ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2345 มอบเมืองให้นาง
ขณะนี้อู๋หยาถูกกักบริเวณอยู่!
กระดองเต่าที่อยู่ในมือของเขาก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ มือเรียวยาวที่ไร้สีเลือดค่อย ๆ หยิบชิ้นส่วนของกระดองเต่าขึ้นมาทีละชิ้นหลังจากนั้นก็กล่าวว่า “ดวงวิญญาณแห่งโชคชะตา ช่างจัดการได้ยากจริง ๆ แต่เวลาที่เจ้ากลับมาบนโลกใบนี้ไม่ถึงสามปีด้วยซ้ำ ฉะนั้นการเติบโตเพียงช่วงสั้น ๆ ของเจ้า สุดท้ายแล้วก็ยังคงอ่อนแอเกินไปอยู่ดี”
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการจะออกไปจากคุกโลหิต เช่นนั้นเจ้าก็จงอยู่ที่นี่ตลอดไปก็แล้วกัน!” และภายในดวงตาของเขาก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
แกร่ก!
กระดองเต่าในมือของเขา ได้เปลี่ยนกลายเป็นผุยผงในทันที
หลังจากนั้นไม่นานทั่วทั้งคุกโลหิตต่างรับรู้ ว่าพระชายาที่นายท่านของตนเองเลือกมานั้น แม้ว่าสำหรับอายุของคนในแดนนรกจะถือว่าน้อยมาก แต่กลับมีพลังในการต่อสู้ที่สามารถเอาชนะระดับเจ้าครองดินแดนได้เลยทีเดียว
อย่างที่รู้กันว่า ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าครองดินแดนมีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าของเมืองเมืองหนึ่งได้ แต่คนที่มีความสามารถเช่นนี้ด้วยอายุที่ยังไม่ถึงยี่สิบปี มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ
ในการปรึกษาหารือของตำหนักราตรี ทุกคนล้วนตัวสั่นเทา ด้วยเกรงว่านายท่านจะเอ่ยถึงเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ ราชทินนามเฮยเทียนก็ได้กล่าวขึ้นมาแล้วว่า “นายท่าน ในเมื่อพระชายามีความสามารถเป็นถึงระดับเจ้าครองดินแดนแล้ว เหตุใดนายท่านถึงไม่เตรียมมอบเมืองสักเมืองหนึ่งให้พระชายาเล่าขอรับ”
“ของล้ำค่าต่าง ๆ นายท่านก็น่าจะเคยมอบให้แล้ว แต่สำหรับพระชายาแล้วสิ่งของเหล่านั้นไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งของที่หายากเลย และคนที่เลื่อนขั้นเป็นเจ้าครองดินแดนทุกคนล้วนต้องการที่จะได้รับเมืองกันทั้งนั้น”
ผู้ที่มีเมือง นั่นถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่ง และเป็นเครื่องหมายว่าอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งอีกด้วย
ถึงระดับเจ้าครองดินแดนจะมีคุณสมบัติที่จะครอบครองเมืองได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนมีคุณสมบัติที่มีได้หรอกนะ
มุมปากของจื่อโยวกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แค่เมืองไม่เห็นเท่าไรเลย?
ตอนนี้เยี่ยกำลังวางแผนที่จะมอบคุกใหญ่อื่นอีกหกแห่งให้กับคนงามแล้ว ฉะนั้นแค่เมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งมันแทบไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ
ทว่าคนงามอยากได้ประสบการณ์ในคุกนรกแห่งนี้ ฉะนั้นการอยู่แต่ในพระราชวัง และการถูกเยี่ยคอยจับตาดูอยู่เสมอในทุก ๆ วัน มันจะทำให้นางไม่มีโอกาสได้เจอเรื่องที่ท้าทายเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้หากว่ามีเมืองที่ต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง มันก็คงจะไม่เลวเช่นกัน!
ขนาดจื่อโยวยังคิดถึงเรื่องนี้ ฉะนั้นจิ่วเยี่ยย่อมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าแม้จิ่วเยี่ยจะเป็นคนที่มีความงดงามอันน่าเย้ายวน แต่นอกจากมู่เฉียนซีจะจัดการเรื่องหอหมอปีศาจในเมืองเทพสังหารแล้ว นางก็เริ่มค้นหาแล้วว่ามีที่ใดในคุกโลหิตที่เหมาะเอาไว้ให้นางหาประสบการณ์บ้าง
แต่เนื่องจากว่าอาณาเขตที่เคราะห์ร้ายของระดับใต้เท้าและระดับเจ้าครองดินแดนเหล่านั้น ที่จริงแล้วยังคงอันตรายเกินไปสำหรับนางในตอนนี้ มันจึงเป็นผลให้จิ่วเยี่ยปฏิเสธสถานที่ทั้งหมดเหล่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีจิตใจห่อเหี่ยวจนกัดเขาไปหลายครั้งเลยทีเดียว
และแน่นอนว่าทุกครั้งที่จิ่วเยี่ยถูกกัดก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกว่านางกำลังยั่วยวนเขา ซึ่งหลังจากนั้นก็ย่อมต้องมีเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้…
จิ่วเยี่ยรู้สึกว่า แทนที่จะปล่อยให้ซีแอบหนีออกไปจากที่นี่อย่างลับ ๆ ไม่สู้หาเมืองมาให้นางเล่นสักสองสามเมืองไม่ดีกว่าหรือ
ตอนนี้ทั้งพระราชวังล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนางแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่าซีได้เริ่มปรึกษาเรื่องหลบหนีกับสัตว์พันธสัญญาทั้งสามตัวของนางแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับข้อเสนอของพวกเขา ทุกคนต่างก็รู้สึกร้อนรนเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าคุกใหญ่อื่น ๆ จะไม่เคยมีเรื่องที่มอบเมืองให้พระชายา แต่พระชายาของที่อื่นอย่างน้อยก็มีความสามารถอยู่ในระดับใต้เท้าชั้นล่างกันทั้งนั้น ทว่าพระชายาของพวกเขา…
หลังจากนั้น พวกเขาก็ค้นพบว่านายท่านของพวกเขาได้หายตัวไปแล้ว
ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังพูดคุยอยู่กับพวกของอู๋ตี้และเสี่ยวหง ซึ่งมันเป็นไม่ได้เลยที่จะหนีรอดออกไปต่อหน้าต่อตาของจิ่วเยี่ยได้
แต่สุ่ยจิงอิ๋งกลับกล่าวแนะนำว่า “ข้าสามารถส่งซีเอ๋อร์ออกไปได้นะ”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย ใช้พลังของผู้พิทักษ์นิรันดร์ในการหนีออกจากบ้านหรือ ข้า…ข้านี่มันจะใช้ของเสียเปล่าเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ข้าไปปรึกษากับจิ่วเยี่ยก่อนดีกว่า!
แม้ว่าสุ่ยจิงอิ๋งจะใช้พลังแห่งมิติส่งนางออกไปได้ แต่จิ่วเยี่ยเพียงแค่ใช้อีกเศษเสี้ยวหนึ่งก็สามารถตามหานางได้อย่างง่ายดายแล้ว
หากเป็นเช่นนี้การที่นางแอบหนีเขาออกไปเที่ยวก็คงจะไม่มีความท้าทายเลยแม้แต่น้อยเป็นแน่ ฉะนั้นนางจึงรู้สึกว่าพูดคุยกับเขาเสียจะดีกว่า และถึงแม้ว่าบางครั้งจิ่วเยี่ยจะไร้เหตุผลไปบ้าง แต่…
มู่เฉียนซีกัดฟันแน่น จิ่วเยี่ยมักจะชอบใช้ความงดงามของชายหนุ่มกับนางและทำให้นางยอมแพ้ไปในที่สุด แล้วเขาคิดว่านางจะไม่สามารถโจมตีกลับในทำนองเดียวกันได้อย่างนั้นหรือ?
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังคิดหาวิธีว่าจะใช้ความงามอย่างไร ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และมู่เฉียนซีก็ถูกพาตัวออกไปจากห้องนอนทันที
นางมาถึงสถานที่ที่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือตำหนักราตรีนั่นเอง นอกจากนี้มันก็คือสถานที่ที่นางใช้ต่อสู่กับราชทินนามเหล่านั้นอีกด้วย
ราชทินนามเหล่านั้นคิดว่าตนเองได้ถูกนายท่านทอดทิ้งไปเสียแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อนายท่านปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะพาพระชายาของพวกเขาเข้ามาข้างในนี้ด้วย
นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขามาเจอกันในตำหนักราตรีแห่งนี้ ซึ่งภายในใจของทุกคนต่างก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ที่ตอนนี้พวกเขาจะยังไม่ถูกนายท่านสังหารจนหายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะดูเหมือนว่าพระชายาจะยังมีความเมตตา และไม่ได้เป่าหูนายท่านของพวกเขา
“คารวะนายท่าน!”
“คารวะพระชายา!”
พวกเขาต่างทำความเคารพอย่างพร้อมเพียงกัน อีกทั้งยังเป็นท่าทางที่ให้ความเคารพอย่างสูงสุดอีกด้วย
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์
ส่วนมู่เฉียนซี แน่นอนว่าต้องนั่งอยู่บนตักของเขาอยู่แล้ว
มันคือบนตัก ซึ่งไม่ใช่ด้านข้าง ที่เป็นที่นั่งในตำแหน่งรองจากบัลลังก์เหมือนก่อนหน้านี้
เปลือกตาของทุกคนกระตุกอย่างรุนแรง นี่มันกำลังหมายความว่าอะไรอย่างนั้นน่ะหรือ? นี่มันก็แสดงให้เห็นว่า แม้พระชายาจะขี่อยู่บนร่างของนายท่าน แต่นายท่านก็ยินดีที่จะให้นางทำเช่นนี้ได้!
นี่มันจะเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังติดตามท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมาเป็นเวลานาน ฉะนั้นจึงรู้ดีว่าท่านอ๋องไม่เคยสนใจผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
และครั้งแรกที่พระชายาปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็รู้สึกว่านายท่านน่าจะให้ความสนใจเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นอีกด้วย
อย่างไรเสียข้างกายของนางท่านก็มีใต้เท้าจื่อโยวที่เจ้าชู้ขนาดนั้น ก็น่าจะเปิดหูเปิดตามากพออยู่แล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนนี้สำหรับนายท่านแล้ว จะมีความพิเศษถึงเพียงนี้!
จิ่วเยี่ยกระซิบที่ข้างหูของมู่เฉียนซีว่า “ก่อนหน้านี้ ซีนั่งอยู่ตรงนั้นสินะ!”
หลังจากนั้นในตำแหน่งที่อยู่ไม่ไกลนั้น ก็ถูกพลังของเขาบดขยี้ไปอย่างกะทันหัน และสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“จะให้ซีของข้านั่งตรงนั้นได้อย่างไร หลังจากนี้หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ที่ตรงนี้คือของเจ้า”
ที่นั่งที่เป็นรองเพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นได้หายไปแล้ว และตอนนี้ก็เหลือเพียงบัลลังก์เท่านั้น และทุกคนก็มองไปยังสาวน้อยผู้งดงามในชุดสีม่วงที่กำลังถูกนายท่านของพวกเขากอดเอาไว้แน่น
ถึงท่านอ๋องจิ่วเยี่ยจะไม่เคยมีความสนใจในตำแหน่งอ๋องมาก่อนเลย แต่นายท่านก็ไม่ควรที่จะรีบร้อนจนไปคว้าเอาพระชายาที่มีความสามารถไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนผู้นี้มาเลย!
ซึ่งการให้ความสำคัญเช่นนี้ ก็ทำให้พวกเขาเหล่านี้หวาดกลัวมากเลยทีเดียว
จื่อโยวกล่าว “เป็นข้าที่ไม่ดีเอง แต่เยี่ยเจ้าทำให้ที่นั่งตำแหน่งนั้นหายไปแล้ว หลังจากนี้ไปหากเจ้าไม่อยู่แล้วข้าต้องมาทำงานให้ เจ้าจะให้ข้านั่งตรงไหนกันล่ะ!”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ยืนเอาสิ!”
เนื่องจากแรงกดดันของนายท่านน่ากลัวเกินไป ซึ่งมีเพียงใต้เท้าจื่อโยวที่คุ้นเคยแล้วเท่านั้นที่สามารถพูดคุยและตำหนินายท่านพร้อมรอยยิ้มได้
ส่วนพวกเขาก็ทำได้เพียงคุกเข่าอย่างถ่อมตัว และไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
มู่เฉียนซีพิงอยู่ในอ้อมแอนของจิ่วเยี่ยอย่างเกียจคร้านพลางกล่าวว่า “เจ้าพาข้ามาทำอะไรที่นี่? แค่ต้องการให้ข้าได้มาลองนั่งบนบัลลังก์อันน่าเกรงขามของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยอย่างหรือ แต่ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน! ถึงเจ้าจะโยนงานให้จื่อโยว หรือว่าเจ้าจะกดขี่จื่อโยวราวกับทาสข้าไม่ได้สนใจทั้งนั้น! แต่หากเจ้ามีความคิดที่จะมายุ่งกับข้า ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด! ข้าหมอปีศาจยังต้องยุ่งอยู่กับเรื่องเปิดกิจการของหอหมอปีศาจอีกนะ!”
จิ่วเยี่ยกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ข้าย่อมไม่มีทางยอมปล่อยให้ซียุ่งขนาดนั้นอยู่แล้ว! เพียงแต่ว่าตำแหน่งอื่นมันไม่เหมาะสมกับเจ้า และมีเพียงตำแหน่งนี้ที่เหมาะสมกับเจ้า เพราะเจ้าเป็นภรรยาของข้า”
แววตาของจิ่วเยี่ยมืดมนทันที เขากวาดสายตาไปที่คนเหล่านั้นแล้วกล่าวว่า “คำพูดที่พวกเจ้าพูดเมื่อครู่นี้ ลองพูดมันอีกครั้งซิ!”
อ๊ากก! คำพูดเมื่อครู่นี้หรือ!
ขนาดบัลลังก์อ๋องท่านยังยอมมอบให้คนอื่นได้ แล้วเรื่องที่พวกเขาเสนอให้มอบเมืองให้พระชายา จะไม่ทำให้พระชายาโกรธจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
ตอนนี้พวกเขาอยากที่จะย้อนเวลากลับไปเหลือเกิน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เสนอเรื่องเช่นนั้นออกมาอีก
.
.