ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2349 หนามโลหิต
มู่เฉียนซีกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าเพียงแค่ปกป้องตนเองให้ดีก็เพียงพอแล้ว ส่วนคนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
“มอบให้พระชายาจัดการอย่างนั้นหรือ!” พวกเขาตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาแต่ละคนแทบจะไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เลย และเกือบที่จะปล่อยให้พระชายากวาดล้างอันตรายไปตลอดทั้งทางเพียงผู้เดียว ทำให้พวกเขารู้สึกเกรงใจมากจริง ๆ! เพราะอย่างไรเสียพระชายาก ก็เป็นผู้มีสถานะอันสูงส่งอยู่ดี!
นอกจากนี้ หากพระชายาทำเช่นนี้ต่อไปมันจะไม่ลำบากเกินไปอย่างนั้นหรือ?
แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของพระชายา พวกเขาจึงจำเป็นต้องเชื่อฟังแน่นอนอยู่แล้ว
ตลอดการเดินทางทุกครั้งที่พวกเขาเห็นพลังในการต่อสู้ของพระชายา การรับรู้ของพวกเขาก็ราวกับได้รับการเปิดโลกใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
และการต่อสู้จริงที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเส้นทางนั้น ก็ทำให้มู่เฉียนซีและพวกอู๋ตี้กับเสี่ยวหงล้วนสนุกสนานเป็นอย่างมาก
หลังจากการต่อสู้กับต้นไม้ปีศาจแห่งความตาย ก็เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกมันไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้จริงที่ดุเดือดเช่นนี้
ในตอนที่สู้กับหลานชายของราชทินนามเฮยเทียน ก็ได้แสดงความสามารถเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ถือว่าตื่นเต้นมากเท่าไรนัก
ในขณะที่ยังคงเดินหน้าต่อไป เยาเยี่ยก็ได้หยิบแผนที่แผ่นหนึ่งออกมาพลางกล่าวว่า “พระชายา พวกเราเกือบที่จะเข้าไปใกล้รอบนอกของเมืองหนามโลหิตแล้วเจ้าคะ และข้าเกรงว่าพวกเราจ จะไม่ได้พบเพียงแค่สัตว์ปีศาจหรือพืชกลายพันธุ์ระดับเจ้าครองดินแดนระดับล่างและเจ้าครองดินแดนระดับบนเท่านั้น แต่อาจจะมีพืชกลายพันธุ์ที่ทำให้แม้แต่ระดับใต้เท้ายังรู้สึกรับมือ อได้ยาก ซึ่งมันก็คือหนามโลหิต ฉะนั้นพระชายาต้องระวังเอาไว้นะเจ้าคะ หากรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านจะต้องสั่งให้พวกเราคุ้มครองท่านนะเจ้าคะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง!”
มู่เฉียนซีเห็นเมืองที่งามสง่าเป็นอย่างมากเมืองหนึ่งจากระยะไกล ทั่วทั้งเมืองนั้นเต็มไปด้วยสีแดงเลือด ซึ่งมันก็ไม่ใช่เพราะว่าสิ่งปลูกสร้างอย่างกำแพงเมืองที่เป็นสีแดงเลือด แต่ เป็นเพราะว่าบนกำแพงเมืองของพวกเขา ปกคลุมไปด้วยหนามสีแดงเลือดอยู่เป็นชั้น ๆ ต่างหาก
หนามโลหิต เป็นพืชที่อันตรายมากที่สุดของคุกโลหิต ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ได้ยินข่าวลือมาว่าท่านอ๋องคนก่อนของคุกโลหิต ก็คือผู้แข็งแกร่งที่กลายร่างจากหนามโลหิตมาเป็นมนุษย์
ซึ่งเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ ก็เป็นเมืองแรกที่ท่านอ๋องคนก่อนหน้านี้ยึดครองได้ และจากจุดเล็กๆนี้ ก็ทำให้เขายึดครองทั่วทั้งคุกโลหิตได้ในที่สุด
หลังจากนั้นเป็นเพราะเขาหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้คุกโลหิตเกิดความวุ่นวาย และเป็นเพราะว่าเจ้านายของพวกมันไม่อยู่จึงทำให้หนามโลหิตของเมืองหนามโลหิตก่อการจลาจลขึ้ น ซึ่งมันได้ขับไล่ชาวเมืองทั้งหมดออกไป และไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ต้องการยึดครองเมืองแห่งนี้ ต่างก็ต้องถูกพวกมันทั้งหมดจัดการจนสิ้น
คุกโลหิตวุ่นวายมานับพันปี และไม่มีผู้ใดสามารถพิชิตเมืองแห่งนี้ได้ จนกระทั่งตอนที่จิ่วเยี่ยมาถึง และกลายเป็นท่านอ๋องแห่งคุกโลหิตคนใหม่ก็เช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าจิ่วเ เยี่ยไม่ค่อยมีความสนใจที่อยากจะขยายดินแดนมากเท่าไรนักนั่นเอง
และแน่นอนว่า ท่านอ๋องของคุกโลหิตในตอนนี้ ไม่ได้มีความสนใจเหมือนเมื่อก่อนอีกด้วย
หลังจากที่จิ่วเยี่ยกลับมาจากเขตต้องห้ามที่อยู่ทางตอนใต้สุดแล้ว เขาก็ให้จื่อโยวระดมนายพลที่เป็นลูกน้องของเขามา จากนั้นก็ประกาศอะไรบางอย่าง
นอกจากที่พวกเขาต้องตามหาหอคอยนิรันดร์แล้ว ยังต้องเตรียมตัวที่จะพิชิตคุกทั้งหกอีกด้วย พวกเขาจะต้องยึดครองคุกทั้งหกเหล่านั้น และเก็บทั้งหมดมาเป็นของตนเองให้ได้
ลูกน้องของจิ่วเยี่ยแต่ละคนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก อีกทั้งภายในใจของพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก นอกจากนี้พวกเขาต่างก็ต้องการโอกาสในการแสดงฝีมือเช่นนี้เสมอ! แต่ทว่านายท่ านกลับขาดความสนใจมาโดยตลอด ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาจนปัญญามากจริง ๆ
ตอนนี้นายท่านราวกับเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งก็มิปาน เขาต้องการที่จะยึดครองแดนนรกอย่างนั้นหรือ ช่างยอดเยี่ยมมากจริง ๆ!
จื่อโยวยักไหล่เล็กน้อย มีอะไรที่น่าประหลาดใจกันล่ะ!
ที่เยี่ยอยากจะยึดครองแดนนรก ก็เพื่อที่จะเอาใจคนงามเท่านั้นเอง สำหรับคนที่ใกล้จะมีครอบครัว ย่อมต้องแตกต่างจากเดิมอยู่แล้ว
“ฝ่าบาทต้องการจะพิชิตแดนนรกอย่างนั้นหรือ!” อู๋หยากระซิบกระซาบด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“มันเป็นเพียงแค่คุกนรกเล็ก ๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะมีความคิดเช่นนี้? เป็นเพราะมู่เฉียนซีอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องที่ฝ่าบาทต้องการทำ ข้าย่อมไม่มีทางเข้าไปยุ่งอยู่แล้ว! เป็นเช่นนี้ก็ดี…มันสามารถเบียงเบนความสนใจของฝ่าบาทได้พอดีเลย” แววตาของอู๋หยามืดมนลง เทพพยากรณ์อันดับหนึ งผู้นี้มีความคิดที่ยากจะคาดเดาได้ และไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
พวกของมู่เฉียนซีอยู่ห่างจากเมืองหนามโลหิตใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงแพร่กระจายพลังจิตวิญญาณออกไป เพื่อเฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน อยู่เสมอ และตอนนี้สัมผัสที่เฉียบคมของนางก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว?
“ระวัง!” นางตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ทันใดนั้น ก็มีหนามที่แหลมคมสีแดงเลือดพุ่งออกมาจากพื้นดินจำนวนนับไม่ถ้วน และพวกมันก็พุ่งทะยานเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดก็มิปาน
ช่างเป็นความเร็วที่รวดเร็วมากจริง ๆ!
ความเร็วเช่นนี้ บีบให้มู่เฉียนซีทำได้เพียงใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลบหนีเท่านั้น
มิเช่นนั้นแล้วละก็ นางจะต้องถูกหนามโลหิตเหล่านี้เข้ามาพัวพันแน่นอน และเมื่อมันข่วนไปที่ผิวหนังแล้ว มันก็จะดูดเลือดที่อยู่ภายในร่างกายของนางออกมา
“เพลิงนภาพิฆาต!”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกวาดไปในอากาศ แต่การป้องกันของหนามโลหิตก็ทรงพลังมากเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้อาวุธวิญญาณและเปลวเพลิงทั่วไปไม่สามารถทิ้งร่อยรอยอะไรไว้บนร่างกาย ของพวกมันได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าเปลวเพลิงของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณนั้นไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา ซึ่งมันก็ทำให้หนามโลหิตถูกโจมตีด้วยการโจมตีนี้
ครืนนนน!
“ไสหัวออกไป!” เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดของเสี่ยวโม่โม่ระเบิดออกมา และหนามโลหิตจำนวนมากก็ถูกเผาตายด้วยการโจมตีนี้
“พวกเจ้า ออกไปให้ห่างจากเจ้านายของข้าเสีย”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ส่วนคนอื่น ก็เริ่มใช้ไฟในการโจมตีเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาเองกลับถูกโจมตีอย่างสาหัสแทน
เหตุใดเปลวเพลิงของพระชายากับสัตว์พันธสัญญาของนางถึงได้ผลเช่นนั้นกันล่ะ แต่ทว่าการโจมตีด้วยเปลวเพลิงของพวกเขากลับสามารถเผาได้เพียงหนามขนาดเล็กไม่กี่อันบนร่างของหนามโล ลหิตเหล่านี้เท่านั้น
ปัง ปัง ปัง!
เนื่องจากว่าการโจมตีครั้งนี้ มีเปลวเพลิงของมู่เฉียนซี จึงทำให้พวกเขาจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่อย่างที่รู้กันดีว่า อันตรายของเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ยิ่งเข้าไปใกล้ หนามโลหิตที่อยู่ข้างในนี้ก็ยิ่งยากที่จะจัดการมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกย่างก้าวที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ล้วนยากลำบากเป็นอย่างมาก
คนที่มาสร้างเมืองล้วนมีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องตนเองได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายของหนามโลหิต พวกเขาก็รู้สึกว่ารับมือได้ยากยิ่งนัก
คนกลุ่มนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เมื่อมองดูลักษณะของเมืองที่งามสง่าตรงหน้านั้นแล้ว ก็รู้ได้ว่าเมืองแห่งนี้ถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลานานเกินไป และนางก็ต้องการคนที่จะมาซ่อมแซ ซมมัน ซึ่งคนเหล่านี้ก็สามารถทำสิ่งนี้ได้
ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากเมืองเพียงแค่หนึ่งลี้เท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกแล้ว หากเข้าไปใกล้จะต้องได้รับความเสียหายอย่างหนักแน่นอน
มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ทุกคนถอยก่อน! ถอย!”
หนามโลหิตแต่ละอันนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่สามารถจัดการได้โดยง่าย ถึงพวกเขาจะล่าถอย แต่เจ้าพวกนี้ก็ยังคงไล่ล่าศัตรูที่กำลังล่าถอยอย่างไม่ลดละ และกระโจนใส่อย่างรุนแรงเป็นพิเศษอ อีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เพิ่มความเร็วมากขึ้นอีก!”
“เก้ามังกรพิฆาต!”
ตูมมม!
มู่เฉียนซีกับสัตว์พันธสัญญาของนางรั้งท้ายขบวน เนื่องจากพลังธาตุอัคคีสามารถหักล้างหนามโลหิตเหล่านี้ได้ และนางก็สามารถจัดการได้ง่ายกว่าเจ้าครองดินแดนระดับบนเหล่านี้เสีย อีก
ในตอนที่พวกเขากำลังล่าถอย การโจมตีของหนามโลหิตก็ได้เริ่มขยายไปเป็นวงกว้าง
และคนที่กำลังรั้งท้ายอยู่ตอนนี้ ก็คือพระชายา!
นับตั้งแต่ตอนที่พวกเขารับภารกิจนี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาจะต้องทำงานให้กับคนที่สูงเกินเอื้อมคนหนึ่ง
แต่ทว่าหลังจากที่ได้พบเจอกัน พวกเขาก็ค้นพบว่าพระชายาเป็นคนที่ติดดินมาก ๆ และไม่ใช่คนที่หยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังมีความพยายามมากอีกด้วย
และตอนนี้ที่พระชายากำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อรั้งท้ายให้พวกเขา ก็ยิ่งทำให้พวกเขาประทับใจมากขึ้นไปอีก
ภายในคุกโลหิต ผู้ที่อยู่ในระดับบนมักจะเปรียบเทียบคนอ่อนแออย่างพวกเขาเป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น และไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าพระชายา ที่เป็นถึงพระคู่หมั้นของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยที่เป็นอ๋องของคุกโลหิตแห่งนี้ กลับแตกต่างไปจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
“พระชายา พวกเราจะขวางพวกมันเอาไว้เอง! ท่านไปก่อนเถอะขอรับ!”
“ท่านห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด พวกเจ้าจะขวางเอาไว้ได้หรือ? จะใช้เลือดเนื้อของตนเองสกัดกั้นเอาไว้หรืออย่างไร? อยากจะเป็นปุ๋ยให้พวกมันนักหรือ?”
“ในเมื่อมากับข้าแล้ว เช่นนั้นก็ต้องฟังคำสั่งของข้า! หากพวกเจ้าต้องการจะเป็นปุ๋ยของหนามโลหิตเหล่านี้ เช่นนั้นก็ต้องถามข้าก่อนว่ายินยอมหรือไม่! รีบไปได้แล้ว!” แววตาของ มู่เฉียนซีเฉียบคมเป็นอย่างมาก และกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณก็เริงระบำอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว
“เพลิงนภาพิฆาต!”
แต่เนื่องจากว่าหนามโลหิตนี้มีจำนวนมากเกินไปจริง ๆ ฉะนั้นแม้ว่าเปลวเพลิงราชันย์จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจที่จะทำลายพวกมันให้สิ้นซากทั้งหมดได้อยู่ดี
พวกเขาทั้งหมด ยังคงยากที่จะล่าถอยไปได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งพวกเขาอาจจะต้องถูกหนามโลหิตเหล่านี้ขังเอาไว้ข้างใน หลังจากนั้นก็ผลาญพลังทั้งหมด เพื่อให้กลายเป็นเหยื่อของพวกมัน และหลังจากนั้นก็จะถูกพวกมันดูดเลือดออกไปจนแห้ง!