ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2360 อยากไปก็ไป
มู่เฉียนซีหยิบที่เหลืออีกหกชุดออกมามอบให้พวกเขาพลางกล่าวว่า “ทางเข้าอื่นอีกหกทาง พวกเจ้าเอายาเหล่านี้ไปเทเถอะ!”
“ต่อไป พวกเราไปพื้นที่ของระดับสองดาวกันเถอะ!”
หลังจากที่ไประดับสองดาวเสร็จแล้วก็ไประดับสามดาว สุดท้ายก็ไปที่ระดับหกดาว
หนามโลหิตทั้งหมดล้วนดีใจอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากพวกมันหิ้วท้องหิวมาเนิ่นนาน จึงทำให้นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอิ่ม และมันก็มีความสุขมากเลยจริง ๆ
นอกจากนี้พวกมันยังรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของพวกมันเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย ยิ่งอยู่ในระดับต่ำมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
คาดไม่ถึงเลยว่าหนามโลหิตที่มีอายุไม่ต่างจากเฉี่ยอี้มากเท่าไรนัก พวกมันก็เริ่มรู้สึกแล้วว่ากำลังจะบรรลุเป็นพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวเช่นกัน
นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?
ยาน้ำของท่านเจ้าเมือง จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ทุกคนล้วนได้รับอาหารที่อร่อยกันไปหมดแล้ว แต่พวกของเฉี่ยอี้ทั้งสามตนในตอนนี้กำลังมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก พลางกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่าน…ท่านคงจะไม่ ได้ลืมพวกเราหรอกใช่หรือไม่ขอรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จะลืมพวกเจ้าไปได้อย่างไร? ลองนี่ดูสิ”
มู่เฉียนซีโยนขวดยาหลายขวดไปให้กับพวกเขาทั้งสามคน
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “นี่คือยาลูกกลอนของมนุษย์นี่”
เขาเคยลองมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมันก็มีรสชาติที่แย่มาก!
แต่นี่คือสิ่งที่ท่านเจ้าเมืองมอบให้พวกเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะลอง ทันใดนั้นพวกเขาก็กลืนมันเข้าไปในคำเดียว!
“อ๊ากกก! หวานมาก! อร่อยมาก อร่อยมากเหลือเกิน”
พวกเขาเคี้ยวยาลูกกลอนเหล่านั้นจนดังแจ๊บ ๆ มันไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่มันยังมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของพวกเขามากอีกด้วย
พวกเขาดูถูกนักปรุงยามนุษย์มากมาโดยตลอด แต่ตอนนี้พวกเขาได้ยกย่องให้มู่เฉียนซีกลายเป็นเทพเจ้าแห่งการกลั่นยาไปแล้ว
พวกเขาแทบทนไม่ไหวที่จะบอกผู้คนทั่วทั้งโลกว่า เจ้าเมืองของพวกเขาเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนนรกแล้ว และนักปรุงยาคนอื่นก็เป็นได้เพียงแค่ขยะเท่านั้น!
พวกเขาจะต้องช่วยท่านเจ้าเมืองสร้างหอหมอปีศาจเป็นอย่างดีแน่ และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องทำให้ชื่อหมอปีศาจของท่านเจ้าเมือง โด่งดังไปทั่วทั้งคุกโลหิต จนทำให้คนอื่น ๆ ต้องเคารพบู ชานาง
ซึ่งตอนนี้พวกของเฉี่ยอี้ก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แล้ว
หลังจากที่รดน้ำพืชเพื่อเพาะเลี้ยง และให้อาหารแก่พืชที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้ว ท่านหมอปีศาจก็กลับไปขลุกอยู่ในกลั่นยาอีกครั้ง
ในเมื่อพืชกลายพันธุ์ต้องการการเติบโต ฉะนั้นคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเมืองของนางคงไม่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายใช่หรือไม่?
“ท่านเจ้าเมือง ท่านบอกว่ายาลูกกลอนนี้สามารถขยายเส้นลมปราณของพวกเราได้ และยังยกระดับพรสวรรค์ของพวกเราได้ นอกจากนี้ยังทำให้การบำเพ็ญตบะของพวกเราสูงขึ้นได้ด้วยใช่หรือไม่ขอร รับ?” พวกเขาจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตื่นตกใจ
พรสวรรค์ของพวกเขามีจำกัด นอกจากนี้อายุก็ยังไม่น้อยแล้วด้วย ฉะนั้นการใช้ชีวิตในการฝึกฝนเพื่อให้ไปถึงจุดสูงสุด ก็คาดว่าคงมีความสามารถทำได้แค่ระดับนี้เท่านั้น
แต่ทว่าท่านเจ้าเมืองกลับให้โอกาสพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เคยสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าท่านเจ้าเมืองจะทำไม่ได้
ทักษะการปรุงยาของท่านเจ้าเมืองในตอนนี้สามารถทำให้หนามโลหิตเหล่านั้นเชื่อฟังได้ ฉะนั้นการกลั่นยาลูกกลอนออกมาเพื่อปรับคุณสมบัติให้พวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
“ขอบคุณท่านเจ้าเมือง!”
“ขอบคุณท่านเจ้าเมือง!”
ความหวังดีของท่านเจ้าเมือง พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว เนื่องจากว่าพวกเขาเองก็ต้องการโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นนี้มากเหมือนกัน
หลังจากที่เมืองได้รับการซ่อมแซ่มเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มสร้างหอหมอปีสาจ
หนามโลหิตนั้นดีมาก แต่ทว่าคนกลับมีจำนวนน้อยเกินไปหน่อย
เมืองที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่าหลายล้านคนด้วยซ้ำ แต่ผลปรากฏว่าคนเหล่านี้บวกกับหนามโลหิตระดับต่าง ๆ ทั้งหมด ก็มีเพียงแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นเอง
จำนวนคนน้อยเกินไป ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องรับคนเข้ามาอยู่อาศัยใหม่และต้องเพิ่มพ่อค้าเข้ามาบ้างถึงจะได้ ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถทำให้เมืองแห่งนี้สมบูรณ์ได้
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีได้ส่งข่าวไปให้กับจิ่วเยี่ยและจื่อโยวทันที!
ตอนนี้พระชายาไปที่เมืองหนามโลหิตเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว เดิมทีแล้วทุกคนต่างคิดว่าด้วยความสามารถที่ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนของพระชายานั้น จะต้องถูกการโจมตีของหนามโลหิตแห ห่งเมืองหนามโลหิตจนวิ่งหนีกลับมาอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยเป็นวีรบุรุษไปช่วยสาวงามแทน
แต่ทว่าเรื่องเช่นนี้ กลับไม่ได้เกิดขึ้นเลย
นอกจากนี้พวกเขายังได้ข่าวมาอีกว่า ใต้เท้าจื่อโยวได้เตรียมเสบียงไว้เป็นจำนวนมาก และมุ่งหน้าไปยังเมืองหนามโลหิตแล้ว
นี่…หรือว่าพระชายายึดเมืองหนามโลหิตมาได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องไม่เคยลงมือกับเมืองหนามโลหิตมาก่อนเลย นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเมืองหนามโลหิตถือว่าเป็นฝันร้ายของระดับใต้เท้าเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นจะมาถูกพระชายายึดครองไปได ด้อย่างไรกัน?
หลังจากนั้นไม่นานข่าวเรื่องเมืองหนามโลหิตก็ถูกแพร่กระจายออกไป ซึ่งตอนนี้เมืองหนามโลหิตกำลังประกาศรับพลเรือน พ่อค้า นักหลอมอาวุธ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือนักปรุงยา
แน่นอนว่าค่าตอบแทนและสวัสดิการนั้นมีมนุษยธรรมมากที่สุดในคุกโลหิตอีกด้วย แต่ก็ยังคงไม่มีคนกล้าไปอยู่ดี
นี่กำลังเล่นตลกอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ? ใครจะกล้าไปยังเมืองแห่งฝันร้ายกัน ภายในเมืองนั้นมีหนามโลหิตที่ชอบดื่มเลือดมนุษย์อยู่ นอกจากนี้พืชกลายพันธุ์ที่โหดร้ายเหล่านั้นยังชอบ บเอาคนไปทำเป็นปุ๋ย ฉะนั้นพวกเขาไม่กล้าที่จะไปหาความตายอยู่แล้ว
เดิมทีพวกเขาไม่เชื่อว่าเจ้าเมืองคนใหม่จะมีความสามารถมากพอที่จัดการพืชกลายพันธุ์ที่อันตรายของเมืองหนามโลหิตทั้งหมดได้
หลังจากที่ประกาศของเมืองหนามโลหิตถูกแพร่กระจายออกไป แต่ทว่าก็ยังไม่มีผู้ใดกล้ามุ่งหน้ามาที่เมืองหนามโลหิตแห่งนี้อยู่ดี
พวกของเฉี่ยอี้และเฉี่ยซานจึงหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เฉี่ยเอ้อร์ชี้ไปที่จมูกของเฉี่ยอี้พลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เจ้านายเคยบอกว่า การดูดเลือกมนุษย์เป็นเรื่องที่ไม่สง่างามเป็นอย่าง งมาก แต่เจ้าดันเพิกเฉยต่อพวกมัน และให้พวกมันดูดเลือดจนอิ่มหนำ ซึ่งมันก็ไม่ดีเอาเสียเลย! เพราะชื่อเสียของเมืองหนามโลหิตของพวกเราแย่มาก จึงไม่มีผู้ใดกล้ามา และทำให้ท่านเจ จ้าเมืองต้องเป็นกังวลเช่นนี้”
เฉี่ยอี้เองก็เสียใจมากเช่นกัน หากรู้ว่าจะมีวันนี้แต่แรก เขาสาบานได้เลยว่าจะไม่ดื่มเลือดมนุษย์เลยแม้แต่คนเดียว อย่างไรเสียมันก็มีรสชาติที่แย่ถึงขนาดนั้น ใครจะไปสนใจกัน!
“ท่านเจ้าเมือง ข้าผิดไปแล้ว” เฉี่ยอี้กล่าวขอโทษ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มันไม่เกี่ยวกับเจ้าหรอก เป็นเช่นนี้ก็ดี! เมืองหนามโลหิตของพวกเราก็ไม่ต้องการคนที่ขี้ขลาดตาขาวเช่นกัน ในเมื่อพวกเขาทิ้งโอกาสในครั้งนี้ไป ฉะนั้นหลังจากนี้ไ ไปแม้ว่าต้องการจะกลายเป็นพลเมืองของเมืองหนามโลหิตก็ไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว”
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองกล่าวถูกต้องแล้ว เมืองหนามโลหิตของพวกเราจะต้องเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน ไหนจะมีท่านเจ้าเมืองที่มีทักษะการปรุงยาที่แข็งแกร่งเช่นน นี้อีก จากนี้ไปถึงจะร้องไห้ขอเข้ามาเป็นคนในสถานที่แห่งนี้ ก็ยากที่จะคุยกันได้แล้วล่ะ”
และหลังจากที่ประกาศไปสามวัน มู่เฉียนซีก็ได้ให้คนไปเก็บกับคืนมา
ใต้เท้าเหล่านั้นกระซิบกระซาบคุยกัน “ไม่มีคนกล้าไปที่เมืองหนามโลหิตเลยแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนว่าพระชายาคงต้องยอมแพ้แล้ว”
“ในเมื่อสถานที่แห่งนั้นไม่มีผู้คน ข้ามองว่าเดี๋ยวพระชายาเองก็น่าจะออกมาจากเมืองหนามโลหิตเช่นกัน จากนั้นก็เลือกเมืองใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน”
“……”
“เยี่ย! ข้าจะไปช่วยคนงามคิดหาทางเดี๋ยวนี้เลย! ก็แค่คนเท่านั้น คุกโลหิตของพวกเราไม่เคยขาดคนหรอก” เมื่อจื่อโยวมองไปยังใบหน้าที่มืดมนของจิ่วเยี่ย จึงรีบกล่าวอย่างรีบร้อน
“ต้องเป็นคนที่ซีจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้! และต้องเป็นคนที่น่าพอใจด้วย!” จิ่วเยี่ยกล่าวย้ำ
จื่อโยวพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว! แต่ข้าสงสัยมากกว่าว่าคนงามจัดการกับเมืองหนามโลหิตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร? แม้ว่าคนของหน่วยลับราตรีจ จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพมากขนาดนั้นนี่นา!”
ไม่ได้มีเพียงแต่คนอื่นเท่านั้นไม่รู้ว่า แม้แต่จื่อโยวเองก็ไม่รู้เช่นกัน ฉะนั้นมันจึงน่าสงสัยมาก
แววตาของจิ่วเยี่ยมืดมนลงทันที จากนั้นลำแสงสีดำก็สว่างวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทว่าจิ่วเยี่ยก็ล้มเลิกไปโดยตรง
เขากล่าวกับจื่อโยวว่า “เรื่องอื่น ๆ มอบให้เป็นหน้าที่เจ้าก็แล้วกัน!”
จื่อโยวอยากตายเหลือเกิน เขาไม่ควรที่จะพูดมากเลยจริง ๆ
เกรงว่าแม้แต่เยี่ยเองก็ไม่รู้ว่าคนงามใช้วิธีใดในการจัดการกับเมืองหนามโลหิตที่อันตรายแห่งนั้นเช่นกัน ฉะนั้นเขาจึงรีบตรงไปที่เมืองหนามโลหิตเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตนเอง งทันที
แต่ทว่าความจริงแล้วเยี่ยเองก็คงคิดถึงคนงามแล้วมากกว่า! ถึงแม้ว่าคนงามจะพึ่งไปได้ไม่นานเท่าไรก็ตาม
เขากล่าวขึ้นมาอย่างรันทดว่า “ข้าที่น่าสงสาร! เหตุใดถึงต้องมาพบเจอกับเจ้านายที่ไม่มีความรับผิดชอบคิดอยากจะไปไหนก็ไปเช่นนี้กันนะ อยากตายจริง ๆ!”