ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2353 พืชกลายพันธุ์เปลี่ยนร่าง
หากพวกเขาทุกคนเข้ามา แล้วประตูเมืองปิดลง เมื่อถึงเวลานั้นหนามโลหิตที่อยู่ในเมืองก็คงจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ซึ่งมันก็จะกลายเป็นเรื่องลำบากไปทันที
“นายท่าน...ข้า…ข้าจะปล่อยให้ท่านเข้าไปเพียงลำพังได้อย่างไร หากมีอันตรายจะทำเช่นไรเล่า?” สีหน้าของเยาเยี่ยเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ! ข้าสามารถหาทางหนีออกมาได้ เจ้ารับผิดชอบเฝ้าประตูเมืองเอาไว้ก็พอ!”
เยาเยี่ยกัดริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “เจ้าค่ะ!”
ในเมื่อเจ้านายของนางยืนกรานขนาดนี้ นางก็หมดหนทางที่จะขัดขวางได้ เช่นนั้นคงทำได้เพียงสละชีวิตเป็นเพื่อนเจ้านายเท่านั้น
มู่เฉียนซีเหยียบเข้าไปในเมืองหนามโลหิตอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็เดินไปบนถนนเส้นที่อยู่กลางเมืองนี้
ถึงจะมีมนุษย์อย่างนางบุกเข้ามาในเมืองแห่งนี้อย่างกะทันหัน แต่ก็น่าแปลกใจที่พวกมันไม่โจมตีนางในทันที
เยาเยี่ยที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังสีม่วงเดินลึกเข้าไปในเมืองหนามโลหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของนางตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
และหนามโลหิตที่ขวางทางมู่เฉียนซีทั้งหมดเหล่านั้น ต่างก็ถูกยาน้ำของมู่เฉียนซีกำจัดออกไปจนหมดสิ้น
มู่เฉียนซีมองดูเมืองแห่งนี้ แม้ว่ามันจะถูกปกคลุมได้ด้วยหนามโลหิต แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก ไม่เหมือนกับเมืองที่ถูกทำลายจากสงครามเมืองอื่น ๆ เหล่านั้น
ขอเพียงไม่มีหนามโลหิตเหล่านี้อยู่ หลังจากที่เมืองแห่งนี้ได้รับการซ่อมแซม ก็จะสามารถกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
อันตราย!
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะกำลังเยี่ยมชมเมืองหนามโลหิตอยู่ แต่นางก็ไม่ได้ลดการเฝ้าระวังลงเลย
ในตอนที่กำลังจะเกิดอันตราย มู่เฉียนซีก็ได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา แต่ทว่ากลับมีหนามโลหิตมาพันรอบข้อเท้าของนางไว้อย่างกะทันหัน และดึงตัวของนางขึ้นไปขังเอาไว้อยู่กลางอากาศ
“นายท่าน!” สีหน้าของเยาเยี่ยเปลี่ยนไปทันที นางอยากที่จะพุ่งทะยานเข้าไป แต่ทันใดนั้นประตูเมืองก็ปิดลง
ปัง
ประตูบานนั้นเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง และแม้ว่าเยาเยี่ยจะใช้พลังเต็มที่แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้
ทันใดนั้นก็มีร่างเงาสีดำปรากฏขึ้นหลายร่าง และมีเสียง ตูมม! ดังสนั่นหวั่นไหวออกมา พวกของอ้านเริ่มลงมือแล้ว
แต่ทว่าประตูบานนี้กลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของอ้านมืดมนลงทันที “บัดซบเอ้ย!”
“พยายามหาทางเปิดประตูให้ได้ จะปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพระชายาไม่ได้เด็ดขาด!”
ตูมมมม!
พลังของแต่ละคนเต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เยาเยี่ยรู้ดีว่าคนเหล่านี้คือคนที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยเตรียมเอาไว้เพื่อมาคุ้มครองเจ้านายของนาง
ร่างของมู่เฉียนซีลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ และเมื่อมองลงไป ก็เห็นคนคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาอย่างช้า ๆ
เขามีดวงตาสีแดงเพลิง อีกทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลามากอีกด้วย นับได้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งในหมู่มนุษย์เลยทีเดียว
แต่มู่เฉียนซีกลับมองออกว่า เขานั้นไม่ใช่มนุษย์
ความสามารถของเขานั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งถึงขนาดที่นางค้นพบว่า หากถูกเขาโจมตีคงไม่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาหลบหลีกได้แน่นอน
แต่เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมา ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนางหรือคนจากหน่วยลับราตรีที่แอบคุ้มกันให้นางอยู่ ต่างก็ไม่สังเกตเห็นเขา และปล่อยให้เขาลอบโจมตีสำเร็จจนได้
หนามที่เล็กละเอียดอันหนึ่งข่วนผ่านใบหน้าของมู่เฉียนซีไป แม้หนามที่แหลมคมนั้นจะข่วนเพียงแผ่วเบา ทว่าก็ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเลยทีเดียว
ชายคนนั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่นำคนมายังเมืองหนามโลหิตในคราวนี้จะเป็นสาวงามคนหนึ่งเช่นนี้?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าในเมืองหนามโลหิตแห่งนี้จะมีพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวที่สามารถกลายร่างได้ด้วย”
เดิมทีแล้วพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวไม่มีทางที่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่เจ้าหมอนี่กลับสามารถทำได้
“ตอนนี้เจ้าก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว แต่ยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้อีก แม้ว่าเจ้าจะอ่อนแอมากอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม”
“เดิมทีเจ้ามีโอกาสที่จะฆ่าข้าได้แต่กลับไม่ยอมลงมือ ในฐานะของพืชกลายพันธุ์ การที่เจ้าไว้ชีวิตข้า หมายความว่าจะต้องมีสิ่งที่เจ้าต้องการอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองไปทางเขา
พืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวนั้นมีความสามารถเทียบเท่าใต้เท้าระดับบนเลยทีเดียว ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถยึดครองเมืองหนามโลหิตได้มาก่อน
นางเคยได้ยินข่าวลือมาว่าอ๋องของคุกโลหิตคนก่อนก็คือพืชกลายพันธุ์ของแดนเทพที่กลายร่างมาเป็นมนุษย์ ฉะนั้นคนผู้นี้น่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน!
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้อ่อนแอมากจนเขาสามารถฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้ชายคนนั้นกลับกล่าวว่า “ในกลุ่มของพวกเจ้า มีนักปรุงยาที่สามารถกลั่นยาพิษได้ ข้าต้องการเขา! ขอเพียงเจ้าส่งเขาออกมา ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้”
“โอ้! คิดไม่ถึงเลยว่าพืชกลายพันธุ์จะอยากได้นักปรุงยา ต้องการนักปรุงยาก็ได้อยู่หรอก! แต่เจ้าก็ต้องสุภาพกับข้าสักหน่อย ปล่อยข้าลงไปก่อนสิ” การที่ถูกห้อยอยู่กลางอากาศเช่นนี้เป็นรสชาติที่ไม่น่าพอใจเท่าไรนักเลย
และทันทีที่เขาโบกมือ เจ้าหมอนี่ก็ปล่อยนางลงในทันที
ตูมมม โครมม!
และที่ประตูเมืองก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมาอีกครา และในเวลานี้พวกของอ้านก็สามารถพุ่งเข้ามาได้แล้ว
“พระชายา!” เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่เป็นอะไร พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทันใดนั้น จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา และพุ่งเข้าโจมตีพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวตนนั้น
“มนุษย์ที่มาคราวนี้ ความสามารถไม่เลวเลย!” พืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวพุ่งเข้าใส่พวกของอ้าน
มันไม่กลัวมนุษย์ผู้หญิงคนนี้จะหนีเลยแม้แต่น้อย เพราะหากนางเริ่มหนีละก็ ไม่ว่าจะเป็นพืชกลายพันธุ์ในเมืองหรือพืชกลายพันธุ์นอกเมืองก็จะขวางนางเอาไว้ และจับนางเอาไว้อีกครั้งเอง
เยาเยี่ยร่อนลงมาข้างกายมู่เฉียนซี พลางกล่าวว่า “พระชายา พวกเรารีบถอยออกไปกันเถอะเจ้าค่ะ!”
มู่เฉียนซีส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “รอเดี๋ยว! ให้ข้าดูพลังในการต่อสู้ของพวกอ้านก่อนเถอะ!”
ตูมม!
พวกของอ้านเก้าคนปะทะฝีมือกับพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวตนนั้น เดิมทีคิดจะให้เหล่าพี่น้องอีกส่วนหนึ่งพามู่เฉียนซีล่าถอยไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยก่อน แต่เพราะคำสั่งของนาง พวกเขาจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น
เมื่อได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ก็ถึงเวลาที่ต้องใช้ความสามารถเพื่อพิสูจน์กับพระชายาแล้ว ว่าความสามารถของพวกเขาสามารถคุ้มครองนางได้
หากทำไม่ได้แล้วละก็ พวกเขาจะกลับไปด้วยตนเอง และให้นายท่านเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาแทน
การล้อมโจมตีของพวกอ้านทั้งเก้าคน เป็นการร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าจะเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวอย่างเขาก็รู้สึกยากที่จะรับมือได้ ฉะนั้นหนามโลหิตที่อยู่โดยรอบอื่น ๆ จึงเริ่มทำการเคลื่อยไหวแล้วเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อ้าน พวกเจ้าหยุดกันได้แล้ว”
แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะอันตรายมาก จนสามารถปลิดชีวิตคนที่พวกเขาต้องปกป้องได้ในพริบตา แต่เมื่ออ้านได้ยินคำสั่งของมู่เฉียนซีก็หยุดมือลงทันที จากนั้นก็พาคนอื่นไปถอยกลับไปคุ้มครองอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีทั้งซ้ายขวา
นี่คือคุณสมบัติของลูกน้องของจิ่วเยี่ย พลังในการต่อสู้อันน่าทึ่ง และเชื่อฟังคำสั่งอย่างเด็ดขาด
เมื่อมู่เฉียนซีหยุดมือแล้ว พืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดตนนั้นก็ไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อเช่นกัน
เขารู้ดีว่าหากยังต่อสู้กับหน่วยพิฆาตกลุ่มนี้ต่อไป เขาก็ต้องชดใช้ด้วยราคาอันหนักหน่วงเหมือนกัน
ซึ่งสิ่งที่เขากำลังพบเจออยู่ตอนนี้ ก็คือผู้นำกลุ่มที่อ่อนแอ แต่กลับมีลูกน้องที่มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
“ข้าพูดไปว่า หากเจ้ามอบนักปรุงยาคนนั้นมาให้ข้า ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป เรื่องการทะเลาะกันที่ไม่สง่างามเช่นนี้ พวกข้าหนามโลหิตไม่ชอบทำมันเท่าไรนักหรอก” ชายผู้นั้นยังคงกล่าวอย่างสุขุม
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าพืชกลายพันธุ์นี้จะกล้าพูดคำว่าสง่างามออกมาเช่นนี้?
ก่อนหน้านี้พวกเจ้าทั้งสังหารคนที่คิดจะมายึดเมือง และดูดเลือดจนแห้งเหือด สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่าสง่างามจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากว่าข้ามอบนักปรุงยาคนนั้นให้เจ้าแล้ว? พวกเจ้าจะทำเช่นไรต่อ?”
“นั่นก็ต้องดูก่อนว่านักปรุงยาคนนั้นมีประโยชน์หรือไม่! หากไม่มีประโยชน์แล้วละก็ เช่นนั้นก็ฆ่าทิ้ง และปล่อยให้กลายเป็นปุ๋ยของเด็ก ๆ เหล่านี้ แต่หากมีประโยชน์แล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็จะปฏิบัติต่อเขาในฐานะแขกคนหนึ่ง”
“แบบไหนถึงจะถือว่ามีประโยชน์ล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้าต้องการที่จะเติมเต็มท้องของพวกข้าน่ะสิ! เพราะหลังจากที่เจ้านายจากไป มันก็ทำให้พวกข้าตกอยู่ในสภาวะที่หิวโหยอยู่ตลอดเวลา หากเป็นหนามโลหิตทั่วไปก็จะใช้เลือดมนุษย์เป็นอาหาร แต่ทว่าพวกเราเป็นหนามโลหิตของเจ้านาย จึงได้แตกต่างจากจากหนามทั่วไปเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง พวกข้ามีความสง่างามมากกว่า นอกจากนี้พวกข้ายังต้องการเพียงพลังของเจ้านายเท่านั้นอีกด้วย ซึ่งพวกข้าใช้เพียงยาลูกกลอนที่นายท่านกลั่นออกมาเป็นอาหารเท่านั้น และเมื่อพวกข้าอิ่มท้อง พวกข้าก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” เมื่อเขากล่าวถึงเจ้านาย ดวงตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งของผู้ชายคนนั้นก็เปล่งประกายขึ้นมาหลายส่วนเลยทีเดียว