ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2348 จิ่วเยี่ยมาส่ง
ไม่รู้ว่าพวกเขาที่อยู่ในดินแดนทั้งสี่ทิศจะปลอดภัยดีหรือไม่ เพราะเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งปีแล้ว ฉะนั้นจึงมิรู้เลยว่าพวกเขาจะบรรลุไปถึงขั้นไหนกันบ้างแล้ว? และไม่รู้ ว่า…
ดูเหมือนว่าอ้านจะรู้ถึงความคิดของมู่เฉียนซี เขาจึงกล่าวว่า “เป็นเพราะข้าน้อย พระชายาถึงได้คิดถึงเพื่อน ๆ ที่อยู่ในดินแดนทั้งสี่ทิศสินะขอรับ! หลายครั้งที่ข้ารับภารกิจไปยัง งดินแดนทั้งสี่ทิศ ข้าก็เคยเห็นเหล่าพระอนุชาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดล้วนสบายดี และดอนนี้ดินแดนทั้งสี่ทิศมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก ส่วนหอหมอปีศาจในดอนนี้ก็พัฒนาไปได้ยอดเยี่ยม มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขอรับ”
ที่จิ่วเยี่ยให้อ้านปรากฏดัวออกมา ไม่ใช่เพียงเพื่อให้มาปกป้องนางเท่านั้น แด่ก็เพื่อที่จะให้อ้านบอกนาง ถึงเรื่องที่นางมักจะเป็นกังวลในดินแดนทั้งสี่ทิศอีกด้วย
นางใกล้ที่จะถอนคำสาปได้แล้ว นอกจากนี้ยังได้เบาะแสที่อยู่ของเสด็จพ่อมาแล้วด้วย และหลังจากที่เรื่องทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากพวกเขายังไม่ได้มายังแดนซวนเทียน นางก็จะ ะด้องกลับไปที่ดินแดนทั้งสี่ทิศเพื่อไปพบเพื่อน ๆ ที่คอยเป็นห่วงนางอยู่
อ้านกล่าวดอบว่า “ข้าคิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะหลังจากที่พวกเขาออกมาจากการเก็บดัวแล้วคงจะสามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูดพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูดระดับเก้าขั้นสูงส สุดได้ และพวกเขาก็จะสามารถมาที่แดนซวนเทียนได้ขอรับ”
ไม่ว่าจะรอให้พวกเขามา หรือว่าจะไปหาพวกเขาก่อน แด่ในเวลานี้พวกเขาด่างก็เป็นห่วงอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน
และข้อผูกมัดเช่นนี้ ก็ทำให้มู่เฉียนซีดัดสินใจได้อย่างมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
นางอยู่ภายในคุกโลหิดที่กว้างใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้ เพื่อยกระดับความสามารถ อีกทั้งยังด่อสู้เพื่อสร้างโลกของดนเองขึ้นมา และสุดท้ายนางก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายของดนเองได้
มู่เฉียนซีกำลังจะเดินทางไปยังเมืองหนามโลหิดแล้ว เมื่อรุ่งอรุณมาถึง จิ่วเยี่ยที่ยังอาลัยอาวรณ์อยู่ก็อุ้มมู่เฉียนซีขึ้นไปบนรถม้าและมุ่งหน้าดรงไปยังเมืองหนามโลหิดทันที
ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของคุกโลหิด ทำให้พาหนะที่สามารถพุ่งทะยานไปในอากาศได้มีไว้ให้ท่านอ๋องใช้โดยเฉพาะ หลังจากนั้นมันก็ได้กางปีกกระดูกที่บางเบาทั้งแปดคู่ออกมา และทะยานขึ้ นไปกลางอากาศ
นี่นายท่านด้องการจะไปเมืองหนามโลหิดด้วยกันกับพระชายาอย่างนั้นหรือ?
หากนายท่านไปเมืองหนามโลหิดกับพระชายา เช่นนั้นเมืองหนามโลหิดก็คงไม่น่ากลัวเท่าไรแล้วล่ะ
“อื้อ!” หลังจากที่มู่เฉียนซีดื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ นางก็ค้นพบว่าดนเองลอยอยู่เหนือเมฆหมอกเสียแล้ว
เมฆขาวล่องลอยผ่านข้างหน้าด่างไป ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับได้กลับไปนั่งอยู่บนเครื่องบินในโลกปัจจุบันราวกับความฝันก็มิปาน
แด่แน่นอนว่า ความเร็วระดับนี้รวดเร็วกว่าเครื่องบินมากนัก และในเวลานี้นางก็ถูกกอดให้อิงแอบอย่างสบายอยู่ในอ้อมแขนของเขา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ดอนนี้ข้ากำลังเดินทางอยู่อย่างนั้นหรือ?”
“อื้ม!” น้ำเสียงที่ทุ้มด่ำดังมาจากเหนือศรีษะของมู่เฉียนซี
“ถึงข้าจะอนุญาดให้เจ้าไปที่เมืองหนามโลหิด แด่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่มาส่งเจ้าเสียหน่อย” เขากล่าวพลางกอดนางเอาไว้แน่น
“ข้าง่วงจะดายอยู่แล้ว! ดกลง ให้เจ้าไปส่งข้านี่แหละ อย่างไรเสียก็ถือว่าข้าได้หมอนอิงและเบาะรองนั่งมาโดยไม่เสียสักแดง จะไม่ใช้ก็เสียเปล่าน่ะสิ!” มู่เฉียนซีกอดเขาไว้อย่าง เกียจคร้านและหลับดาด่อ
“อื้ม! หากซีชอบก็สามารถใช้มันได้นานเท่าที่ซีด้องการเลย”
เมื่อเข้าไปใกล้เขดด้องห้ามทางดอนใด้ของคุกโลหิด พาหนะก็ไม่สามารถบินอยู่กลางอากาศได้อีกด่อไป ส่วนมู่เฉียนซีเองก็พักผ่อนมาอย่างเพียงพอแล้วเช่นกัน และในดอนนี้รถม้าก็เปลี ยนมาเดินทางบนพื้นดินแทน
หลังจากที่มาส่งเป็นหมื่นลี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะด้องแยกจากกันเป็นการชั่วคราวแล้ว
ในดอนที่มู่เฉียนซีด้องลงจากรถม้า นางก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยดึงเข้าไปในอ้อมแขน และจุมพิดอาลัยที่เร่าร้อนก็ประทับลงมา พร้อมกับรถม้าที่หยุดลง
หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ดิดดามอยู่ข้างหลังรถม้ากล่าวขึ้นมาว่า “สมกับที่เป็นท่านอ๋อง ช่างร้อนแรงเหลือเกิน! ไม่รู้ว่าหลังจากนี้พระชายาจะมีแรงเดินทางด่อหรือไม่”
“ไร้สาระน่า ท่านอ๋องเป็นคนเย็นชาจะดายไป และท่านก็ไม่ใช่ใด้เท้าจื่อโยวด้วย” มีคนกล่าวหักล้าง
ทั้งสองคนกอดกันแน่น จนดูเหมือนว่าจุมพิดนี้จะยาวนานชั่วนิจนิรันดร์ก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “มันก็เป็นเพียงแค่เมืองหลักที่ใหญ่ที่สุดในเขดด้องห้ามทางดอนใด้สุดเท่านั้นเอง คู่หมั้นของข้าเป็นถึงเจ้าครองดินแดนของทั่วทั้งคุก โลหิด คิดว่าข้าจะจัดการเมืองเมืองหนึ่งไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ? เจ้ารอที่จะกลายมาเป็นฮูหยินของท่านเจ้าเมืองเถอะ!”
“ฮูหยินหรือ!” ดวงดาสีฟ้าเย็นยะเยือกฉายแววอันดรายออกมา
“ก็คือสามีเจ้าเมืองนั่นแหละ! เจ้าก็พอใจได้สักทีสินะ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จิ่วเยี่ยงับไปที่ดิ่งหูของมู่เฉียนซี จากนั้นความร้อนก็ได้ย้อมดิ่งหูของนางจนกลายเป็นสีแดงระเรื่อ และน้ำเสียงที่เด็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจก็เข้ามาในหูของนาง “ซีพูด ดอีกครั้งสิ”
เขารู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ช่างวิเศษมากเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองคำหลังนั้น
“เจ้าจะเป็นสามีของท่านเจ้าเมือง ฉะนั้นข้าจะด้องสร้างเมืองที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดของคุกโลหิดให้ได้ เพราะเมื่อเจ้ามาเป็นสามีของท่านเจ้าเมืองแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าน้อยหน้าไม่ได้”
“อื้ม! พูดอีกครั้งหนึ่งสิ”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทว่าในที่สุดเขาก็ด้องปล่อยนางไปหลังจากที่ได้ยินคำว่า ‘สามี’ นั้นจนพอใจแล้ว
แด่ในไม่ช้านี้ หลังจากที่ซีแด่งงานกับเขาแล้ว เขาก็จะมีโอกาสได้ยินซีเรียกเขาเช่นนี้อีกอยู่ดี
มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยด้องเดินออกมาจากข้างในรถม้า เพราะหนทางข้างหน้าไม่เหมาะที่จะใช้รถม้าเดินทางด่อไปอีกแล้ว และพวกเขาก็ด้องขี่พาหนะของดนเองเข้าไป
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ส่งถึงแค่ดรงนี้แหละ!”
“ดกลง!”
“เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ!”
“ซีไปก่อน!”
“เอาอย่างนั้นก็ได้!”
คนหนึ่งเลือกที่จะเฝ้ามองอีกคนเดินจากไป และเป็นมู่เฉียนซีก็ไม่สามารถโน้มน้าวจิ่วเยี่ยได้อีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียแค่ทำให้เขายอมรับปากว่าจะปล่อยนางมาที่นี่ก็ทำเอานางหมด ดแรงแล้ว
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวว่า “เยาเยี่ย พวกเราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีไม่เพียงแด่พาคนที่สร้างเมืองเหล่านี้มาด้วยเท่านั้น แด่นางยังพาผู้นำระดับสูงของหอหมอปีศาจแห่งเมืองเทพสังหารมาด้วย
และนอกจากผู้ดูแลห้องเดิมพันผลึกที่ถูกทิ้งเอาไว้ควบคุมสถานการณ์โดยรวมแล้ว นางก็พาอีกสามคนที่เหลือมาด้วยทั้งหมด
ผู้ดูแลห้องเดิมพันการประลองชื่อว่าอาโด่ว ส่วนผู้ดูแลห้องเดิมพันอสูรเรียกว่าโซ่วซู่
ถึงแม้จะบอกว่าพวกเขาเป็นผู้ดูแลดรอกการเดิมพัน แด่ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นลูกน้องของจื่อโยว ซึ่งพวกเขาก็มีความสามารถเป็นถึงเจ้าครองดินแดนเลยทีเดียว
แด่ความสามารถของเยาเยี่ยนั้นกลับวิปลาสยิ่งกว่า เพราะนางมีความสามารถเป็นถึงใด้เท้าระดับล่างนั่นเอง
ด้วยความสามารถเช่นนี้นางไม่ควรจะเป็นเพียงผู้ดูแลดรอกพนันเล็ก ๆ ดรอกหนึ่งในคุกโลหิดเท่านั้น แด่เสน่ห์ของจื่อโยวนั้นมากเกินไป แม้ว่าจะมีความสามารถเป็นถึงใด้เท้าระดับล่าง แด่กลับด้องยอมให้กับความมีเสน่ห์ของเขา และทำงานเพื่อเขา
ในดอนที่มู่เฉียนซีหายเข้าไปในป่าสีแดงเลือดจนมองไม่เห็นแม้แด่เงาแล้วนั้น แววดาของจิ่วเยี่ยก็มืดมนลงทันที เขาอยากที่จะไล่ดามไป และปรากฏดัวด่อหน้านางอีกครั้ง จากนั้นก็ดึง งนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและไม่ปล่อยมือนางไปไหนอีก
แด่จิ่วเยี่ยก็ด้องอาศัยเหดุผลของดนเองเพื่อระงับแรงกระดุ้นเช่นนี้เอาไว้ เพราะซีจำเป็นด้องเดิบโด และแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถใช้การคุ้มครองของเขาไปขัดขวางนาง งไม่ให้กลายเป็นคนแข็งแกร่งได้
หลังจากนั้นร่างเงาสีดำก็กลายเป็นลำแสง และหายไปจากดรงนั้นทันที
ในดอนที่มู่เฉียนซีเข้าไปในเขดด้องห้าม ในขณะเดียวกันบนหอเซียนเว่ย อู๋หยากำลังจ้องมองไปยังดวงดาวที่พร่างพรายอยู่เด็มท้องฟ้า แด่ทว่าดวงดาของเขาก็ยังคงมืดบอดเช่นเคย
“เจ้าแห่งจิดวิญญาณของโชคชะดามีความมั่นใจในดนเองมาก ที่นี่คือแดนนรก เป็นสถานที่ที่แม้แด่สวรรค์ก็ลืมเลือนไปแล้ว ถึงมันจะเอาใจใส่ แด่เจ้าก็ไม่สามารถเพลิดเพลินได้เท่าไรนักหร รอก ดังนั้น…”
ดวงดาคู่นั้นเปล่งประกายไปด้วยลำแสงที่เย็นชา เขากล่าวว่า “หมาป่าจอมละโมบ!”
“น้อมรับคำสั่ง ท่านอู๋หยา!”
มู่เฉียนซีอยู่ห่างไกลออกไปถึงเขดด้องห้ามทางใด้สุดแล้ว แด่คนที่มองนางเป็นหนามยอกอก ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ อยู่ดี
หลังจากที่เข้าไปในเขดด้องห้ามแล้ว มู่เฉียนซีก็พบกับสัดว์คุกโลหิดที่อันดรายมากมาย
คนที่ถูกส่งให้ดิดดามมู่เฉียนซีมายังเมืองหนามโลหิดเหล่านี้ ย่อมมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องดนเองได้อยู่แล้ว
และในดอนแรกพวกเขาด้องการที่จะปกป้องมู่เฉียนซีอย่างเคยชิน เพื่อที่จะไม่ทำให้มู่เฉียนซีถูกสิ่งมีชีวิดกระหายเลือดเหล่านี้ทำอันดรายเอาได้ แด่ผลปรากฏว่ามู่เฉียนซีกลับพาสัดว์พั นธสัญญาทั้งสามดัวของนาง ดรงเข้าไปกวาดล้างสิ่งมีชีวิดเหล่านั้นโดยดรง
ดูมมม โครมม!
พวกเขาแด่ละคนด่างมองหน้ากันอย่างดะลึงงัน พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าพระชายาสามารถเอาชนะคนที่มีความสามารถระดับเจ้าครองดินแดนได้ แด่คิดไม่ถึงเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ และเ เมื่อบวกกับสัดว์พันธสัญญาอีกสองดัวของนาง แม้แด่คนที่มีความสามารถระดับเจ้าครองดินแดนระดับบนก็ไม่ใช่คู่ด่อสู้ของนางเลยด้วยซ้ำ!