ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2357 ยืนยันที่จะภักดี
เฉี่ยเอ้อร์กล่าวอย่างตื่นเต้นเป็นพิเศษว่า “นี่…นี่ไม่ใช่ยาน้ำที่นายท่านกลั่นออกมานี่นา หรือว่าเฉี่ยอี้ เจ้าหานักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมเจอจา ากที่ไหนสักแห่งแล้วอย่างนั้นหรือ? เราไม่ต้องหิวอีกแล้วหรือ? ข้าไม่ต้องบังคับให้ตัวเองนอนตลอดเวลาแล้วใช่หรือไม่ เพราะนั่นมันน่าเบื่อเหลือเ เกิน?”
เนื่องจากเฉี่ยเอ้อร์เป็นคนเลือกกินเป็นพิเศษ ฉะนั้นน้องชายของนางก็เลือกกินด้วยเช่นกัน
หากบอกว่าพวกของเฉี่ยอี้สามารถดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหารเพื่อเติมเต็มท้องได้ แต่เฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซานต้องการที่จะเป็นพืชกลายพันธุ์ที่สง่า างาม ดังนั้นจึงอยู่ห่างจากเลือดมนุษย์โดยสิ้นเชิง
พวกเขาหิวจนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงได้เลือกที่จะจำศีล แต่ด้วยความหิวโหย จึงทำให้แม้แต่เรื่องนอนก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากเช่นกัน
มันยากมากกว่าจะสามารถนอนหลับได้ แต่ผลสุดท้ายปรากฏว่ากลับถูกเฉี่ยอี้ปลุกให้ตื่นขึ้นมา ดังนั้นมันจึงทำให้เฉี่ยเอ้อร์รู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างม มาก
แต่เป็นเพราะมีของอร่อยเฉี่ยอี้จึงพยายามปลุกพวกเขาขึ้นมา ฉะนั้นมันจึงทำให้เฉี่ยเอ้อร์ระงับความโกรธของตนเองเอาไว้ได้ในที่สุด
เฉี่ยอี้มองไปทางมู่เฉียนซีที่อยู่ด้านข้างพลางกล่าวว่า “ข้าหานักปรุงยาเจอแล้ว และนางก็อยู่ตรงนี้ด้วย”
“ว้าว! ช่างเป็นน้องสาวที่น่ารักมากเลยจริง ๆ!” เฉี่ยเอ้อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉี่ยอี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “แขกผู้ทรงเกียรติ ความจริงแล้วหนามโลหิตของเมืองหนามโลหิตของพวกเรามีความสง่างามเป็นอย่ างมาก แต่เป็นเพราะเฉี่ยเอ้อร์เพิ่งตื่นนอนถึงได้ทำเช่นนี้ เจ้า…เจ้าไม่ได้ถูกทำให้ตกใจกลัวใช่หรือไม่!”
เฉี่ยเอ้อร์เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนมากที่สุดออกมา แล้วกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “น้องสาวคนสวย ความจริงแล้วพี่สาวเป็นคนที่อ่อนโยนมากเลยนะ เรื่องก ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ภาพลวงตาเท่านั้น!”
จากมังกรคลั่งได้เปลี่ยนเป็นพี่สาวข้างบ้านที่อ่อนโยนขึ้นมาอย่างกะทันหัน มุมปากของทุกคนต่างก็กระตุกยิ้มขึ้นมาราวกับคนเสียสติ หนามโลหิตผู้ นี้ช่างมีนิสัยที่หลากหลายเสียจริง ๆ และกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้ พวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน แล้วมันจะเป็นภาพลวงตาไปได้อย่างไ ไร?
เฉี่ยซานจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างจริงจังแล้วกล่าวว่า “ที่พี่สาวของข้าพูดคือความจริง มีข้าคอยกำกับดูแล พี่สาวของข้าจะต้องเปลี่ยนไปเป็นพ พืชกลายพันธุ์ที่สง่างามที่สุดได้แน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อทั้งสองตื่นขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปคุยกันที่จวนเจ้าเมืองกันเถอะ”
เฉี่ยเอ้อร์กล่าวพลางยิ้มจนตาหยีว่า “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา เจ้าหน้าตางดงามถึงเพียงนี้ ข้าจะฟังทุกอย่างที่เจ้าพูดเอง”
เมื่อพวกเขามานั่งกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของจวนเจ้าเมืองแล้ว มู่เฉียนซีก็หยิบเอาหนังสือกรรมสิทธิ์ของเมืองหนามโลหิตออกมา จากนั้นก็มอบให้กับ พวกของเฉี่ยอี้ และนางก็กล่าวว่า “กรรมสิทธิ์ของเมืองนี้ท่านอ๋องแห่งคุกโลหิตได้มอบมันให้กับข้าแล้ว ต่อจากนี้ไปข้าจะมาเป็นเจ้าเมืองของเ เมืองหนามโลหิตแห่งนี้ ซึ่งข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะสามารถยอมรับได้หรือไม่? หากยอมรับได้ละก็ พวกเราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่หากไม่สามารถร รับได้แล้วละก็ เช่นนั้นพวกเราก็มาหาทางแก้ไขกันอีกที”
เฉี่ยอี้รับหนังสือฉบับนั้นมา และหนังสือฉบับนี้ก็ย่อมต้องเป็นของแท้แน่นอนอยู่แล้ว
จากนั้นก็มีความโศกเศร้าฉายออกมาจากแววตาของพวกเขา เรื่องคุกโลหิตมีท่านอ๋องคนใหม่แล้ว พวกเขาต่างก็รู้กันดี
นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ท่านอ๋องของพวกเขาหายไปแล้วนับพันปีถึงได้มีผู้แข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏตัวออกมา และเขาก็คือท่านอ๋องจิ่วเยี่ยน นั่นเอง
เจ้านายของพวกเขาไม่ได้ถูกเขาทำร้ายจนหายตัวไป แต่ก็มีข่าวลือว่าผู้ชายคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวอีกด ด้วย ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่เคยไปหาเรื่องเขาเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ถือหนังสือเช่นนี้มาเพื่อที่จะยึดครองเมืองหนามโลหิตมาโดยตลอด แต่ผลสุดท้ายทั้งหมดก็ได้กลายเป็นเพียงแค่ปุ๋ยของพวกเขาเท่านั้ น
แต่ทว่าคนผู้นี้กลับไม่เหมือนกัน เพราะในที่สุดพวกเขาก็เจอนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมแล้วน่ะสิ! และนางก็คือนักปรุงยาที่สามารถดูแลเรื่องกินดื่ม มให้พวกเขาได้อย่างเพียงพออีกด้วย
และในทางเลือกสุดท้าย พวกเขาก็ไม่อยากที่จะกินคนที่ติดตามนางมาเหล่านั้น จนทำให้นักปรุงยาผู้นี้ต้องขุ่นเคืองใจเช่นกัน มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะ ะต้องทนหิวโหยต่อไปอย่างแน่นอน
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “ข้า…เฉี่ยเอ้อร์ เฉี่ยซาน ความคิดเห็นของพวกเจ้าล่ะ?”
เฉี่ยเอ้อร์มองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “น้องสาวคนสวย พวกเราเฝ้ารอเจ้านายของพวกเรากลับมาที่เมืองแห่งนี้มาโดยตลอด และพวกเราก็เฝ้ารอมานานน นับพันปีแล้ว เจ้าต้องการจะทำอะไรภายในเมืองนี้ก็ได้! เพียงแค่เจ้าตกลงที่จะมอบยาน้ำเหล่านั้นให้พวกเราทุกวัน พวกเราก็จะไม่แทรกแซงเรื่องใด ๆ ขอ องเจ้าและมนุษย์เหล่านี้ แต่ทว่า…เรื่องกรรมสิทธิ์ของเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ พวกเราไม่สามารถยอมรับได้ว่ามันเป็นของเจ้า”
มู่เฉียนซีมองไปทางพวกเขาเหล่านี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพืชกลายพันธุ์ แต่กลับยืนหยัดในความศรัทธาและความภักดีของพวกเขามานานนับพันปี
อดีตท่านอ๋องของคุกโลหิตผู้นั้น จะต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมากคนหนึ่งอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าเคารพในความภักดีของเจ้าที่มีต่อเจ้าเมืองคนก่อนเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อข้ามาที่นี่แล้ว ข้าก็ต้องการเมืองแห่งนี้ ฉะนั นข้าจำเป็นที่จะต้องเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้”
“เช่นนั้น น้องสาวคนสวย หากเจ้าต้องการที่จะเป็นเจ้าเมือง เช่นนั้นเอาชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!” เฉี่ยเอ้อร์ตบโต๊ะพลางกล่าว
เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ มันเป็นของเจ้านายเท่านั้น ผู้ใดกล้ามาแย่งไป ข้าจะทำลายมันเอง
พี่สาวข้างบ้านที่อ่อนโยนได้เปลี่ยนกลายเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที และถึงแม้คนอื่น ๆ จะกลัวจนใจเต้นระรัว แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เช่นกัน
แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับหยิบยาน้ำขวดหนึ่งออกมาจากมิติแล้วโยนไปให้เฉี่ยเอ้อร์
สีหน้าของเฉี่ยเอ้อร์เปลี่ยนไปทันที และรีบรับยาน้ำขวดนั้นมาอย่างรีบร้อน
อาหารที่เลิศรสเช่นนี้ น้องสาวผู้นี้สามารถทิ้งมันได้อย่างไร! หากหล่นแตกไปมันคงจะสิ้นเปลืองน่าดู!
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็หยิบมันออกมาในคราเดียวเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็ทำให้เฉี่ยซานที่อยู่ด้านข้างหยิบมันขึ้นมายกดื่มด้วยความตะกละตะกลาม จ จากนั้นก็กล่าวว่า “อร่อย! มันอร่อยมากเหลือเกิน”
เฉี่ยเอ้อร์ทนไม่ไหวจนหยิบขึ้นมาดื่มบ้าง และนางก็ดื่มเข้าไปราวกับว่าถูกขังอยู่ภายในทะเลทรายและไม่เคยได้ดื่มน้ำมาก่อนนับพันปีอย่างไรอย่าง งนั้น “อุ้บ! มันรสชาติดีมากเลยจริง ๆ”
“ข้าก็อยากได้ด้วย!” เฉี่ยอี้เองก็เข้ามาแย่งไปขวดหนึ่งเช่นกัน
เดิมทีมันเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดมาก แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีหยิบเอายาน้ำออกมากองใหญ่เช่นนี้ ความตึงเครียดนั้นก็มลายหายไปทันที
“แล้วนี่ยังจะสู้อยู่ไหม? อย่ามัวแต่กินกันสิ!” ทุกคนต่างเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตะลึง
ทั้งเฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซานต่างก็ดื่มยาน้ำไปมากกว่าสิบขวดในรวดเดียวก่อนที่จะหยุดลง พวกเขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นก็มองไปทา างมู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่เขินอายเป็นอย่างยิ่ง
ในเมื่อไปเอาของคนอื่นมากินแล้ว นับได้ว่าในตอนนี้นางถูกเลี้ยงจนอิ่มหนําสําราญ ฉะนั้นหากนางลงมือมันก็จะดูน่าอายเกินไปหน่อยน่ะสิ!
นางกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “น้องสาว หากเจ้าต้องการเมือง เช่นนั้นข้าก็จะเอาทุกเมืองที่อยู่ในเขตหวงห้ามทางตอนใต้สุดนี้มาให้เจ้า เป็นอย่างไร? เจ้าอยากที่จะเป็นเจ้าเมืองเมืองไหนดีล่ะ? แต่ทว่าหากเป็นเมืองหนามโลหิต พวกเราก็ต้องรอให้เจ้านายของพวกเรากลับมาก่อน”
ถึงแม้ว่า พวกเขาจะไม่รู้เช่นกันว่า เจ้านายของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ หรือจะกลับมาหรือไม่ก็ตาม?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมืองที่ไม่มีเจ้าของของเขตหวงห้ามใต้สุดแห่งนี้เดิมทีก็ล้วนเป็นของข้าอยู่แล้ว และเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ก็เป็นเหมือนหล ลักที่ใหญ่ที่สุดในเขตหวงห้ามทางตอนใต้ ฉะนั้นข้าก็เลยชอบมัน”
“ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยนี่ช่างใจกว้างอะไรเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มอบสถานที่ขนาดใหญ่เช่นนี้กับให้น้องสาวได้” เฉี่ยเอ้อร์กล่าวด้วยความประหลาดใจ จเล็กน้อย
ผู้คนต่างก็บ่นพึมพำกันอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง จะไม่ให้เขาใจกว้างได้อย่างไรเล่า?
นี่เป็นถึงว่าที่ภรรยาของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยเลยนะ หากไม่ใจกว้างกับว่าที่ภรรยาแล้วจะให้ไปใจกว้างกับผู้ใดได้เล่า?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ารู้ ว่ายาน้ำของข้าในตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้พวกเจ้าพึงพอใจได้อย่างสมบูรณ์ ข้าสามารถกลั่นยาน้ำชนิดใหม่ออกมาให้พวกเ เจ้าได้ หากเจ้าพึงพอใจแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องยอมรับให้ข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้! แต่หากพวกเจ้ายังคงไม่พอใจแล้วละก็ ข้าก็จะยอมแพ้เร รื่องเมืองหนามโลหิตแห่งนี้เสีย และออกไปจากที่นี่ เพราะอย่างไรเสียข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าอยู่ดี”
ออกไปหรือ? ทันทีที่คิดไปว่าน้องสาวที่ใจกว้างมอบยาน้ำให้พวกเขามากมายเช่นนี้ต้องการที่จะจากไป พวกเขาก็รู้สึกปวดใจมากจริง ๆ! ซึ่งมันก็เหมือน นกับว่านางจะไม่ลงมามอบอาหารให้พวกเขาอีกตลอดไปแล้ว
เฉี่ยเอ้อร์กล่าวว่า “เจ้าลองดูสิ!”
เฉี่ยอี้กล่าวอย่างเอาใจใส่ว่า “ต้องการให้ข้าจัดห้องกลั่นยาให้เจ้าสักห้องหรือไม่? ข้าจำได้ว่าตอนที่มนุษย์ต้องการจะกลั่นยามักจะกลั่นยาอย ยู่ในห้องกลั่นยาเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่จำเป็นหรอก กลั่นยาตรงนี้เลยก็ได้!”
มู่เฉียนซีหยิบเอาหม้อเทพนิรันดร์ออกมา หลังจากนั้นก็หยิบสมุนไพรวิญญาณออกมาจากมิติ และเมื่อเปลวเพลิงราชันย์ลุกไหม้ มู่เฉียนซีก็เริ่มกลั่นยาน้ ำทันที