ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2365 พวกเขาไร้เดียงสา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่กำลังจะบรรลุเป็นสัตว์เทพระดับสองแล้ว เจ้าช่วยไปคุ้มครองนางหน่อย! จากนั้นก็นำพาให้นางบรรลุให้ได้ และอย่าให้ผู้ใดมารบกวนนาง”
เสี่ยวหงกล่าวว่า “แต่นายท่าน ท่านต้องจัดการกับเจ้าหมอนี่เพียงลำพังไม่ใช่หรือขอรับ?”
“ไม่มีปัญหา ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว
“ขอรับ!”
เสี่ยวโม่โม่กำลังจะเลื่อนขั้น ส่วนเสี่ยวหงก็ไปคุ้มครองเสี่ยวโม่โม่ จึงทำให้นางต้องต่อสู้กับเอ้อร์หลางเพียงลำพัง
“ในเมื่อไม่มีสัตว์พันธสัญญาคอยช่วยเหลือเจ้า สำหรับข้าแล้วเจ้าอ่อนแอมาก!” เอ้อร์หลางกล่าวพลางจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี
“เจ้าจะลองดูก็ได้นะ!”
ผู้คนกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เหตุใดแม่นางถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้กันแน่? นางไม่ควรที่จะปล่อยสัตว์พันธสัญญาของนางให้เลื่อนขั้น และร่วมมือกันจัดการเอ้อร์หลางให้ได้หรือว่าล่าถอยไ ไปก่อนถึงจะถูกสิ! หากนางถูกเอ้อร์หลางทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส สัตว์พันธสัญญาทั้งสองตัวของนางก็คงจะน่าสังเวชมาก และก็คงไม่สามารถเลื่อนขั้นได้สำเร็จเป็นแน่”
“นางจะคิดผิดเกินไปแล้ว!”
มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาเพื่อหลบหลีกการโจมตีของเอ้อร์หลางครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนต่างอกสั่นขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน
ด้วยความสามารถของนางหากถูกเจ้าครองดินแดนระดับบนอย่างเอ้อร์หลางโจมตี นางจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
พวกของเฉี่ยอี้รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเมื่อเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ “เยาเยี่ย พวกเราไม่จำเป็นต้องฆ่าเจ้าขยะนั่นจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ข้ากลัวว่าท่านเจ้าเมืองจะได้รับบาดเจ็บ”
สีหน้าของเฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซานเผยความกังวลออกมา
เยาเยี่ยกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองสั่งเอาไว้แล้ว ว่าหากนางไม่ได้สั่งให้พวกเราลงมือ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่สามารถลงมือได้! นอกจากนี้พวกเจ้าอย่าประเมินท่านเจ้าเมืองของพวกเราต่ำเกินไป ปนักเลย มิเช่นนั้นนางอาจจะโกรธเอาได้! อย่างที่พวกเจ้าก็รู้ นางเป็นถึงเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตเชียวนะ!”
เฉี่ยอี้ชื่นชมมู่เฉียนซีอย่างที่สุด แม้จะรู้ว่าความสามารถของมู่เฉียนซีไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดน และหากพวกเขาแค่ขยับมือก็มีความสามารถพอที่จะบดขยี้นางได้เลยด้วยซ้ำ แต่ทว่ากลับ บไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกนางเลยสักคน
ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองจะมีพลังอันแข็งแกร่ง และพลังนี้ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับระดับอีกด้วย
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ทำให้เอ้อร์หลางโมโหเป็นอย่างมาก
พลังวิญญาณของเขาระเบิดออกมาจนหมด และลมที่บ้าคลั่งก็พัดเอาชุดคลุมของเขาออกไป
“น่าเสียดายเกินไปแล้ว! เจ้าหน้าตางดงามถึงเพียงนี้ หากไม่ยั่วยุให้ข้าโกรธเคือง ข้าก็ไม่อยากที่จะฆ่าเจ้าหรอก! แต่ทว่าตอนนี้ข้าโกรธมากแล้วจริง ๆ ฉะนั้นก็จงตายเสียเถอะ!”
และพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่ซ่านออกมา!
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ความเร็วของมู่เฉียนซีมีความเร็วที่รวดเร็วมาก อีกทั้งนางยังพยายามหลบหลีกอย่างเต็มที่อีกด้วย!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไปจากมือของนาง จากนั้นมันก็โจมตีเข้าใส่เอ้อร์หลางจากมุมอับต่าง ๆ
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!”
ทว่าเข็มยาเหล่านั้นไม่สามารถเข้าใกล้ร่างกายของเจ้าครองดินแดนระดับบนได้เลย ฉะนั้นการโจมตีทั้งหมดของมู่เฉียนซีจึงเสียเปล่าอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่เขากำลังสกัดกั้นเส้นทางหนีของมู่เฉียนซี เพื่อลงมือสังหารนาง ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีดำตกลงมาจากท้องฟ้า และร่างของเขาก็ถูกปกคลุมเอาไว้
นี่คือเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืด ซึ่งมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
เสี่ยวโม่โม่เลื่อนขั้นได้แล้ว!
สายตาของผู้คนเบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน ไม่จริงน่า! ไม่เคยเห็นสัตว์เทพที่ไหนเลื่อนขั้นได้ไวขนาดนี้มาก่อนเลย!
ดูเหมือนว่าความเร็วในการเลื่อนขั้นของเสี่ยวโม่โม่จะเหนือกว่าที่เอ้อร์หลางคาดการณ์เอาไว้ ดังนั้นเอ้อร์หลางจึงต้องพบเจอโศกนาฏกรรมเช่นนี้!
“อ๊ากก! อ๊ากก! เจ้าไฟบัดซบนี่”
ในตอนที่เอ้อร์หลางกรีดร้องออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด มู่เฉียนซีก็โบกสะบัดกระบี่มังกรเพลิง และเพิ่มเปลวไฟเข้าไปอีกครั้ง
“เพลิงนภาพิฆาต!”
เสี่ยวหงกล่าว “ข้ามาแล้ว!”
“โฮกกกก!” ภายในจวนเจ้าเมือง มีเสียงร้องคำรามของสัตว์ดังก้องออกมา
“นะ…นั่นสัตว์อสูรพันธสัญญาของเอ้อร์หลางมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้ร้องคำรามอย่างน่าสังเวชขนาดนั้นล่ะ?” เมื่อทุกคนได้ยินเสียงต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากที่สัตว์อสูรของเอ้อร์หลางกรีดร้องอย่างน่าสังเวชเป็นครั้งสุดท้าย มันก็ได้ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างสมบูรณ์
จากนั้นร่างสีขาวร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานออกมา “นายท่าน ข้ามาช่วยท่านแล้ว!”
ปังง!
แต่ทว่าในตอนที่อู๋ตี้มาถึง ก็เห็นว่าเอ้อร์หลางได้ถูกเปลวเพลิงแผดเผาอย่างน่าสมเพชและตอนนี้ก็ได้ล้มฟุบลงไปกับพื้น และเหลือเพียงครึ่งชีวิตแล้ว
อู๋ตี้กล่าวว่า “ชิ! นี่ก็ไร้ประโยชน์เหมือนกัน! อย่างน้อยก็น่าจะรอให้ท่านอู๋ตี้ผู้นี้มาแสดงพลังก่อนสักหน่อยสิ!”
เอ้อร์หลางพ่ายแพ้แล้ว และลูกน้องของเขาก็ไม่ออกมาช่วยเหลือเลยแม้แต่คนเดียว
นอกจากแมวน้อยสีขาวที่พุ่งทะยานออกมาจากจวนเจ้าเมืองแล้ว ก็ยังมีชายอีกสองคนและหญิงสาวอีกสองเดินออกมา
ซึ่งแม้แต่เส้นผมของพวกเขาก็ยังไม่ยุ่งเหยิงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมองดูแล้วก็ดูสง่างามเป็นอย่างมาก
เฉี่ยอี้เดินมาหยุดอยู่ตรงข้างร่างของเอ้อร์หลาง พลางกล่าวอย่างรังเกียจว่า “ช่างสกปรกจริง ๆ! เพราะเจ้าไม่ฟังคำแนะนำของเจ้าเมืองของข้า จึงได้เป็นเช่นนี้อย่างไรล่ะ”
เมื่อเอ้อร์หลางนึกถึงสภาพการตายที่น่าสังเวชของลูกน้องเหล่านั้นของตนเองขึ้นมา สีหน้าก็ขาวซีดขึ้นมาอย่างฉับพลัน พลางกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ท่านเจ้าเมือง โปรดไว้ชีวิตด้วย! เป็นเพราะข้าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ และคิดอยากจะยึดครองตำแหน่งเจ้าเมือง ข้ารู้ความผิดของตนเองแล้ว อย่าฆ่าข้าเลย อย่าฆ่าข้าเลยขอรับ!”
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงได้เห็นเอ้อร์หลางผู้เย่อหยิ่งร้องห่มร้องไห้ขอความเมตตา เจ้าเมืองหรือ? เขาไม่ใช่เจ้าเมืองแล้วอย่างนั้นหรือ?
ตอนนี้เพื่อที่จะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ เขาจึงยอมสละแม้แต่ตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับหญิงสาวในชุดม่วงผู้นี้
เฉี่ยอี้หยิบหนังสือกรรมสิทธิ์ของเมืองโยวออกมาแล้วประกาศว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าเมืองของพวกข้าจะมาเป็นเจ้าเมืองที่แท้จริงของเมืองโยวแห่งนี้ และหากมีผู้ใดไม่เชื อฟัง ก็จะฆ่าทิ้งอย่างไรความเมตตาทันที!”
ส่วนชีวิตของเอ้อร์หลาง จะยังคงปล่อยเอาไว้ก่อนชั่วคราว
อย่างไรเสียก็จำเป็นที่จะต้องกวาดเงินและรายได้ทุกประเภทที่เขาเคยครอบครองในตำแหน่งเจ้าเมืองออกมาให้หมด ซึ่งมู่เฉียนซีก็กวาดสิ่งของเหล่านั้นทั้งหมดไปจนสิ้น ราวกับสายลมที่พั ดพาฤดูใบไม้ร่วงไปก็มิปาน
มุมปากของเอ้อร์หลางกระตุกอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาไม่ได้มาเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าเมือง แต่มาเป็นโจรต่างหาก
มู่เฉียนซีได้ประกาศออกไปว่า หากมีผู้ใดไม่พอใจที่นางมาเป็นเจ้าเมือง ก็สามารถมาท้าทายได้ หากเอาชนะได้ละก็ นางจะมอบตำแหน่งเจ้าเมืองและหนังสือกรรมสิทธิ์ให้คนผู้นั้น
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหากสามารถเอาชนะมู่เฉียนซีได้ ก็จะสามารถกลายเป็นเจ้าเมืองอย่างแท้จริงได้ ซึ่งมันก็ไม่เหมือนกับเอ้อร์หลางก่อนหน้านี้ ซึ่งมีเพียงเขาที่เรียกตัวเองด้วย ชื่อนั่นเท่านั้น
แต่ทว่า ก็ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอยู่ดี!
นี่กำลังล้อเล่นอย่างนั้นหรือ? ให้ต่อสู้กับสัตว์เทพระดับสามถึงสองตัว และยังมีสัตว์เทพระดับสองอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีพลังในการต่อสู้เทียบเท่ากับเจ้าครองดินแดนระดับล่าง อีกทั้งย ยังมีความเร็วอันวิปลาสที่แม้แต่เจ้าครองดินแดนระดับบนก็ทำอะไรไม่ถูกอีกด้วย พวกเขาไม่ใช่คนที่จะรนหาที่ตายเสียหน่อย
นอกจากนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกน้องของเอ้อร์หลาง พวกเขาทั้งหมดได้ตายอย่างน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง แล้วจะให้พวกเขากล้าไปต่อสู้กับคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เนื่องจากว่ามู่เฉียนซีรับผิดชอบเมืองหนามโลหิต ฉะนั้นเมืองโยวจึงจำเป็นที่จะมีผู้ช่วยเจ้าเมืองสักคนหนึ่ง
ซึ่งหลังจากที่มู่เฉียนซีได้ประกาศออกไปแล้ว ก็มีคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
มีผู้คนมากมายที่มาลงชื่อที่จวนเจ้าเมือง แต่ทว่าเจ้าเมืองมีข้อกำหนดเพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหากต้องการจะเป็นรองเจ้าเมืองของเมืองโยว จะต้องผ่านการประเมินให้ได้ก่อน
และเนื้อหาในการประเมินก็คือ สามารถเข้าไปในเมืองหนามโลหิตได้สำเร็จนั่นเอง
เมื่อผู้คนไม่น้อยได้ยินก็หน้าซีดเผือดกันขึ้นมาทันที แม้จะมีข่าวลือว่าเมืองหนามโลหิตในเวลานี้มีเจ้าเมืองแล้ว อีกทั้งยังเคยเรียกรวบรวมคนมาก่อน แต่ก็ยังไม่มีคนกล้าไปอยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาที่อยู่ในเขตต้องห้ามใต้สุด ต่างรู้ชื่อเสียงที่เลวร้ายของเมืองหนามโลหิตเป็นอย่างดี ฉะนั้นย่อมไม่มีผู้ใดกล้าไปรนหาที่ตายอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวกับเอ้อร์หลางว่า “หากเจ้าอยากที่จะเป็นรองเจ้าเมือง เจ้าก็สามารถไปลองดูได้เช่นกัน”
“ไม่! ข้าไม่อยาก ให้ท่านฆ่าข้าเสียยังดีกว่า! ท่านไม่รู้ว่าหนามโลหิตที่เมืองหนามโลหิตนั้นน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด พวกเขาสามารถดูดเลือกมนุษย์ให้แห้งได้ภายในพริบตา และยัง… .”
ในตอนที่ได้ยินเอ้อร์หลางพูดถึงความน่ากลัวของพวกมันด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ทั้งเฉี่ยอี้ เฉี่ยเอ้อร์ และเฉี่ยซานต่างก็รู้สึกว่าตนเองไร้เดียงสามากจริง ๆ! ผู้ใดกันแน่ที่พยาย ยามทำให้พวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงถึงเพียงนี้!
พวกเขาคือพืชกลายพันธุ์ที่สง่างามที่สุดของคุกโลหิต และยังรังเกียจเลือดสด ๆ อีกต่างหาก!