ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2344 นายท่านมาแล้ว
ตึง ตึง ตึง!
พวกเขาแต่ละคนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างที่สั่นเทา จากนั้นก็มองไปยังชายที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันราวกับเทพปีศาจก็มิปานผู้นั้น
ท่านอ๋องของพวกเขา…กลับมาแล้ว
กลับมาแล้ว!
ทันทีที่จิ่วเยี่ยปรากฏตัวออกมา เขาก็เข้าไปอุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมแขน พร้อมทั้งกอดนางเอาไว้แน่น
ด้วยกลิ่นเลือดที่คุ้นเคยนี้ แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในภาวะจำศีล มันก็ทำให้เขาราวกับว่าเข้าไปในฝันร้ายที่น่าสะพรึงกลัวก็มิปาน
ซีได้รับบาดเจ็บหรือ?
เกือบทันทีที่เขาลืมตาตื่นขึ้น เขาก็เริ่มตามหากลิ่นอายของซีทันที แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสถานที่ที่ปรากฏตัวขึ้นจะเป็นสนามประลอง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผู้ชายที่ขวางหูขวางตาอยู่มา ากมายอีกด้วย
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ราชทินนามเหล่านี้สัมผัสได้ว่านายท่านอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
นายท่านกลับมาเร็วเกินไปแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้อธิบายเลย นอกจากนี้หัวสมองของพวกเขาก็ว่างเปล่าเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่สามารถเรียบเรียงข้อแก้ต่างของตนเองไ ได้อีกด้วย
ตอนนี้พวกเขาได้แต่มองไปที่พระชายาของนายท่านของพวกเขาอย่างมีความหวัง ซึ่งพวกเขาก็ไม่อยากให้นางฟ้องขึ้นมาตอนนี้เลย!
มิเช่นนั้นแล้วละก็ พวกเขาเกรงว่าแม้แต่โอกาสที่จะร้องขอชีวิตก็จะไม่มีเลยด้วยซ้ำ และคงต้องถูกทำให้หายไปทันทีแน่นอน
แต่ถึงพระชายาของเขาจะไม่ได้ฟ้อง แต่ใต้เท้าจื่อโยวผู้ชั่วร้ายไม่มีทางปล่อยให้พวกเขามีชีวิตที่ดีแน่นอน
จื่อโยวกล่าว “เยี่ย ข้ามีความผิด! หลังจากนี้เจ้าจะฆ่าข้ากี่รอบก็แล้วแต่เจ้า แต่ว่ามีบางเรื่องที่ข้าจำเป็นต้องบอกเจ้า”
คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าจื่อโยวจะสารภาพผิดอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาหนาวสั่นไปทั้งตัวเลยทีเดียว เจ้าหมอนี่ต้องมีเจตนาที่ไม่ดีอย่างแน่นอนเลย!
“พูดมา!” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกดำดังออกมา
ใต้เท้าจื่อโยว เจ้าอย่าพูดนะ!
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะเอ่ยออกมา และทำได้เพียงกรีดร้องอยู่ภายในใจเท่านั้น แม้ว่าเขาจะได้ยินเสียงร้องในหัวใจของพวกเขา แต่เขาก็ไม่สนใจพวกเขาอยู่ดี!
ท่าทางที่ดูก้าวร้าวเต็มไปด้วยพลังและคอยรังแกคนงามก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้วล่ะ? ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วอย่างนั้นหรือ?
จื่อโยวได้นำทุกเรื่องที่พวกเขาทำไปบอกกับจิ่วเยี่ยด้วยน้ำเสียงที่สะเทือนอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง คนเหล่านี้ดูถูกสมบัติอันล้ำค่าของจิ่วเยี่ยว่ามีความสามารถอ่อนแอ และต้องการท ที่จะบีบนางให้ออกไปจากคุกโลหิตด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังให้คนที่อยู่ในระดับเจ้าครองดินแดนคนหนึ่งมาประลองกับคนงามอีกด้วย
สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดเหล่านี้ ได้ไปกระตุ้นต่อมโมโหของจิ่วเยี่ยอย่างสมบูรณ์แล้ว และทันใดนั้นจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็แพร่กระจายออกมา
และสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น
บนใบหน้าของคนเหล่านี้ไม่มีสีเลือดอย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะความตายกำลังใกล้เข้ามา และถึงพวกเขาจะเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ถึงจะมาเสียใจภายหลังเอาตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์เสียแล้ว
พรวด พรวด พรวด
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าตามข้ามา”
ในตอนที่จิ่วเยี่ยกำลังต้องการจะฆ่าคนเหล่านี้ มู่เฉียนซีกลับไม่มองพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และรีบพาจิ่วเยี่ยจากไป
ทันทีที่เสียงของมู่เฉียนซีดังขึ้นมา จิตสังหารของเขาก็หายไป ซึ่งคนเหล่านี้ก็อ้าปากหายใจอยู่บนพื้นราวกับปลาใกล้ตายอย่างไรอย่างนั้น และหลังจากนั้นก็ได้แต่มองแผ่นหลังขอ องนายท่านของพวกเขาที่กำลังจากไป
พวกเขายังมีชีวิตอยู่!
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสามารถขวางจิตสังหารที่แข็งแกร่งของนายท่านได้ และนอกจากนี้ยังใช้คำพูดที่เรียบเฉยเพียงคำพูดเดียวเท่านั้นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มันจะน่าเหลือเชื่อเกิ นไปแล้ว
พระชายามนุษย์ที่มาจากแดนซวนเทียนผู้นั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีอิทธิพลต่อนายท่านมากถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีพาจิ่วเยี่ยกลับมาถึงห้องพักของนาง จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบร่างกายของเขาทันที
จิ่วเยี่ยอนุญาตให้มู่เฉียนซีลงมือกับเขาได้อย่างอิสระ นอกจากนี้เขายังเชื่อฟังอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างวางใจ
วิธีการของอู๋หยาทำให้นางแปลกใจมากเช่นกัน เพราะพลังคำสาปแห่งความมืดที่แข็งแกร่งนั้นมีความเสถียรอย่างน่าประหลาด
“ซี!” จิ่วเยี่ยกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มู่เฉียนซีสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเขา และยังสามารถสัมผัสถึงความเจ็บปวดของเขาได้อย่างชัดเจน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าคือหมอปีศาจ เลือดเพียงเล็กน้อยข้าสามารถจัดการตัวเองได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย!”
“แค่ไหน?”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังคนที่อยู่ข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “บอกเจ้าว่าเท่าไรแล้วเจ้าจะคืนให้ข้าหรืออย่างไร? ข้าไม่ใช่ผีดูดเลือดสักหน่อย ถึงเอาเลือดเจ้ามาก็ดื่มไม่ได้อยู่ดี! แต่ห หากพูดถึงคนที่ผนึกคำสาป ก็มีคนไม่น้อยที่โดนคำสาป และข้าก็ใช้เลือดของเจ้าในการผนึกมันเหมือนกัน!”
นางจ้องมองไปที่จิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “ในเมื่อมันผ่านไปแล้ว และทั้งหมดก็ปลอดภัยดี เจ้าก็ไม่ต้องคิดมาก...อุ้บ...”
มีความเจ็บปวดในใจของเขาที่ยากจะพูดออกมาได้ และจิ่วเยี่ยก็ทำได้เพียงใช้การเคลื่อนไหวง่าย ๆ เพื่อใกล้ชิดกับมู่เฉียนซีเท่านั้น ซึ่งจูบของเขา มีความอ่อนโยนและระมัดระวังมากกว่า าสิ่งอื่นใด
ทันทีที่จุมพิตสิ้นสุดลง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “คำขอโทษของเจ้า ข้าจะรับมัน!”
“ขอเพียงมีการขอโทษเช่นนี้ ซีก็จะพึงพอใจได้อย่างง่าย ๆ แล้ว”
“เฮ้ หวงจิ่วเยี่ย เจ้าเพิ่งจะดีขึ้นเองนะ เจ้า…”
“ตอนนี้ข้าดีมากแล้วต่างหาก!”
ในตอนที่ทั้งสองคนเข้ามาใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาก็เริ่มเข้าไปพัวพันกันอย่างลึกซึ้ง
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงที่จิ่วเยี่ยกล่าวกับนางว่า “อย่าไปเลย!”
มู่เฉียนซีกอดเอวของเขาเอาไว้แล้วกล่าวว่า “หากยังเอาดีกิเลนมาไม่ได้ และยังไม่ได้ถอนคำสาปให้เจ้า หรือยังไม่ได้เปิดกิจการในแดนนรกแห่งนี้ ข้าก็ไม่มีทางออกไปจากคุกโลหิตห หรอก ไม่ว่าใครอยากจะให้ข้าไป ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาทำสำเร็จเป็นแน่! เว้นแต่ว่าคนคนนั้นจะเป็นเจ้า!”
“ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่นอน!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างหนักแน่น
ในตอนนี้คนกลุ่มนั้น ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น และไม่กล้าออกไปไหน
จนกระทั่งตอนที่จิ่วเยี่ยตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น จื่อโยวก็มาแจ้งข่าวว่า “พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
พวกเขายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านอ๋องจิ่วเยี่ยยังคงให้ความสำคัญกับพวกเขามากนั่นเอง
แม้ว่าพวกเขาจะกวนใจเขา แต่เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ฉะนั้นท่านอ๋องจึงไม่ต้องการเอาชีวิตของพวกเขา
จื่อโยวมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาที่กำลังจากไป มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้ายออกมา บังอาจจะทำให้คนงามออกไปจากข้างกายเยี่ย ต่อให้คนเหล่านี้จะต้องตายอีกหมื่นครั้ง งก็ไม่พอหรอก
แต่คนงามกลับไม่ต้องการให้เยี่ยฆ่าพวกเขา และยังต้องการปล่อยพวกเขาให้ดิ้นรนต่อไปอีกด้วย
มันไม่ใช่ว่าเพราะคนงามเป็นคนจิตใจดีขนาดนั้น แต่เป็นเพราะนางต้องการให้พวกเขากลายเป็นอุปสรรคที่คอยขัดขวางความก้าวหน้าเพื่อสร้างประสบการณ์ให้นางในคุกโลหิตแห่งนี้เท่านั้น นเอง
แน่นอนว่า แม้คนงามจะติดตามเยี่ยมายังคุกโลหิต แต่ก็ไม่ได้ต้องการที่จะหลบอยู่ใต้ปีกอันแข็งแกร่งของเยี่ยตลอดไปอยู่ดี
คนเหล่านี้สามารถเป็นแรงกดดันคอยขัดขวางนางในคุกโลหิตแห่งนี้ได้ และในเวลาเดียวกันยังสามารถเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้กับนางได้ด้วย ซึ่งมันก็ทำให้นางที่อยู่ในแดนนรกแห่งนี้ เติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
“ข้าไม่พอใจ!” การตัดสินใจของมู่เฉียนซี ทำให้หน้าของจิ่วเยี่ยบูดบึ้งเป็นอย่างมาก
“คนเหล่านั้น ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
“หากว่าเจ้าฆ่าทุกคนที่ไม่พอใจข้าในคุกโลหิตหมดแล้ว เช่นนั้นข้าจะเล่นอะไรกันล่ะ? หลังจากที่ฝึกฝนวันแล้ววันเล่าก็ถูกท่านอ๋องจิ่วเยี่ยเลี้ยงเหมือนหนอนอย่างนั้นหรือ ไม่สู้ทำใ ให้ลมพายุเปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้นไปอีก เช่นนี้ถึงจะน่าสนใจมิใช่หรือ?” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มเล็กน้อย
จิ่วเยี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อซีตัดสินใจมันด้วยตนเอง เช่นนั้นข้าก็จะเชื่อฟังเจ้า”
แต่หากคนเหล่านั้นมาล้ำเส้นของเขา หรือมาทำร้ายซีแม้แต่ปลายขน เขาไม่มีทางปล่อยมันไปแน่นอน
เกรงว่าคนที่หนีจากความตายไปได้เหล่านั้นยังคงไม่รู้ว่า เป็นเพราะพระชายาของพวกเขารู้สึกว่าการใช้ชีวิตในคุกโลหิตแห่งนี้ปลอดภัยเกินไป จึงได้ต้องการให้พวกเขามาสร้างปัญหาใ ให้กับนาง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่นางวางไว้
และพวกเขาก็คืออุปสรรคขัดขวางที่สำคัญในการก้าวไปถึงจุดสูงสุดในคุกโลหิตของมู่เฉียนซีนั่นเอง!
“อู๋หยา!” หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้พ่นชื่อนี้ออกมา
ในตอนที่จิ่วเยี่ยได้ยินชื่อนี้ แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และทันใดนั้นเขาก็คิดที่จะไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของอู๋หยา จากนั้นก็ฆ่าเขาทิ้งเสีย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จื่อโยวบอกว่าไม่สามารถฆ่าเขาได้ เช่นนั้นก็อย่าเปลืองแรงไปเปล่า ๆ เลย อย่างไรเสียเขาก็ยังมีประโยชน์อยู่ แต่ก็ต้องจับตาดูเขาไว้ เพราะข้าเองก็ไม่อย ยากถูกร่างทรงที่ล่วงรู้อนาคตและระลึกอดีตได้ผู้นี้คิดร้ายทุกครั้งไปเช่นกัน! มันทำให้ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยต้องเข้าใจอยู่แล้ว เพราะแผนการร้ายต่อมู่เฉียนซีในครานี้ เป็นแผนการร้ายที่ต้องการจะขับไล่มู่เฉียนซีออกไปจากคุกโลหิต ซึ่งก็มีเพียงอู๋หยาเท่านั้นที่มีคว วามคิดและความกล้าเช่นนี้