หมดดีกว่า!” จื่อโยวมีแรงจูงใจที่รุนแรงมาก และเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อก่อการร้ายแล้ว