ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2346 ความคิดที่บ้าคลั่ง
ในเมื่อมีคำสั่งของนายท่าน พวกเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้!
“พระชายา ในเมื่อตอนนี้ท่านมีพลังในการต่อสู้เทียบเท่าระดับเจ้าครองดินแดนแล้ว และนอกจากนี้ยังมีระดับที่สูงส่งอีกด้วย ดังนั้น…ดังนั้นข้าน้อยจึงมีข้อเสนอ ให้จัดสรรเมืองสองสา ามเมืองให้พระชายาขอรับ” คนที่เอ่ยปากออกมาคนแรกก็คือราชทินนามเฮยเทียน ดังนั้นในเวลานี้ เขาก็ได้ถูกคนที่ร่วมมือกันกลุ่มนั้นผลักออกมาเช่นกัน
เมืองอย่างนั้นหรือ! มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าคนเหล่านี้เสนอให้มีการมอบเมืองให้นางที่มีพลังในต่อสู้ระดับเจ้าครองดินแดนนั่นเอง ฉะนั้นจิ่วเยี่ยจึงได้พา านางมาที่นี่
เมืองอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็มีเหตุผลที่สามารถออกไปจากพระราชวังได้แล้วอย่างนั้นสินะ
อย่างที่รู้กันว่าเมืองใหญ่ต่าง ๆ ของคุกโลหิตต่างจัดการได้ยาก นอกจากเมืองที่เหล่าราชทินนามเป็นผู้รับผิดชอบแล้ว ส่วนเมืองอื่น ๆ ทั้งวุ่นวายและอันตราย และแม้จะเป็นเจ้าเมื องก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี
การควบคุมเมืองเมืองหนึ่ง จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างมากมาย
ด้วยเหตุนี้นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสี่ยงตายไปยังสถานที่ที่อันตรายเพื่อหาประสบการณ์ ทั้งยังสามารถยกระดับความสามารถของตนเองได้อีกด้วย
ซึ่งเมืองเหล่านี้ ก็สามารถกลายเป็นแหล่งฝึกฝนประสบการณ์ในระหว่างที่อยู่ในคุกโลหิตของนางได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่จิ่วเยี่ยเรียกนางมาเพื่อตัดสินใจ ซึ่งก็หมายความว่าเขาเห็นด้วยแล้วนั่นเอง!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้อเสนอของราชทินนามเฮยเทียนนี้ไม่แล้วเลย ในคุกโลหิตยังมีเมืองใดบ้างที่ไม่มีเจ้าของ ส่งข้อมูลที่เจ้าเตรียมมาให้ข้าสิ!”
“ฮะ! พระชายาต้องการเมืองที่ไม่มีเจ้าของหรือขอรับ?” พวกเขากล่าวอย่างตื่นตกใจ
เดิมทีแล้วพวกเขาวางแผนจะเลือกเมืองที่ปลอดภัยและมั่งคั่งสักสองสามเมือง ซึ่งอาจจะใช้วิธีการบังคับ หลอกล่อหรือสังหารเจ้าเมืองเหล่านั้นเสีย จากนั้นก็ค่อยกวาดทั้งหมดให้กลายเป็ นสิทธิ์ของพระชายา
แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาจะเลือกเมืองที่ไม่มีเจ้าของด้วยตนเอง ถึงเมืองที่ไม่มีเจ้าเมืองจะจัดการได้ง่ายกว่ามาก แต่ทว่า…
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทำไม? ไม่ได้หรือ ข้าไม่อยากที่จะไปแย่งเมืองของคนอื่นมา และข้าก็ไม่อยากใช้อิทธิพลรังแกผู้อื่น! เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นกล่าวว่าข้าไม่มีสิทธิ์ที่ จะอยู่ในคุกโลหิตแห่งนี้อีก”
“ได้ ๆ ได้ขอรับ สิ่งที่พระชายากล่าวนั้นถูกต้องแล้ว ถูกต้องแน่นอน” พวกเรารีบพยักหน้ากล่าวอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่า นอกจากพระชายาจะเก่งไปหมดทุกอย่างแล้ว ก็ยังใจดีเกินไปหน่อยอีกด้วย
และถึงก่อนหน้านี้พวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่นาง แต่อย่างน้อยนางก็ไม่ได้ใจแคบจนเป่าหูนายท่าน จนทำให้นายท่านมาตามฆ่าพวกเขา
และตอนนี้นางก็ไม่ต้องการที่จะไปเอาเปรียบโดยการแย่งเมืองมาจากคนอื่น ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอหญิงสาวที่ใจดีเช่นนี้เหมือนกัน
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้ใดกล้าพูดอีก ได้ตายแน่!”
ส่วนเมืองที่ไม่มีเจ้าเมือง โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ไกลจากเมืองเทพสังหารมาก
ถึงจิ่วเยี่ยจะไม่อยากให้นางไปไกลมากเกินไปนัก แต่เขาก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายการตัดสินใจของมู่เฉียนซีได้เช่นกัน!
คนเหล่านี้ตัวสั่นเทาขึ้นด้วยความหวาดกลัว และพวกเขาในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นคนใบ้คนหนึ่งไปแล้ว
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พวกเจ้ามัวเหม่ออะไรอยู่ที่นี่ล่ะ! ยังไม่รีบไปรวบรวมข้อมูลของเมืองที่ไม่มีเจ้าเมืองมาอีก หากตกหล่นแม้แต่ที่เดียว พวกเจ้าจะต้องถูก กลงโทษด้วยการฆ่าตัวตายแน่!”
“ขอรับ! นายท่าน พระชายา พวกเราจะรีบไปเตรียมเมืองที่ไม่มีเจ้าเมืองมาถวายทันทีขอรับ” พวกเขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็รีบจากไปอย่างร้อนรนด้วยความรวดเร็ว จนถึงขั้นอยากจ จะให้ตนเองมีปีกงอกออกมาเลยทีเดียว
ในตอนที่จิ่วเยี่ยกำลังจะออกไปพร้อมกับมู่เฉียนซี จื่อโยวก็กล่าวว่า “รอให้ได้รับข้อมูลแล้ว ข้าจะรีบนำไปส่งด้วยตนเอง และจะได้ให้คนงามเลือกได้ตามใจชอบ!”
ในระหว่างทางที่กลับไปยังห้องนอน จิ่วเยี่ยก็กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ซีมีความสุขมากหรือไม่!?”
“ข้ากำลังจะกลายเป็นเจ้าเมือง แน่นอนว่าต้องมีความสุขมากอยู่แล้ว! แต่หลังจากนี้คงจะไม่ได้อยู่ในพระราชวังของคุกโลหิตบ่อย ๆ อีก หากว่าเจ้าคิดถึงข้า…”
“หากว่าข้าคิดถึงเจ้า แล้วควรจะทำเช่นไร?” จิ่วเยี่ยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
“หากว่าเจ้าคิดถึงข้า เช่นนั้นก็รอตอนที่ข้าคิดถึงเจ้า แล้วค่อยเรียกเจ้ามาก็แล้วกัน!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หื้ม! ทำได้แค่นี้หรือ?”
“ใช่แล้ว!”
เนื่องจากมู่เฉียนซีดูภูมิใจมากเหลือเกิน มันจึงได้ไปยั่วยุให้ท่านอ๋องรู้สึกอยากที่จะแก้แค้นขึ้นมา และให้สัญญาว่า นางจะต้องคิดถึงเขามาก จนกลับมาหาเขาเมื่อมีเวลาแน่นอน
และเมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น แสงตะวันก็โด่งฟ้าเสียแล้ว
“คนงาม คนงาม…” จื่อโยวรีบวิ่งเข้ามา
ดูเหมือนว่าข้อมูลของเมืองที่ไร้เจ้าเมืองที่จะมอบให้นางได้ส่งมาถึงแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอามาให้ข้าดูหน่อย”
และมันก็คือทั้งหมดนี้เลย!
คุกโลหิตนั้นกว้างใหญ่มาก และเพียงแค่คุกโลหิตแห่งเดียวก็มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับราชวงศ์ตงหวงแล้ว เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุกนรกทั้งเจ็ดเลย
และด้วยความที่มีดินแดนที่ยิ่งใหญ่ จึงทำให้มีเมืองมากมาย แต่เนื่องจากว่าคนที่อยู่ในระดับเจ้าครองดินแดนก็มีมากมายด้วยเช่นกัน จึงทำให้มันถูกเลือกไปไม่น้อยแล้ว ซึ่งเมืองที่ ไร้เจ้าเมืองเหล่านั้นก็เหลือเพียงร้อยกว่าแห่งเท่านั้นเอง
และเหตุผลที่เมืองเหล่านี้ไร้เจ้าเมือง ก็ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าครองดินแดนไม่อยากที่จะเป็นเจ้าเมืองของเมืองเหล่านั้น แต่เป็นเพราะว่าเมืองเหล่านั้นล้วนอันตรายทั้งสิ้นนั่นเอง
ซึ่งลักษณะเด่นของเมืองเหล่านี้ก็คือ มันอยู่ใกล้กับคุกนรกเป็นอย่างมาก
เพราะเมื่อใดก็ตามที่นักโทษในคุกนรกหลบหนีออกมา ส่วนใหญ่แล้วต่างก็จะเข้าไปสังหารหมู่ในเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดเสมออีกด้วย
หรือจะพูดได้ว่าภายในเมืองเหล่านี้อาจจะมีคนที่ชั่วร้าย หรือมีโรคที่แปลกประหลาด หรืออาจจะมีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งคอยนั่งบัญชาการอยู่ก็เป็นได้…
ซึ่งเมืองที่ไร้เจ้าเมืองนั้น ต่างก็เป็นกระดูกที่เคี้ยวได้ยากทั้งสิ้น
ราชทินนามเหล่านั้นรู้สึกยากที่จะเข้าใจเมื่อมู่เฉียนซีเอ่ยปากออกมาว่าต้องการเมืองที่ไร้เจ้าเมือง หญิงสาวที่นายท่านของพวกเขาให้ความสำคัญ เป็นคนที่ชอบเดินในเส้นทางที่ไม่ธ ธรรมดาขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ
หลังจากที่มู่เฉียนซีดูเมืองทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว นางก็หยิบข้อมูลของเมืองหนึ่งออกมาแล้วกล่าวว่า “เอาเป็นเมืองหนามโลหิตนี่แล้วกัน”
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม เจ้าต้องการเมืองนี้หรือ! ภายในเมืองนี้ไม่มีมนุษย์เลยสักคนเดียวนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าจะเลือกมันนี่แหละ! ประการแรก มันเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขตหวงห้ามทางตอนใต้ ซึ่งมันก็ใหญ่พอเลยล่ะ! แม้ว่าข้าจะมีระดับต่ำแต่ก็เป็นถึงว่ าที่นายหญิงของคุกโลหิตของพวกเจ้า หากจะให้เลือกเมืองเล็ก ๆ มันก็ดูจะกระจอกเกินไปหน่อย”
จื่อโยวกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “คนงาม หากเจ้าต้องการความยิ่งใหญ่ก็เลือกเมืองเทพสังหารไปเลยก็ได้! ถึงแม้ว่าเมืองหนามโลหิตจะเป็นเมืองไร้เจ้าเมืองที่ใหญ่ที่สุด แต่ว่า…”
“ประการที่สอง เมืองหนามโลหิตเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในป่า ซึ่งข้างในจะต้องมีสมุนไพรวิญญาณอยู่มากมายแน่นอน”
“ก็ใช่! แต่คนที่เข้าไปเก็บสมุนไพรวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าเมืองก็อาจจะตายอยู่ข้างในก็ได้นะ!” จื่อโยวกล่าวตอบ
เขารู้ดีว่าคนงามชอบสมุนไพรวิญญาณมากแค่ไหน และความชื่นชอบขนาดนี้ก็สามารถทำให้เยี่ยหึงหวงได้เลยทีเดียว
“ประการที่สาม เมืองหนามโลหิตมีความอันตรายมาก ภายในไม่มีมนุษย์เลยสักคนเดียว ซึ่งมีเพียงหนามแหลมที่กระหายเลือดเท่านั้นที่เป็นผู้ครอบครองเมืองแห่งนี้ ถึงมันจะอันตรายมาก แต่ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถจัดการได้ ข้าอยากที่จะลองดูก่อน หากสามารถบุกยึดเมืองที่ไร้เจ้าเมืองแห่งนี้ได้ ก็จะสามารถบ่มเพาะคนที่เป็นของข้าเอง ทั้งยังเป็นกองกำลังของหอห หมอปีศาจ และเป็นลูกน้องที่ภักดีต่อหอหมอปีศาจของข้าได้อีกด้วย”
เพราะหากมีคนพื้นเมืองอยู่ด้วย คนพื้นเมืองเหล่านั้นก็จะมีความคิดที่แตกต่างออกไปต่าง ๆ นานา และนางที่เพิ่งจะมาถึง ก็ไม่ได้มีพลังที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างจิ่วเยี่ยที่จะสามารถป ปราบปรามความคิดที่ชั่วร้ายของคนเหล่านั้นได้ ดังนั้นนางจึงจำเป็นที่จะต้องเริ่มปลูกฝังความภักดีมาตั้งแต่แรก
“ประการที่สี่ ที่นั่นอยู่ใกล้กับขุมนรกโลหิตที่เป็นหนึ่งในสี่คุกนรกที่ใหญ่ที่สุดของคุกโลกหิตมาก รอหลังจากที่ข้าทำให้เมืองหนามโลหิตมีเสถียรภาพแล้ว ข้าคิดว่าอยากจะไปดู สักหน่อย!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเทียบกับเมืองแล้ว มู่เฉียนซีมีความสนใจในนักโทษที่ถูกขังเอาไว้ในคุกนรกมากกว่าเสียอีก
ภายในคุกนรกแห่งนั้น เป็นสถานที่ที่รวบรวมบุคคลอันตรายจากเผ่า อาณาเขตและชนชั้นต่าง ๆ ของแดนนรกเอาไว้มากมาย หากพวกเขามีความสามารถพอที่จะหลบหนีออกมาได้ เช่นนั้นพวกเขาก็จะ ะสามารถเป็นอิสระได้
แต่หากพวกเขาไม่สามารถหนีออกมาได้ ก็จะต้องตายอยู่ข้างในนั้น หรือไม่ก็ถูกขังอยู่ข้างในนั้น จนไม่ได้รับอิสระไปชั่วนิรันดร์
จื่อโยวยืนขึ้น จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวว่า “คนงาม เจ้าจะให้ข้าเงียบไว้คนเดียวสินะ! ความคิดที่บ้าคลั่งเช่นนี้ของเจ้าอย่าปล่อยให้เยี่ยรู้เป็นอันขาด มิเช่นนั้น นเยี่ยจะต้องขังเจ้าเอาไว้ในพระราชวังของคุกโลหิตแน่นอน คุกนรกของแดนนรกไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ โดยเฉพาะคุกใหญ่ต่าง ๆ ซึ่งสำหรับเจ้าแล้ว มันยังอันตรายมากเกินไป”