ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2352 ต้องเข้าถ้ำเสือ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนักเลย นี่มันยังไม่จบหรอกนะ! เราใช้ยาน้ำไปหมดแล้ว รีบถอยเร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีพุ่งทะยานออกไป และแน่นอนว่าบนพื้นดินนั้นก็มีหนามโลหิตพุ่งทะยานออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อโจมตีพวกเขาเช่นกัน
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที “ยังมีอีกมากมายขนาดนี้เลยหรือ! ที่เมืองหนามโลหิตแห่งนี้ ที่จริงแล้วมีหนามโลหิตมากมายแค่ไหนกันแน่นะ?”
บางทีพวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองทำลายไปมากมายแล้ว แต่ผลปรากฏว่า ราวกับพวกเขาเพิ่งทำลายหนามโลหิตไปเพียงขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัวเท่านั้น
“เพลิงนภาพิฆาต!”
เปลวเพลิงสีแดงก่ำได้ระเบิดจนสร้างเส้นทางขนาดใหญ่ออกมา หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ถอยก่อน!”
“ขอรับ!”
ถึงหนามโลหิตในคราวนี้จะไม่สามารถรั้งพวกเขาเอาไว้ได้ แต่ก็มีผู้คนมากมายที่ได้รับบาดเจ็บจากพวกมัน
ส่วนมู่เฉียนซีก็เก็บหนามโลหิตมาอีกเป็นจำนวนมาก และเตรียมที่จะกลับไปปรับปรุงยาน้ำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
นางก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าระหว่างยาน้ำของนางกับหนามโลหิตเหล่านี้ อย่างไหนจะมีจำนวนมากกว่ากันกันแน่
“ซู่ ซู่ …” ภายในเมืองที่เงียบสงบในเวลานี้ มีหนามโลหิตหลากหลายชนิดทะลวงไปตามถนนใหญ่และตรอกซอกซอยต่าง ๆ
“มาอีกแล้วมนุษย์ มันคือมนุษย์ ข้าได้กลิ่นอันหอมหวานของมนุษย์!”
“พวกเราไม่ได้กินของเลิศรสเช่นนี้มานานมากแล้ว!”
“มนุษย์ที่มาในคราวนี้ฉลาดมาก พวกเขามีความฉลาดเป็นอย่างมาก ถึงข้าจะพยายามจับพวกเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็จับไม่ได้เสียที นอกจากนี้พวกเขายังสามารถวางยาพิษได้อีกด้วย!”
“พิษ พิษ พิษ บางทีก็มีความเป็นไปได้มากว่าภายในกลุ่มของพวกเขาจะมีนักปรุงยาอยู่ด้วย และแน่นอนว่าพวกเราจะต้องหานักปรุงยาผู้นั้นออกมาให้ได้”
“หาออกมา หาออกมาให้ได้..”
เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ไม่มีมนุษย์อยู่เลย แต่ทว่ามันกลับมีเสียงสนทนาที่แปลกประหลาดดังออกมา ฉะนั้นเสียงสนทนาเหล่านั้นย่อมต้องเป็นเสียงของหนามโลหิตแน่นอนอยู่แล้ว
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ปรับปรุงยาน้ำที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมออกมาได้สำเร็จแล้ว ส่วนจำนวนนั้น ก็ทำให้พวกเขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นพระชายาของพวกเเขาหยิบยาน้ำออกมาจากหม้อยาจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นนี้ นี่กลั่นพร้อมกัน…
นี่เป็นการกลั่นยาน้ำจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? เหตุใดพระชายาของพวกเขาถึงกลั่นยาน้ำออกมาได้ง่ายกว่าต้มน้ำเสียอีกล่ะ! มันจะเหลือเชื่อมากเกินแล้วนะ
และหลังจากนั้นยาน้ำกองใหญ่ก็ถูกกลั่นออกมาภายในพริบตาเดียว
นอกจากที่จะทำให้หนามโลหิตถูกวางยาพิษแล้ว มู่เฉียนซียังทำยาน้ำที่ต่อต้านการปลูกลงไปในดินนั้นอีกด้วย
และเมื่อรดยาน้ำชนิดนี้ลงไปบนพื้นดิน มันก็จะสามารถยับยั้งการเติบโตของหนามโลหิตได้นั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวกับพวกเขาว่า “หลังจากนี้ ทุกคนจะต้องลงมือพร้อมกัน และทำการกำจัดหนามโลหิตที่อยู่นอกเมืองให้หมดสิ้นภายในคราวเดียว ข้าคิดว่ายาน้ำจำนวนมากมายเช่นนี้ น่าจะเพียงพอแล้ว!”
หลังจากที่บอกวิธีการใช้ยาน้ำกับพวกเขาแล้ว มู่เฉียนซีก็พาคนนับพันเหล่านี้บุกเข้าไปที่เมืองหนามโลหิตอีกครั้ง
เมื่อพวกมันได้กลิ่นอายของมนุษย์ที่มากมายเช่นนี้ และรับรู้ว่ากำลังจะมีอาหารเลิศรสมาให้พวกมันได้ลิ้มลองมากมาย ก็ทำให้หนามโลหิตที่อยู่ใต้ดินเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาทันที
หากไม่กลัวว่าถ้าพวกมันปรากฏตัวเร็วเกินไป แล้วจะทำให้มนุษย์เหล่านี้ตื่นตกใจไปเสียก่อนละก็ พวกมันก็คงจะเคลื่อนไหวไปนานแล้ว
ในตอนที่กลุ่มของมู่เฉียนซีและพรรคพวกเข้ามาใกล้ หนามโลหิตเหล่านั้นก็เริ่มการโจมตีทันที
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาที่แยกย้ายกันออกไป ก็ได้เริ่มต่อสู้กับหนามโลหิตเหล่านี้แล้ว
เมื่อยาน้ำสีแดงเลือดได้รดลงไปบนลำต้นของหนามโลหิตเหล่านี้ พวกมันก็ถูกฆ่าในพริบตาเดียว
และเมื่อรดยาน้ำสีดำลงไปบนพื้นดิน มันก็ทำให้พื้นดินถูกย้อมไปด้วยสีดำ และเริ่มแข็งตัวทันที ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีหนามโลหิตพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องอีกเลย
พวกเขาแต่ละคนได้ใช้ทักษะวิญญาณอย่างเต็มกำลัง ด้านหนึ่งก็ทำการโจมตีหนามโลหิต และหลบหลีกการโจมตีของหนามโลหิตไปด้วย ส่วนอีกด้านก็พ่นยาน้ำใส่ลงบนลำต้นของหนามโลหิตไปด้วย
หนามโลหิตเหล่านี้มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก แต่สติปัญญากลับไม่ได้สูงมากนัก พวกมันสามารถสัมผัสถึงความผัวผวนของพลังวิญญาณที่คุกคามพวกมันได้ ทว่าพวกมันกลับไม่สนใจยาน้ำที่ถูกรดลงไปบนลำต้นของมันเลยแม้แต่น้อย และทำราวกับว่ายาน้ำเหล่านี้เป็นเพียงแค่ฝนที่ตกประปรายลงมาเท่านั้น จนกระทั่งตอนที่พวกมันกลายเป็นเถ้าถ่านก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เนื่องจากสติปัญญาของพวกมันมีจำกัด ฉะนั้นจึงไม่สามารถหลบหลีกการลอบโจมตีด้วยยาน้ำนี้ได้ และพวกมันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องถูกทำลายจนสิ้นซากในการต่อสู้ครั้งนี้
ตูมมมม!
เสียงการต่อสู้อันดุเดือดจากทั่วทุกทิศทางเริ่มสงบลงเรื่อย ๆ และหลังจากที่หนามโลหิตกลุ่มสุดท้ายถูกทำลาย เมืองหนามโลหิตก็กลับสู่ความเงียบสงบเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ฝูงชนต่างชะงักงัน “พวกเรา…พวกเราชนะแล้ว!”
“ในที่สุดพวกเราก็ชนะแล้ว!”
อย่างที่รู้กันว่า มีใต้เท้ามากมายที่นำกองกำลังอันแข็งแกร่งบุกมายังเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ แต่ก่อนที่จะถึงประตูเมืองกลับได้รับความสูญเสียอย่างสาหัส จนต้องหลบหนีไปอย่างรีบร้อนเสียก่อน
ทว่าพวกเขาไม่ได้มาจากกองกำลังที่แข็งแกร่ง และเป็นเพียงแค่คนที่มีความสามารถทั่วไปที่รู้วิธีการสร้างเมืองเท่านั้น แต่พวกเขากลับสามารถเอาชนะหนามโลหิตเหล่านี้ได้โดยที่มีพระชายาเป็นผู้นำ
ซึ่งมันก็ทำให้ตอนนี้ ภายในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง!
“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะชนะแล้ว พระชายาทรงพระเจริญหมื่นปี!”
“พระชายาทรงพระเจริญหมื่นปี!”
แม้แต่เยาเยี่ยเองก็ประหลาดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน เจ้านายใหม่ของนางผู้นี้ช่างสมกับเป็นคนทำให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยผู้เลือดเย็นถึงขีดสุดผู้นั้นหวั่นไหวได้จริง ๆ นางช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
นางไม่เพียงสามารถนำพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะในการต่อสู้ระหว่างพวกเขาและหนามโลหิตได้เท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ต่อจากนี้ไป นอกจากเยาเยี่ยแล้ว ให้ทุกคนถอยออกไปจากขอบเขตการโจมตีของหนามโลหิตและรอคำสั่งอยู่รอบนอก!”
“พระชายา เหตุใดพวกเราถึงไม่รีบบุกเข้าไปโดยตรง และยึดเมืองแห่งนี้มาเลยล่ะขอรับ?” มีคนกล่าวถาม
“หนามโลหิตที่อยู่ข้างนอกเหล่านี้เป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ข้ายังไม่แน่ใจว่าหนามโลหิตที่อยู่ภายในนั้นจะมีอันตรายมากมายแค่ไหน? ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถส่งพวกเจ้าไปเสี่ยงตายด้วยกันได้หรอก!” มู่เฉียนซีกล่าว
คนที่นางพามาด้วยเหล่านี้ไม่ได้มาเพื่อทุ่มเทให้กับการต่อสู้ และคนที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีเพียงนางแม่มดเยาเยี่ยปีศาจสาวผู้นี้เท่านั้น ซึ่งนางก็เป็นคนเดียวในหมู่พวกเขาที่อยู่ในระดับใต้เท้า
แน่นอนว่า คนที่คุ้มครองนางอย่างแท้จริงไม่ใช่พวกเขา แต่ทว่านี่เป็นเพียงแค่ทางเข้าเมืองเท่านั้น นางจึงไม่อยากให้พวกเขาต้องลงมือ
“แต่ทว่า พวกเราก็ไม่สามารถเอาแต่เฝ้าดูพระชายาเข้าไปเสี่ยงอันตรายได้นะขอรับ!” พวกเขากล่าวอย่างร้อนรน
“ข้าจะไปกับเยาเยี่ย ย่อมต้องมีหนทางที่จะล่าถอยกลับมาได้อยู่แล้ว พวกเจ้าจงรออยู่ทางนี้เถอะ นี่คือคำสั่ง!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่ให้พวกเขาล่าถอยไปแล้ว มู่เฉียนซีก็มุ่งหน้าไปที่เมืองหนามโลหิตกับเยาเยี่ยอย่างระมัดระวัง ทว่าเมื่อมาถึงประตูเมือง หนามโลหิตกลับยังคงไม่โจมตีพวกนางอยู่ดี
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย หนามโลหิตที่อยู่นอกเมืองถูกจัดการไปจนสิ้นซากแล้วอย่างนั้นหรือ?
เยาเยี่ยกล่าวว่า “นายท่าน ข้าน้อยจะไปเปิดประตูให้นะเจ้าคะ!”
“ได้!” มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อย
ก่อนที่นิ้วอันเรียวบางราวกับหยกของเยาเยี่ยจะสัมผัสถูกประตูใหญ่ของเมืองหนามโลหิต ประตูใหญ่นั้นก็มีเสียง ตูมม! ดังขึ้นมา จากนั้นมันก็เปิดออกเองอย่างกะทันหัน
และเมื่อทอดมองเข้าไป ก็จะเห็นถนนใหญ่ที่กว้างขวางอยู่ตรงกลางเมือง
บนถนนนั้นมีหนามโลหิตมากมายหลายชนิด นอกจากนี้หนามแหลมคมเหล่านั้นต่างก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินจากทุกหัวระแหง ซึ่งหากเดินไปโดยที่ไม่มีพลังวิญญาณคอยป้องกัน ก็คาดว่าเท้าน่าจะถูกแทงจนเป็นรูแน่นอน
บ้านเรือนต่าง ๆ ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหนามโลหิต ซึ่งข้างในก็ไม่มีมนุษย์อยู่เลยสักคนเดียว เรียกได้ว่ามันคือสรวงสวรรค์ของหนามโลหิตดี ๆ เลยนี่เอง
เมืองแห่งนี้ให้ความรู้สึกที่อันตรายเป็นอย่างมาก เยาเยี่ยจึงกล่าวว่า “พระชายา หนามโลหิตที่อยู่ข้างในมีจำนวนนับไม่ถ้วน หากพวกเราเข้าไปมันจะอันตรายเกินไป หรือว่า…”
“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะจับลูกเสือได้อย่างไรล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
นางหยิบยาขั้นสูงสุดออกมา จากนั้นก็โยนมันเข้าไปข้างในเมืองทันที
และในตอนที่หนามที่อยู่บนพื้นบนทางเดินข้างหน้าถูกชโลมไปด้วยพิษก็เปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่าทันที หลังจากนั้นถนนหินสีแดงเข้มก็ปรากฏออกมา!
ซึ่งเมืองทั้งเมืองแห่งนี้ดูรกร้างประหนึ่งอยู่ในหนังสยองขวัญก็มิปาน และจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวกับเยาเยี่ยว่า “เยาเยี่ย เจ้าเฝ้าประตูเมืองเอาไว้! ข้าจะเข้าไปดูข้างในหน่อย!”
.