ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2343 บดขยี้ด้วยกำลังที่แข็งแกร่ง
เฮยเฟิงกล่าวตอบว่า “ท่านปู่ ท่านวางใจเถอะ หลานชายอย่างข้ามีความพอดีมาตลอดอยู่แล้ว”
ตูมม!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา และทุกคนต่างก็คิดว่ามู่เฉียนซีถูกโจมตีจนกระเด็นออกนอกสนามไปแล้ว แต่สุดท้ายพวกเขากลับค้นพบว่าร่างของมู่เฉียนซีได้หายไปอย่างเหนือความคาดหมาย
“พระชายาล่ะ?”
“นางอยู่ที่ใดกัน?”
และสิ่งที่ทำให้คนอื่นประหลาดใจก็คือ การที่มู่เฉียนซีมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเฮยเฟิงโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หรือเจ้าไม่รู้ว่าขณะต่อสู้การพูดคุยกับคนอื่นเป็นข้อห้ามอย่างนั้นหรือ? โง่เง่าสิ้นดี!”
“เพลิงนภาพิฆาต!” ทักษะวิญญาณธาตุอัคคีระเบิดพลังทำลายล้างออกมาอย่างกะทันหัน และมันก็ได้กวาดคนโง่เง่าอย่างเฮยเฟิงจนลอยกระเด็นออกไป
ปังง!
พลังธาตุอัคคีได้ทำลายเกราะป้องกันของเฮยเฟิงจนแตกละเอียด ซึ่งมันก็ทำให้เฮยเฟิงกระเด็นไปจนถึงขอบสนามการประลองเลยทีเดียว
พรึ่บ!
ทันใดนั้นร่างของเขาก็ถูกเปลวเพลิงไหม้อย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีหลายแห่งที่เปลี่ยนกลายเป็นสีดำไปแล้วอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เขาเจ็บปวดจนต้องขมวดคิ้วมุ่น
“ดูเหมือนว่าพระชายาจะยังซ่อนฝีมือเอาไว้อีก แต่ก็ได้เพียงนั้นนั่นแหละ!” แม้ว่าจะเสียท่าไปเล็กน้อย แต่เฮยเฟิงก็ยังคงมั่นใจในพลังอันล้นหลามของตนเอง และหลังจากนั้นการโจมตีก็ร่วงลงมาราวกับหยาดพิรุณก็มิปาน
“ข้าจะคอยดูว่าพระชายามีแผนการที่จะหลบมันอย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “หลบ มันยากมากอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา จึงทำให้แม้แต่ชายที่เพิ่งจะเลื่อนระดับเป็นถึงเจ้าครองดินแดน ก็ยังไม่สามารถมองเห็นมู่เฉียนซีอย่างชัดเจนได้เลย
นัยน์ตาของราชทินนามเฮยเทียนหดลงอย่างกะทันหัน
…ผู้หญิงคนนี้!
มีใครบางคนถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “ราชทินนามเฮยเทียน สิ่งที่พระชายาใช้เมื่อครู่นี้คือความสามารถอะไรกันแน่? ช่างเป็นความเร็วที่รวดเร็วยิ่งนัก นี่ไม่ใช่ความเร็วของคนที่ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนควรมีอย่างแน่นอน!”
ราชทินนามเฮยเทียนกล่าวว่า “น่าจะเป็นเพราะความรักที่นายท่านของเรามีต่อพระชายา จึงได้มอบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่มีคุณสมบัติของพลังมิติให้แก่พระชายาชิ้นหนึ่งเช่นนี้ และนั่นก็ทำให้นางสามารถใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาได้อีกด้วย”
นี่เป็นสิ่งที่สามารถอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว เพราะราชทินนามเฮยเทียนก็ไม่เชื่อว่า มู่เฉียนซีจะสามารถควบคุมพลังแห่งมิติได้เช่นกัน
เนื่องจากเสียเปรียบเรื่องความเร็วจึงทำใหการโจมตีของเฮยเฟิงผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดมู่เฉียนซีก็หาช่องโหว่ของเขาเจอ และหลังจากนั้นนางก็ใช้ทักษะวิญญาณทั้งสามธาตุในการโจมตีเขา
หลังจากนั้นไม่นาน การต่อสู้ในคราวนี้ก็เริ่มเป็นการต่อสู้จากฝ่ายเดียวแทน
คิดไม่ถึงเลยว่าเฮยเฟิงจะถูกมู่เฉียนซีทุบตีอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้
“ราชทินนามเฮยเทียน ดูเหมือนว่าคราวนี้ท่านจะคำนวณผิดแล้ว! ในเมื่อพระชายามีสมบัติมิติเช่นนี้อยู่ในมือ ดูท่าครั้งนี้หลานชายของท่านคงเอาชนะไม่ได้แล้วล่ะ นอกจากนี้พวกเราคงไม่มีหนทางบีบพระชายาให้ออกไปจากคุกโลหิต และออกห่างจากนายท่านได้อีกด้วย” ราชทินนามอีกคนหนึ่งกล่าว
ราชทินนามเฮยเทียนกล่าวว่า “ถึงมันจะผิดไปจากแผนของข้า แต่พระชายาคิดว่าเพียงเท่านี้จะสามารถเอาชนะได้อย่างนั้นหรือ นั่นมันจะไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้ว! อย่างที่รู้กันว่า คู่ต่อสู้ของนางคือหลานชายของข้า ถึงนางจะมีของดีที่นายท่านมอบให้ แต่ไม่คิดบ้างหรือว่าข้าจะไม่มอบของดี ๆ ให้หลานชายข้าบ้างเช่นกันน่ะ? แม้ว่ามันจะไม่ทรงพลังเท่ากับสมบัติที่นายท่านมอบให้ แต่มันก็เพียงพอที่จะเอาชนะพระชายาได้อย่างเหลือเฟือแล้ว!”
พรวด!
เฮยเฟิงถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากระอักเลือดออกมาจนต้องเช็ดเลือดที่มุมปาก จากนั้นก็จ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างเดือดดาลพลางกล่าวว่า “พระชายานี่ยอดเยี่ยมมาก! ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ! พระชายาเป็นคนแรกที่แม้จะยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดน แต่ก็สามารถบีบบังคับข้าให้มาจนถึงจุดนี้ได้”
“จงออกมา! สุนัขนรกทมิฬ!”
และสิ่งที่ออกมา ก็คือสัตว์ปีศาจสีดำทมิฬตัวหนึ่ง!
สุนัขนรกทมิฬเป็นสัตว์ปีศาจที่พบเห็นได้บ่อยในแดนนรกแห่งนี้ และถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์ปีศาจที่พบเห็นได้บ่อยแต่ก็มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอเช่นกัน
ส่วนสุนัขนรกทมิฬของเฮยเฟิงตัวนี้ก็แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นเพราะมันกลายพันธุ์นั่นเอง!
“คิดไม่ถึงเลยว่าราชทินนามเฮยเทียนจะสามารถค้นหาสุนัขนรกทมิฬกลายพันธุ์ตัวนี้มาให้หลานชายของท่านได้”
“อย่างที่รู้กันว่าแม้สุนัขนรกทมิฬจะเป็นสัตว์ปีศาจที่พบเห็นได้ง่ายในแดนนรก แต่ทว่าพลังในการโจมตีของสุนัขนรกทมิฬที่กลายพันธุ์นั้นมีมากกว่าสุนัขนรกทมิฬธรรมดามากกว่าถึงสิบเท่าทีเดียว!”
“ความเร็วของมันทั้งรวดเร็วและว่องไวเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าพระชายาจะมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมิติ ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่อยู่ดี”
สุนัขนรกทมิฬอ้าปากกว้างและพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดก็มิปาน และในตอนที่มู่เฉียนซีเกือบที่จะถูกมันล่าได้แล้วนั้น นางก็หลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว
นางกล่าวว่า “ที่แท้ ก็สามารถใช้สัตว์พันธสัญญาได้ด้วยอย่างนั้นสินะ!”
ถึงความสามารถของสุนัขนรกทมิฬจะดูโหดเหี้ยม แต่มู่เฉียนซีก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
สำหรับนางแล้ว รู้สึกว่าสัตว์ปีศาจตัวนี้จะอ่อนแอมากเกินไปหน่อย
“นายท่าน ข้าสู้เอง!”
“ข้าเอง!”
“ข้า…”
ตอนนี้สัตว์ร้ายทั้งสามตัวของนางเริ่มแย่งชิงกันเพราะอยากที่จะออกมาต่อสู้แล้ว มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เสี่ยวหง อู๋ตี้พวกเจ้าไม่ต้องหรอก ให้เสี่ยวโม่โม่ออกมาปลดปล่อยบ้างเถอะ!”
“เจ้าค่ะ!”
และในตอนที่สุนัขนรกทมิฬพุ่งเข้ามาจู่โจมรอบที่สอง ทันใดนั้นมันก็ถูกเปลวเพลิงแห่งความมืดที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันปกคลุมเอาไว้ จนมันส่งเสียงคร่ำครวญออกมาอย่างโหยหวน
เปลวเพลิงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืดนั้นทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็มีความเหมือนกับพลังของนายท่านเป็นอย่างมาก
“หรือว่า…หรือว่านายท่านกลับมาแล้ว!”
“ไม่มีทางหรอก!”
แต่ละคนต่างตื่นกลัวจนหน้าซีดเผือด และในตอนนี้ก็มีหงส์สีดำตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ
“มันคือหงส์นิล และมันคือเปลวเพลิงของหงส์นิลตัวนั้น ไม่ใช่ของนายท่าน!” พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เหตุใดเปลวเพลิงของหงส์นิลตัวนั้นถึงได้แปลกขนาดนี้ ทำไมมันถึงได้เต็มไปด้วยพลังของนายท่านกันล่ะ” มีคนกล่าวอย่างประหลาดใจ
ตอนนี้เสี่ยวโม่โม่คือหงส์นิลแห่งความมืด และเป็นเพราะพลังของจิ่วเยี่ยจึงทำให้มันสามารถกลายพันธุ์ได้ ฉะนั้นแน่นอนว่าเปลวเพลิงของมันย่อมต้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เป็นพลังแห่งความมืดของจิ่วเยี่ยอยู่แล้ว
แม้ว่าตอนที่อยู่ในแดนซวนเทียนก่อนหน้านี้จะไม่มีคนรู้เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ แต่ทว่าคนที่อยู่ภายในคุกโลหิตแห่งนี้ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับพลังของจิ่วเยี่ยเป็นอย่างมาก และเพราะความน่าสะพรึงกลัวเกินไปของมัน จึงทำให้คนสัมผัสมันได้ในทันที
“โฮกก!” หลังจากที่โดนโจมตี สุนัขนรกทมิฬตัวนั้นก็พุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้
เสี่ยวโม่โม่กล่าวว่า “กล้ามากัดนายท่านของข้าหรือ ข้าจะเผาเจ้าซะ!”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
หลังจากนั้นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า
และด้วยพลังที่แข็งแกร่งนั้น ก็ได้ทำให้สุนัขนรกทมิฬต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามู่เฉียนซีไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเฮยเฟิงตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งนางก็ได้รวบรวมพลังจิตวิญญาณเอาไว้ จากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทักษะซิวหลัว!”
ตูมมม!
ด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั้นได้ทำให้กระดูกทั่วทั้งร่างของเขาแตกหัก และในตอนที่เขาเจ็บปวดเจียนตาย ร่างของเขาก็ได้ลอยกระเด็นออกไปจากสนามการประลองแห่งนี้แล้ว
และในที่สุดเสี่ยวโม่โม่ก็ย่างสุนัขนรกทมิฬตัวนั้นได้สำเร็จ นอกจากนี้มันยังทำให้สุนัขนรกทมิฬตัวนี้ตายจนไม่สามารถตายได้แล้วอีกด้วย
สีหน้าของราชทินนามเฮยเทียนมืดมนลงทันที รู้ไหมว่าการจะหาสุนัขนรกทมิฬกลายพันธุ์ให้ได้สักตัวหนึ่งมันยากมากเพียงใด? แต่ผู้หญิงคนนี้กลับปล่อยให้สัตว์พันธสัญญาฆ่ามันไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “เพราะเสี่ยวโม่โม่ของข้ายังอายุน้อยนัก จึงลงมือเกินไปหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเผาสัตว์ปีศาจพันธสัญญาของหลานชายราชทินนามเฮยเทียนไปเสียแล้ว! แต่ไม่เป็นไร หากเฮยเฟิงต้องการสัตว์ปีศาจตัวใหม่ละก็ รอให้จิ่วเยี่ยกลับมาแล้ว ท่านสามารถให้จิ่วเยี่ยชดใช้ให้ได้!”
ราชทินนามเฮยเทียนโมโหจนช้ำในไปหมดแล้ว ชดใช้หรือ?
ให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยชดใช้สัตว์ปีศาจให้หรือ นั่นไม่กลายเป็นว่าเขาไปรนหาที่ตายมากกว่าหรอกหรือ?
ราชทินนามเฮยเทียนให้คนไปพยุงหลานชายที่น่าผิดหวังของเขาออกไป ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าพระชายามากอย่างเห็นได้ชัด คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้ ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี! และนอกจากนี้มันก็ทำให้ผู้คนมากมายมองเขาเป็นตัวตลกไปแล้วอีกด้วย
ราชทินนามเฮยเทียนกล่าวว่า “พระชายานี่ช่างโชคดีจริง ๆ ท่านได้รับความโปรดปรานจากนายท่าน จนทำให้นายท่านมอบสมบัติให้ท่านมากมาย ซึ่งก็มีทั้งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพพลังแห่งมิติ และสัตว์เทพหงส์ด้วย ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่หลานชายของข้าจะพ่ายแพ้ท่านเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดังนั้น ราชทินนามเฮยเทียน ถือว่าพวกท่านได้รับปากเรื่องของข้าแล้ว! ฉะนั้นก็จงหุบปากไปเสียเถอะ! จากนี้ไปอย่าให้ข้าได้ยินคำพูดที่ทำให้ข้าไม่สบอารมณ์อีกล่ะ”
“ขอรับ!” พวกเขารู้สึกอึดอัดใจเป็นที่สุด เดิมทีคิดว่าจะสามารถขับไล่นางออกไปจากคุกโลหิตได้อย่างง่ายดาย คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของนางจะเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ และตอนนี้พวกเขาก็พ่ายแพ้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันกลืนเลือดกลับลงไปเท่านั้น
และในตอนที่พวกเขากำลังจะจากไป ก็มีแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็กดดันจนพวกเขาหายใจไม่ออกเลยทีเดียว
.