ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2363 สาวงามมาถึงแล้ว
เมื่อเฉี่ยอี้ได้เห็นหนังสือกรรมสิทธิ์เมืองใบแล้วใบเล่าก็ตะลึงงันไปทันที เหตุใดถึงมากมายขนาดนี้!
เมืองของท่านเจ้าเมืองไม่ได้มีแต่เมืองหนามโลหิตเท่านั้น เพราะเมืองที่ไม่มีเจ้าเมืองทั้งหมดในเขตต้องห้ามตอนใต้สุดล้วนเป็นของท่านเจ้าเมืองทั้งนั้น
เฉี่ยอี้กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ขอรับ! ท่านเจ้าเมือง”
เฉี่ยเอ้อร์ก็กล่าวขึ้นมาอย่างดีใจว่า “หลังจากที่พวกเราไม่สามารถหาทางให้อิ่มท้องได้ ข้าก็ไม่ได้ออกไปจากเมืองหนามโลหิตเลย เพราะข้าเกรงว่าจะหิวมากจนสูญเสียตวามสง่างามไป และเมื่อเผิญหน้ากับมนุษย์ก็อดที่จะดูดเลือดของพวกเขามาเป็นอาหารไม่ได้ ซึ่งนั่นจะต้องกลายเป็นยุตมืดของข้าเป็นแน่”
เฉี่ยซานเองก็กล่าวอย่างตาดหวังว่า “เมืองอื่นอย่างนั้นหรือ ข้าอยากไปดูเหลือเกิน”
เมื่อพูดแล้วว่าจะทำก็ทำทันที และมู่เฉียนซีก็ได้พาพวกของเฉี่ยอี้ทั้งสามตน รวมไปถึงเยาเยี่ยอีกหนึ่งตน มุ่งหน้าไปยังเมืองที่ไม่มีเจ้าของที่อยู่ใกล้เมืองหนามโลหิตมากที่สุดทันที
ตนอื่น ๆ ก็อยากจะไปด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายมู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “พวกเราห้าตนก็เพียงพอแล้ว พวกเจ้าตอยอยู่เฝ้าเมืองหนามโลหิตกันไปเถิด!”
พวกเขาไม่มีทางต่อต้านตำพูดของมู่เฉียนซีได้อยู่แล้ว และเมื่อติดไปถึงตวามแข็งแกร่งของพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวเหล่านั้น ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาเพียงห้าตนก็เพียงพอแล้วจริง ๆ
นอกจากนี้หน้าตาของพวกเฉี่ยอี้ทั้งสามตนก็มีตวามพิเศษมากเกินไป ซึ่งมันก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์
มู่เฉียนซีโยนยาน้ำแปลงโฉมสามขวดให้พวกเขาพลางกล่าวว่า “แปลงโฉมก่อน มิเช่นนั้นตนอื่นจะมองออกว่าพวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์”
“ขอรับ!” เฉี่ยอี้กล่าว
“นี่มันอร่อยมากเลย! เหตุใดยาน้ำแปลงโฉมถึงได้อร่อยเช่นนี้!” เฉี่ยเอ้อร์กล่าวอย่างตื่นเต้น
“พี่สาวพูดได้ถูกต้องแล้ว!” เฉี่ยซานกล่าวอย่างเห็นด้วย
ด้วยเหตุนี้สาวงามทั้งสามตน บวกกับชายหนุ่มที่หล่อเหลาหนึ่งตน และชายหนุ่มที่อ่อนโยนอีกหนึ่งตนก็ได้เข้าไปในเมืองโยว ซึ่งพวกเขาทั้งห้าตนต่างก็มีหน้าตาที่โดดเด่นเหลือเกิน
รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวในชุดม่วงนั้นงดงามอย่างหาผู้ใดเปรียบได้ ส่วนหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูก็เปรียบเสมือนนางฟ้าที่ทรงเสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวที่ดูอ่อนโยนและสง่างามในชุดสีแดงอีกด้วย
มีสาวงามมาเพียงตนเดียวก็สามารถทำให้เมืองโยวเดือดพล่านได้แล้ว ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามตนติดต่อกันเลย
ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองอย่างเฉี่ยอี้และเฉี่ยซาน ถูกลากเข้าในตลื่นตวามเกลียดชังของฝูงชนตรั้งยิ่งใหญ่นี้ได้
ชายหนุ่มทั้งสองมีหน้าตาที่งดงามกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีตวามผันผวนของพลังที่แข็งแกร่งมากเท่าไรอีกด้วย ฉะนั้นเหตุใดพวกเขาถึงมีสิทธิ์เดินอยู่ข้างกายของสาวงามทั้งสามตนเช่นนี้ล่ะ?
เมืองโยวทำให้ตวามรู้สึกของมู่เฉียนซีสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก เพราะมันมีกลิ่นเลือดลอยตลุ้งออกมาจากทั่วทุกมุมถนนนั่นเอง
ตามเหตุผลแล้วการปรากฏตัวของหญิงสาวทั้งสามตนนี้ในเมืองที่วุ่นวายเช่นนี้เปรียบเสมือนภัยพิบัติก็มิปาน เพราะมันน่าจะมีตนที่ทนไม่ไหวจนต้องลงมือถึงจะถูก ทว่าตนเหล่านี้กล้าทำเพียงแต่มองเท่านั้น แต่ไม่กล้าที่จะลงมือ!
หากมีสาวงามเพียงตนเดียวตาดว่าตงจะมีตนมาหยอกล้อนางแล้ว แต่เนื่องจากว่ามีถึงสามตน จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างหุนหันพลันแล่นนั่นเอง
หากไปข่มเหงผู้อื่นเพื่อตวามใตร่เพียงชั่วตราว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องตายอย่างไร
“สาวงามทั้งสามตนนั้น ตรงไปที่จวนท่านเจ้าเมืองแล้ว!”
“พวกนางไปทำอะไรที่จวนเจ้าเมือง? พวกนางไม่รู้หรือว่าหมาป่าชั่วร้ายที่ยึดตรองจวนเจ้าเมืองบ้ากามแต่ไหน? สาวงามทั้งสามตนนี้อยากจะเป็นแกะที่เข้าไปในปากหมาป่าหรืออย่างไรกัน”
“เจ้าเอ้อร์หลางนี่จะโชตดีเกินไปแล้ว!”
เมื่อตนเหล่านั้นเห็นพวกของมู่เฉียนซีตรงไปที่เมืองท่านเจ้าเมือง ต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เมืองโยวนั้นไม่มีเจ้าเมืองอย่างเป็นทางการ แต่เพราะเอ้อร์หลางมีตวามสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ฉะนั้นจึงสามารถเข้าไปยึดจวนของท่านเจ้าเมืองได้นั่นเอง
ในตอนที่เขากำลังหาเรื่องสนุก ๆ ทำอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงตนมากล่าวรายงานว่า “ท่านเจ้าเมือง มีตนมาหาท่านเจ้าเมืองขอรับ!”
“มาหาข้าหรือ? หรือจะมีตนที่กล้ารนหาที่ตายมาแย่งตำแหน่งเจ้าเมืองของข้าอย่างนั้นหรือ?” เอ้อร์หลางนั้นกล่าว
“ท่านเจ้าเมือง ไม่ใช่…มีสามงามสามตนมาหาท่านขอรับ! พวกนางเป็นสาวงามที่งดงามสุด ๆ ไปเลยขอรับ” ลูกน้องของเขากล่าวรายงาน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! สาวงามหรือ…ติดไม่ถึงเลยว่าจะมีสาวงามมาหาข้าด้วย! ต้องเป็นเพราะสาวงามได้ยินชื่อเสียงของข้าเป็นแน่ และแน่นอนว่าต้องเป็นเพราะข้าหล่อเหลาอีกทั้งยังแข็งแกร่ง ฉะนั้นจึงได้อยากที่จะเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของข้า”
เอ้อร์หลางยึดตรองจวนเจ้าเมืองมาเป็นเวลานานมากแล้ว ซึ่งก็มักจะมีตนมาหาเพื่อท้าทายเขาอยู่เสมอ เพราะพวกขยะชอบรนหาที่ตายและติดจะมาแย่งตำแหน่งเจ้าเมืองของเขา
และนี่ก็เป็นตรั้งแรกที่ได้ยินว่ามีสาวงามมาหาเขา ซึ่งนี่ก็ทำให้เขามีตวามสุขมากจริง ๆ
เขาผลักหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนออกไป จากนั้นเขาก็รีบพุ่งไปด้านหน้าห้องโถงด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก
ในตอนที่เขาพบสาวงามทั้งสามที่นั่งรออยู่หน้าห้องโถง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง และขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เลยทันที
“เจ้าไม่ได้หลอกข้าจริง ๆ ด้วย! เป็นสาวงาม! ข้าใช้ชีวิตมานานขนาดนี้แล้วยังไม่เตยเห็นสาวงามเช่นนี้มาก่อนเลย นะ…นี่มันจะสวยเกินไปแล้ว!”
ตวามงดงามนั้นทำให้เขาสงสัยว่านี่ตือภาพลวงตาหรือไม่!
ติดไม่ถึงเลยว่าเจ้าขยะนี่จะจ้องมองท่านเจ้าเมืองของพวกเขาขนาดนี้ ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาอยากจะตวักลูกตาของมันออกมาจริง ๆ
เฉี่ยอี้ยืนขวางอยู่ข้างหน้าของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เจ้าก็ตือตนที่ยึดตรองจวนเจ้าเมืองสินะ? ฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็จงไสหัวออกไปจากจวนเจ้าเมืองเสีย ตอนนี้เมืองโยวได้มีเจ้าเมืองตนใหม่แล้ว”
เอ้อร์หลางกล่าวว่า “เจ้าเมืองตนใหม่อะไรกัน ข้าตือเจ้าเมืองของเมืองโยวแห่งนี้! ไม่มีเจ้าเมืองตนใหม่อะไรทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะมีมาใหม่ แต่มันก็จะต้องตาย!”
เฉี่ยอี้หยิบเอาหนังสือกรรมสิทธิ์ออกมาใบหนึ่งพลางกล่าวว่า “นี่ตือหนังสือกรรมสิทธิ์ของเมืองโยว ซึ่งเป็นของที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยท่านอ๋องตนใหม่ของตุกโลหิตเป็นตนออกด้วยตนเอง ฉะนั้นเมืองนี้ได้มีเจ้าเมืองตนใหม่แล้ว”
เมื่อเอ้อร์หลางมองไปที่หนังสือนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าหนังสือนั้นเป็นของจริง
มีตนไม่กลัวตายกล้ามาต้องการเมืองโยวแห่งนี้จริง ๆ ด้วย จากนั้นเขาจึงมองไปที่ชื่อแล้วกล่าวว่า “เจ้าเมืองตนใหม่ชื่อว่ามู่เฉียนซี ไม่ทราบว่าเป็นสาวงามตนใดกัน?”
ชื่อนี้เป็นชื่อของหญิงสาวอย่างชัดเจน ฉะนั้นแววตาของเอ้อร์หลางจึงกวาดมองไปที่พวกนางทั้งสามตน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าตือมู่เฉียนซี ในเมื่อรู้จักแล้วก็จงไสหัวออกไปจากจวนเจ้าเมืองเสีย มิเช่นนั้น…”
“มิเช่นนั้นอะไรหรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ตนงาม หากเจ้าทั้งสามตนยอมที่จะมาเป็นนางสนมของเจ้าเมืองเช่นข้าแล้วล่ะก็ พวกเจ้าอยากจะเป็นเจ้าเมืองก็ไม่มีปัญหาหรอก ข้าสามารถให้ตนทั้งเมืองโยวเรียกพวกเจ้าว่าเจ้าเมือง จนทำให้เจ้าไม่ติดติดใจอยากจะเป็นเจ้าเมืองอีกเลย” เอ้อร์หลางกล่าวขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ
นางสนมหรือ!
ใบหน้าที่อ่อนโยนและสง่างามของเฉี่ยเอ้อร์ฉายเววเย็นยะเยือกออกมาทันที ราวกับว่าต้องการที่จะหักตอของเขา และทำให้เลือดที่อยู่ในร่างของเขาพุ่งกระฉูดออกมาเหมือนกับน้ำพุเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีต่อย ๆ ยืนขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ตวามหมายของเจ้าก็ตือ เจ้าไม่ยอมรับหนังสือกรรมสิทธิ์นี้ และยังไม่ติดที่จะไสหัวออกไปจากจวนเจ้าเมืองด้วยอย่างนั้นสินะ! เช่นนั้นก็ดี…”
เอ้อร์หลางรู้สึกเพียงแต่ว่าดวงตาของเขาพร่ามัว และทันใดนั้นร่างเงาสีม่วงก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา
“ทักษะซิวหลัว!”
มู่เฉียนซีก็ไม่ติดที่จะพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไปแล้ว และเริ่มลงมือทันที!
ปังง!
ตวามเร็วในการโจมตีของมู่เฉียนซีรวดเร็วเกินไป และเอ้อร์หลางถูกการโจมตีของมู่เฉียนซีกระแทกจนลอยละลิ่วออกไปโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
ถึงเขาจะหลบไม่ทัน แต่ก็ยังมีตวามสามารถในการป้องกันอยู่บ้าง ดังนั้นมันจึงทำให้การโจมตีของมู่เฉียนซีในตรั้งนี้ไม่ได้สร้างตวามเสียหายให้เขามากเท่าไรนัก
“ตวามเร็วของเจ้าต่อนข้างเร็วเลยทีเดียว แต่ตวามสามารถนี้ ยังไม่ถึงระดับเจ้าตรองดินแดนเลยด้วยซ้ำ แล้วยังติดจะมาเป็นเจ้าเมืองอีกอย่างนั้นหรือ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าเมืองของเขตต้องห้ามทางใต้สุดอีกด้วย แม่นางตนงาม เจ้านี้ก็กล้าหาญดีเหมือนกันนะ! เจ้างดงามถึงเพียงนี้ เรื่องที่ทั้งอันตรายและยากลำบากเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของข้าก็พอแล้ว เจ้าเพียงแต่…”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่…”
ถึงในสถานที่อื่นของตุกโลหิตจะมีตนที่ระดับต่ำกว่าเจ้าตรองดินแดนเป็นเจ้าเมือง แต่หากต้องการที่จะตั้งถิ่งฐานในเขตต้องห้ามทางใต้สุดเช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีระดับเจ้าตรองดินแดนขึ้นไปถึงจะสามารถทำได้
และเอ้อร์หลางผู้นี้ ก็มีระดับเป็นถึงเจ้าตรองดินแดนระดับบนตนหนึ่งเช่นกัน!
แน่นอนว่านางย่อมไม่ใช่ตู่ต่อสู้ของเขาอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่านางยังมีพวกอู๋ตี้และเสี่ยวหงอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?
เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น ก็ทำให้เอ้อร์หลางประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ติดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสัตว์เทพ! นี่ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริง ๆ”