ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2347 เพื่อนเก่าจากดินแดนทั้งสี่ทิศ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉะนั้นรอให้ข้าจัดการเมืองหนามโลหิตให้เรียบร้อยก่อน หลังจากที่ข้ามีความสามารถแล้วค่อยลงมือ! ทางที่ดีเจ้าควรจะรักษาความลับไว้จะดีกว่า! มิเช ช่นนั้นหากจิ่วเยี่ยลงมือทำอะไรแล้วละก็ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าแน่นอน”
จื่อโยวแทบอยากที่จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เขากล่าวว่า “คนงาม เจ้าอย่าทำอย่างนี้สิ! หลังจากนี้ข้าได้ตายอย่างน่าเวทนายิ่งกว่านี้แน่”
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ค่อยว่ากันภายหลังก็แล้วกัน!
แม้ว่าจิ่วเยี่ยจะเป็นท่านอ๋องที่ไร้ความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะขยันมากเป็นพิเศษ และหลังจากที่มู่เฉียนซีได้เลือกเมืองกับจื่อโยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จิ่วเยี่ยถึงกลับเข้ามา
เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ซีเลือกเสร็จแล้วหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เลือกเสร็จแล้ว ข้าเลือกเมืองหนามโลหิต”
“ได้สิ!” ในเมื่อเป็นสิ่งที่ซีต้องการ เป็นเพียงแค่เมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งเท่านั้น มันจึงทำให้จิ่วเยี่ยรับปากอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เลย
มุมปากของจื่อโยวกระตุกเล็กน้อย เขากล้ามั่นใจว่า จิ่วเยี่ยต้องเป็นนายผู้สูงศักดิ์ที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุดในแดนนรกทั้งเจ็ดอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องอาณาเขตของตนเองนั้น เขาไม่ได้มีความเข้าใจมากไปกว่าลูกน้องของเขาเลย นอกจากนี้เขายังพยักหน้าอย่างสงบ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าในจินตนาการของเขา เมืองทั่วทั้งคุก กโลหิตต่างก็เป็นเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น และเพียงเขาโบกมือเล็กน้อยก็สามารถทำลายเมืองเล็กเหล่านั้นให้ราบเป็นหน้ากลองได้แล้วนั่นเอง
จื่อโยวได้หยิบข้อมูลของเมืองหนามโลหิตแห่งนั้นมามอบให้กับจิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “ข้าว่านะเยี่ย เจ้าดูให้ดีก่อนค่อยยอมตกลงจะดีกว่าไหม?”
หลังจากที่จิ่วเยี่ยดูเสร็จแล้ว แววตาของเขาก็มืดมนลงทันที!
ในเมืองที่อันตรายเช่นนี้ ไม่เหมาะกับซีเอาเสียเลย
มู่เฉียนซีกอดเอวของเขาเอาไว้แล้วกล่าวว่า “เมื่อกี้นี้เจ้าพยักหน้ารับแล้ว ข้าไม่อนุญาตให้เจ้ากลับคำหรอกนะ! เพราะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องการเมืองแห่งนี้”
“มันอันตราย!”
“หากเจ้ารู้สึกว่ามันอันตราย เช่นนั้นข้าจะเร่ร่อนไปยังคุกอื่นเสีย และจากนั้นค่อยไปครอบครองเมืองที่ไร้เจ้าเมืองที่อันตรายยิ่งกว่านี้แทน”
“ไม่ได้!” การอยู่ในคุกโลหิตย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เพราะอย่างไรเสียตอนนี้อีกหกคุกใหญ่ก็ยังไม่ได้เป็นของเขาเลย
“ถึงอย่างไรเจ้าก็ปฏิเสธข้าไม่ได้หรอก!”
“ซีเปลี่ยน…” ผลปรากฏว่ามู่เฉียนซีเขย่งปลายเท้า และกอดต้นคอของเขาเอาไว้ หลังจากนั้นก็จุมพิตเขาอย่างเอาแต่ใจ
ไม่มีทางเลือก!
เพราะอย่างไรเสียนางก็รู้สึกถูกชะตากับเมืองหนามโลหิตแห่งนี้เป็นอย่างมาก
เมืองหนามโลหิตแห่งนี้มีความท้าทายอยู่พอสมควร และมันยังเป็นสถานที่ที่นางสามารถแสดงทักษะของนางได้อีกด้วย
หากเป็นที่อื่น นางก็ไม่มีทางชอบหรอก!
เมื่อจื่อโยวเห็นว่าทั้งสองคนนั้นจูบกันอย่างเร้าร้อน เขาจึงค่อย ๆ ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ และไม่อยู่เป็นก้างขวางคออยู่ข้างในนี้อีกต่อไป!
ส่วนเรื่องที่คนงามจะสามารถเอาเมืองหนามโลหิตมาได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่ากลอุบายที่ใช้ความงามของนางนั้นจะแข็งแกร่งมากเพียงใด
ท้ายที่สุดแล้วหวังจิ่วเยี่ยก็ต้องยอมพ่ายแพ้ และในที่สุดเมืองหนามโลหิตก็ตกเป็นของมู่เฉียนซี ซึ่งมันก็เท่ากับว่าเมืองที่ไร้เจ้าเมืองทั้งหมดในเขตต้องห้ามทางตอนใต้ได้ถูก ส่งมอบให้กับมู่เฉียนซีแล้วนั่นเอง
เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นการมอบเขตแดนให้มากมายแล้ว แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับยังเพิ่มสนธิสัญญาที่ไม่ยุติธรรมอีกหลายฉบับเข้าไปอีกด้วย
และถึงเขาจะเป็นท่านอ๋องจิ่วเยี่ยที่ต้องการจะดำเนินการให้ถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ตามนางไปบุกเบิกเมืองนั้นได้อยู่ดี นอกจากนี้ยังต้องเป็นท่านอ๋องที่อยู่ในพระราชวัง อย่างเชื่อฟังอีกด้วย เพราะนางต้องการที่จะจัดการเรื่องของเมืองแห่งนี้เพียงลำพังนั่นเอง
มู่เฉียนซีใช้ความพยายามมาถึงขนาดนี้ กว่าจะพูดคุยเงื่อนไขนี้ได้สำเร็จ และมีข้อแม้อยู่ข้อหนึ่งก็คือ นางต้องการจะไปพักผ่อนยังหุบเขาลั่วซีก่อนหน้านี้อีกครั้ง เพื่อไปฝึกฝนเป็นพ พิเศษ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะผนึกเก้าดาราที่ทำให้จิ่วเยี่ยไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้มู่เฉียนซีเพื่อใช้พลังแห่งชีวิตในการรักษาสมดุลของคำสาปอีกแล้ว แต่เขาก็ยังคงอยู่ภายในบ่อน้ำพุเพื่อ ฝึกฝนเป็นเพื่อนมู่เฉียนซีอยู่ดี
และตอนนี้ทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่า พระชายาที่มายังคุกโลหิตเป็นครั้งแรกของพวกเขากำลังจะกลายเป็นเจ้าเมืองแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพระชายาสามารถเลือกเมืองที่ใหญ่และมั่งคั่งของคุกโลหิตได้อย่างอิสระ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาจะเลือกเมืองหนามโลหิตของเขตต้องห้ามที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดเช ช่นนี้
แต่นั่นคือเมืองหนามโลหิตเชียวนะ!
ขนาดเหล่าราชทินนามที่ไปยังต้องกลับมาพร้อมความล้มเหลว และเจ้าครองดินแดนระดับบนที่ไปต่างก็ต้องกลายเป็นอาหารบำรุงของหนามโลหิตที่อยู่ในเมืองหนามโลหิตแห่งนั้น คิดไม่ถึงเลย ยว่าพระชายาของพวกเขาจะเลือกเมืองที่อันตรายแห่งนี้
ผู้คนต่างก็รู้สึกว่าพระชายาของพวกเขาบ้า และคิดว่าตนเองคงมีชีวิตยาวนานเกินไปแล้วเป็นแน่
และเมื่อรู้ว่าพระชายาต้องการที่จะไปเมืองหนามโลหิต เหล่าราชทินนามทุกท่านก็หมดหนทางที่จะขัดขวางได้เช่นกัน ซึ่งพวกเขาก็ทำได้เพียงส่งยอดฝีมือบางคนไปด้วยเท่านั้น เพราะนี่คือ อสิ่งที่พระชายาเลือกเอง
มิเช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับพระชายาในขณะที่อยู่เมืองหนามโลหิต นายท่านต้องมาคิดบัญชีกับพวกเขาแน่นอน และพวกเขาก็คงจะต้องตายอย่างน่าสังเวชมากเป็นแน่
ความสามารถของคนเหล่านี้ล้วนยอดเยี่ยมมาก แต่มู่เฉียนซีกลับไม่เลือกเลยสักคนเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้แข็งแกร่งและทรงพลังเหล่านี้ ถูกดูหมิ่นถึงเพียงนี้
“พระชายา ท่านเลือกไปสักคนเถอะขอรับ! เมืองหนามโลหิตแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ นะขอรับ”
แววตาของมู่เฉียนซีกวาดมองผ่านไปยังพวกเขาอย่างนิ่งสงบ เนื่องจากว่าคนเหล่านี้ถูกคำข่มขู่ของจิ่วเยี่ยจึงทำให้พวกเขาที่อยู่ต่อหน้านางในตอนนี้เหมือนกับแกะน้อยตัวหนึ่งก็มิปาน น แต่นางก็ไม่รู้สึกว่าคนเหล่านี้จะไร้พิษสงไปแล้วจริง ๆ
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาได้วางแผนร้ายอะไรกับบรรดาคนที่เรียกได้ว่ามาเพื่อคุ้มครองนางเหล่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการพวกเขาเลยสักคนเดียว
“พวกเจ้าถอยไปได้แล้ว! ข้าจะไปที่เมืองของข้า ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้ายื่นมือเข้ามายุ่งหรอก” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“ไสหัวไป!” มีน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา และนั่นก็คือท่านอ๋องจิ่วเยี่ยของพวกเขานั่นเอง
ซีใกล้จะออกเดินทางอยู่แล้ว ฉะนั้นสำหรับขยะที่กล้ามาทำให้ซีต้องเสียเวลาเหล่านี้ จิ่วเยี่ยย่อมไม่พอใจมากอยู่แล้ว
“ขอรับ ๆ ๆ! พวกเราจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
“พวกเราไสหัวไปแล้วขอรับ!”
ทันทีที่จิ่วเยี่ยพูด พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ ไม่กล้าที่จะพูดจาไร้สาระ และรีบร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีนึกถึงพลังที่อยู่ในมือของตนเอง ตอนนี้พวกพิฆาตวิญญาณต่างก็กำลังหลับใหล และนางกับเสี่ยวโม่โม่ก็สามารถจัดการเจ้าครองดินแดนระดับล่างได้
นอกจากนี้เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ก็ยังสามารถจัดการกับเจ้าครองดินแดนระดับบนได้ แต่ความสามารถเช่นนี้เมื่อไปยังพื้นที่ของฝันร้าย ย่อมต้องเป็นเรื่องที่อันตรายมากอยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องกำลังคนข้าขอมอบให้จิ่วเยี่ยเป็นคนจัดการก็แล้วกัน!”
นางต้องไปที่เมืองแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องสร้างเมืองด้วย ซึ่งเมืองนั้นไม่มีมนุษย์อยู่มานับพันปีแล้ว และนางที่ทำได้เพียงต่อสู้จะไปสามารถทำอะไรได้?
นี่เป็นการออกไปเที่ยวชมสถานที่หรือว่าไปผจญภัยกับสิ่งแปลกใหม่กันแน่นะ?
จิ่วเยี่ยพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ความจริงซีแค่พาข้าไปด้วยเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
“หวงจิ่วเยี่ย เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะปล่อยให้ข้าไปทำด้วยตนเอง ตอนนี้จะให้ข้าเก็บของแล้วพาเจ้าไปด้วยอีกหรือ ฝันไปเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“อย่างไรเสียข้าก็อยู่ในอาณาเขตของเจ้า ข้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก”
ความจริงแล้วจิ่วเยี่ยเอาราชทินนามเหล่านั้นมาเพื่อใช้จัดการเรื่องงานจุกจิก แต่ในสายตาของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยตอนนี้ คนเหล่านี้เป็นเหมือนขยะเท่านั้น!
และท่านอ๋องจิ่วเยี่ยก็มีกำลังคนอันแข็งแกร่งที่แอบซ่อนไว้มากมาย ซึ่งไม่มีผู้ใดเคยรู้มาก่อน
ด้วยเหตุนี้จิ่วเยี่ยจึงได้เลือกคนที่จะมาคุ้มครองมู่เฉียนซีด้วยตนเอง ส่วนการหาคนที่สร้างเมืองและอื่น ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินไป ฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงโยนปัญหาให้จ จื่อโยวเท่านั้น
มู่เฉียนซีได้พบกับคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรู้จักจากดินแดนทั้งสี่ทิศ
“เจ้าคือซวนหยวนองค์ชายเก้าของแคว้นจื่อเยี่ยนี่!” คนที่อยู่ตรงหน้านั้นมีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม พร้อมด้วยโครงหน้าเป็นรูปสามมิติ และเขาก็คือตัวตนที่จิ่วเยี่ยเคยใช้ตอนที่อย ยู่แคว้นจื่อเยี่ยก่อนหน้านี้นั่นเอง
เขากล่าวตอบว่า “พระชายา ที่นี่ไม่มีซวนหยวนองค์ชายเก้าของแคว้นจื่อเยี่ยอะไรนั่นแล้วขอรับ ข้าเป็นเพียงสมาชิกของหน่วยลับราตรีเท่านั้น หลังจากนี้ไปข้าจะเป็นผู้นำคนในหน่วย ยลับราตรีเพื่อคุ้มครองพระชายาให้ปลอดภัย พวกเราทั้งหมดจะฟังคำสั่งของพระชายา และเจ้านายของพวกเรามีเพียงแค่ท่านเท่านั้นขอรับ”
นี่คือคำสั่งที่จิ่วเยี่ยมอบให้พวกเขา และหลังจากนี้พวกเขาต้องฟังคำสั่งจากมู่เฉียนซีเท่านั้น แม้ว่าคนที่เคยเป็นเจ้านายของพวกเขาอย่างท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ก็ไม่สามารถสั่งพวกเข ขาได้เช่นกัน
เมื่อมองไปที่พวกเขา มู่เฉียนซีก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
เนื่องจากจิ่วเยี่ยกลัวว่านางจะไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า ดังนั้นจึงได้ส่งคนที่ถือได้ว่าคุ้นเคยคนหนึ่งไปอยู่ข้างกายนาง
และเมื่อนางมองไปยังคนที่เคยเป็นคนของดินแดนทั้งสี่ทิศก่อนหน้านี้ นางก็นึกไปถึงซวนหยวนชิงอวิ๋น น่าหลาน เย่เจ๋อ เซี่ยเยาเนี่ย…