ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2364 โหดเหี้ยมเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีหยิบกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา “จะตาย หรือว่าจะออกไปจากเมืองโยว? เจ้าเลือกมาสักอย่างเถอะ!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าไม่เลือกอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะข้าเลือกที่จะรับสาวงามอย่างพวกเจ้าทั้งสามคนที่มาหาข้าถึงที่จะดีกว่า” เอ้อร์หลางกล่าวพลางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าหมอนี่ก็เรียกสัตว์อสูรออกมาตัวหนึ่งเช่นกัน และความสามารถของมันยังเทียบเท่ากับอู๋ตี้อีกด้วย “แม้ว่าจำนวนของสัตว์พันธสัญญาของข้าจะเทียบกับเจ้าไม่ได้ แต่ก็แข็งแกร่งกว่า เจ้าพวกนั้นมากนัก คนงาม! หากไม่อยากได้รับบาดเจ็บแล้วละก็ จงมอบตัวแต่โดยดีเถอะ!”
อู๋ตี้กล่าวด้วยความโกรธ “ไอ้หนู พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่ไอ้หนูเท่านั้น! คิดไม่ถึงเลยว่าจะเอาข้าไปเปรียบเทียบกับขยะเช่นนี้ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ”
“ท่านอู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า!”
ทันทีที่คำรามอย่างโกรธเคือง อู๋ตี้จากที่เป็นแมวตัวน้อยก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่มหึมา
และการต่อสู้ใหญ่ระหว่างอู๋ตี้กับสัตว์พันธสัญญาของเอ้อร์หลางก็ได้ระเบิดขึ้นมาแล้ว
มู่เฉียนซีได้ร่วมมือกับเสี่ยวหงส์ที่เป็นสัตว์เทพระดับสามและเสี่ยวโม่โม่ที่ใกล้จะบรรลุเป็นสัตว์เทพระดับสอง จัดการเอ้อร์หลางที่เข้ายึดครองเมืองโยวผู้นี้
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าลงมือที่จวนเจ้าเมือง ผู้ติดตามของเจ้าเมืองเหล่านั้นก็ทยอยกันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ลูกน้องที่อยู่ใต้คำสั่งของเอ้อร์หลางก็มีไม่น้อย แต่พวกเขา ากลับมีแค่ห้าคนเท่านั้น ซึ่งหากเอ้อร์หลางต้องการที่จะจัดการพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
“ท่านเจ้าเมือง!”
“ท่านเจ้าเมือง!”
ตูมมมม!
เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นภายในจวนเจ้าเมือง ทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองโยวต่างตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายเอ้อร์หลางมานานมากแล้วนะ!”
“หรือว่าเอ้อร์หลางต้องการที่จะใช้กำลังกับสาวงามทั้งสามคนนั้น ในเมื่อถูกปฏิเสธ ดังนั้นจึงได้ต่อสู้กันขึ้นมา”
“ไป! ไปดูกันเถอะ!”
ผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นก็ต่างมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง และตอนนี้ลูกน้องของเอ้อร์หลางเหล่านั้นก็เริ่มลงมือโจมตีพวกของเฉี่ยอี้แล้ว
เฉี่ยเอ้อร์กล่าวอย่างอ่อนแอว่า “พวกเจ้าช่างดุร้ายเหลือเกิน! ข้ากลัวมากเลย!”
“คนงาม อย่ากลัวไปเลย! พวกพี่ชายไม่ทำอันตรายเจ้าแน่นอน ขอเพียงแค่เจ้าให้ร่วมมืออย่างเชื่อฟัง พวกเราจะอ่อนโยนกับเจ้าเอง” เมื่อได้เห็นท่าทางที่น่าสงสารของสาวงาม มันก็ทำให้น้ำเส สียงที่เคยดูดุดันของเจ้าพวกนี้เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที
แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า สาวงามอ่อนแอที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาผู้นี้เป็นถึงหนามโลหิตที่โหดร้าย ซึ่งเป็นคนที่ทั้งโหดเหี้ยมและโลภมากคนหนึ่ง
และในตอนที่พวกเขาเข้ามาใกล้ หนามที่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็โจมตีพวกเขาจนกลายเป็นรูพรุนราวกับตะแกรงไปเลยทีเดียว
ตึง ตึง ตึง!
และผู้คนที่ล้อมอยู่รอบตัวเฉี่ยเอ้อร์เหล่านั้น ต่างก็ล้มลงท่ามกลางกองเลือด
พรวด พรวด พรวด!
ในตอนที่มือของเฉี่ยซานกำลังเข้าใกล้หน้าอกของมนุษย์ เขาก็ได้กลายร่างเป็นร่างเดิมและแตกกิ่งก้านออกมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ทะลุเข้าไปในอกของศัตรู
พรวด พรวด พรวด
ความเร็วของเขารวดเร็วเกินไป ทำให้คนเหล่านั้นยังไม่ทันที่จะได้ออกกระบวนท่าเลยด้วยซ้ำ ทว่าพวกเขาแต่ละคนกลับโดนแทงทะลุหัวใจจนตายไปเสียแล้ว
เมื่อเทียบความโหดเหี้ยมของเฉี่ยซาน วิธีของเฉี่ยอี้ไม่ได้มีการนองเลือดมากเท่าไรนัก
เพราะเขาเพียงแค่โบกมือ คอของพวกเขาแต่ละคนก็หักไปทันทีเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับอาวุธสังหารอย่างทั้งสามคนแล้ว เยาเยี่ยกลับยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น น้อย
ขาทั้งสองข้างวางซ้อนกัน ดวงตาที่สวยหยาดเยิ้มคู่นั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวน และทันใดนั้นจิตวิญญาณของพวกเขาเหล่านี้ก็หายไปทันที
“ผู้ใดกล้าทำร้ายสาวงามของข้า ก็ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!”
“เจ้ามีสิทธิ์อะไร ถึงได้กล้ามาแย่งคนของข้า!”
“ไปตายซะเถอะ!”
ปัง ปัง ปัง!
คิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะเริ่มต่อสู้กันเองขึ้นมาแล้วจริง ๆ แต่ทว่าเยาเยี่ยกลับไม่ได้ขยับเลยแม้แต่ปลายนิ้ว
นางเพียงแค่เหลือบมองพวกเขาเหล่านี้ ก็ทำให้พวกเขามาหลงใหลนางได้แล้ว
เยาเยี่ยลูบคางของนางพลางกล่าวว่า “ไม่มีความท้าทายเลยแม้แต่น้อย ท่านจื่อโยวยังยอดเยี่ยมกว่าเสียอีก ไม่ว่าข้าจะใช้เสน่ห์อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้เขาลุ่มหลง และทำให้เขา ทุ่มเทให้ข้าอย่างแท้จริงได้!”
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงและเสี่ยวโม่โม่ระเบิดเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาโจมตีเอ้อร์หลางนั่น
และมู่เฉียนซีก็ระเบิดพลังวิญญาณทั้งสามธาตุออกมาอย่างกะทันหันเช่นกัน!
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
“เพลิงนภาพิฆาต!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุหรือ?” มู่เฉียนซีระเบิดพลังความสามารถออกมา ซึ่งมันก็ทำให้เอ้อร์หลางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“แม่สาวน้อยที่มีระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดนอย่างเจ้า คิดว่าข้าจะกลัวจริง ๆ อย่านั้นหรือ?” ว่าแล้วเขาก็โบกมือออกมาพร้อมกับพลังอันมหาศาล
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
จากนั้นร่างสีม่วงก็สว่างวาบขึ้นมาทันที และมู่เฉียนซีก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ เพื่อหลบหลีกการโจมตีของเอ้อร์หลาง
ปัง ปัง ปัง!
นอกจากการโจมตีจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว เขายังต้องเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของสัตว์เทพทั้งสองตัวอีกด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเอ้อร์หลางมืดมนลงทันที
เจ้าพวกขยะเหล่านั้นนี่! เหตุใดถึงได้ไม่มาช่วยข้า?
และเรื่องที่ทำให้เอ้อร์หลางยากที่จะเชื่อก็คือ เหล่าลูกน้องไร้ประโยชน์เหล่านั้นของเขา ได้กลายเป็นศพนอนอยู่บนพื้นไปหมดแล้ว
ทั่วทั้งเมืองโยว เขาไม่มีกำลังคนเหลืออยู่อีกแล้ว เพราะทั้งหมดล้วนถูกฆ่าตายไปแล้วนั่นเอง
พวกเขาถูกฆ่าไปตั้งแต่เมื่อไรกัน? คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นมันเลย
สีหน้าของเอ้อร์หลางเปลี่ยนไปทันที การที่ลูกน้องของตนเองตายไปจนหมดเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเป็นอย่างมาก
“ทักษะซิวหลัว!”
ในตอนที่เขาตกอยู่ในสภาวะสับสน มู่เฉียนซีก็ได้ปลดปล่อยทักษะการโจมตีออกมา
การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้เหมือนกับการถือกำเนิดของเทพซิวหลัวก็มิปาน ซึ่งมันก็ทำให้ร่างของเขากระเด็นออกไปทันที
ตึง!
และร่างของเอ้อร์หลางลอยกระเด็นออกไปนอกจวนเจ้าเมืองอย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกหญิงสาวที่มีความสามารถไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนเช่นนี้โจมตีจนกระเด็นออกมาได้ เอ้อร์หลางยากที่จะเชื่อได้จริง ๆ
คนที่มามุงดูสถานการณ์ต่างก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “เอ้อร์หลาง…คิดไม่ถึงเลยว่าเอ้อร์หลางจะไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังถูกคนโจมตีจนลอยกระเด็นออกมาจากจวนเจ้าเมืองอีก”
“ดูเหมือนว่าสาวงามทั้งสามน่าจะไม่ง่ายเลย! หรือผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างกายพวกนางทั้งสามคนจะแข็งแกร่งมากกันนะ!”
เดิมทีพวกเขาคาดเดาว่าพวกของมู่เฉียนซีทั้งห้าคนจะร่วมมือกันถึงได้ทำร้ายเอ้อร์หลางอย่างรุนแรงเช่นนี้ได้ แต่ทว่าในตอนที่พวกเขาเห็นร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งนั้นพุ่งทะยานออกมา ก ก็ค้นพบว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้แม้แต่น้อย
แม่สาวน้อยในชุดสีม่วงผู้นั้น มีแววตาที่เย็นยะเยือก และในมือของนางก็ยังมีกระบี่เปลวเพลิงที่ดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายล้างโลกได้ก็มิปานอยู่ด้วย
ทันทีที่กวัดแกว่งกระบี่ เปลวเพลิงนั้นก็เปลี่ยนกลายเป็นมังกรเพลิงพุ่งเข้าโจมตีเอ้อร์หลางในทันที
“เก้าอัคคีพิฆาต”
“คิดว่าอาศัยของเหล่านี้จะสามารถจัดการข้าได้อย่างนั้นหรือ ไม่มีทางหรอก!” เอ้อร์หลางที่จนตรอก พุ่งทะยานเข้าใส่มู่เฉียนซีอีกครั้ง
จากนั้นลำแสงสีแดงและลำแสงสีดำก็เข้าจู่โจมใส่เอ้อร์หลาง และกลางอากาศก็เกิดเสียง ตูมมม! ดังสนั่นหวั่นไหวออกมา
“คนเดียว…ผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียวทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึงสองตัว ความสามารถยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เอ้อร์หลางต้องเสียหายครั้งใหญ ญ่เช่นนี้”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุ คิดไม่ถึงเลยว่าคุกโลหิตจะมีผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุปรากฏตัวขึ้นมา นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
“……”
เมื่อฝูงชนได้เห็นการต่อสู้ที่อยู่บนท้องฟ้า ก็เริ่มพูดคุยกันขึ้นมาทันที
“พลังในการต่อสู้เช่นนี้ของหญิงสาวผู้นั้น ถึงจะอยู่ในระดับเจ้าครองดินแดนแต่คาดว่าน่าจะทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น แต่เอ้อร์หลางเป็นเจ้าครองดินแดนระดับบนที่มีประสบกา ารณ์การต่อสู้มาแล้วนับร้อยครั้ง และถึงแม้หญิงสาวผู้นั้นจะมีสัตว์เทพถึงสองตัว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะได้! ข้ารู้สึกว่าควรฉวยโอกาสตอนที่เอ้อร์หลางยังไม่บ้าคลั่งรีบออกไ ไปก่อนจะดีกว่า มิเช่นนั้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไปสาวงามผู้นั้นต้องตายเป็นแน่”
มีคนกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นเลยหรือ? ต่อสู้กันมาถึงขนาดนี้ แล้วลูกน้องของเอ้อร์หลางเหล่านั้นล่ะ! แล้วเหตุใดถึงไม่ลงมือเสียที?”
“นี่มันผิดปกติ! หรือว่าเอ้อร์หลางต้องการที่จะต่อสู้แบบสามต่อหนึ่งอย่างนั้นหรือ?”
ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ ว่าลูกน้องเหล่านั้นของเอ้อร์หลางได้ถูกฆ่าไปจนไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว
เปลวเพลิงสีดำได้รวบรวมพลังแห่งความมืดที่อยู่ในอากาศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้เสี่ยวโม่โม่ก็เลื่อนขั้นแล้ว
เสี่ยวโม่โม่ที่อายุยังน้อย เติบโตเร็วเกินไป เพราะตอนที่กลายเป็นหงส์นิลแห่งความมืดมันก็เป็นสัตว์เทพระดับหนึ่งแล้ว
สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีก็ไม่อยากที่จะให้นางเลื่อนขั้นเร็วจนเกินไป แต่ต้องการให้มันมีรากฐานที่มั่นคงมากกว่า
เนื่องจากว่าพลังธาตุแห่งความมืดในแดนนรกมีความแข็งแกร่งมาก และเมื่อเสี่ยวโม่โม่สามารถดูดซับพลังนี้ได้อย่างอิสระ ฉะนั้นมันย่อมทำให้มันสามารถบรรลุได้แน่นอนอยู่แล้ว