ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2366 ควรจะขอบคุณนาง
แต่ทว่าภายในเมืองโยวก็ยังมีคนที่กล้าหาญอยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้ตำแหน่งรองเจ้าเมืองก็ค่อนข้างน่าดึงดูด ฉะนั้นจึงทำให้มีผู้คนมากมายเริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองหนามโลหิต กันแล้ว
และก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีผู้ใดกลับมาเลยแม้แต่คนเดียว
และชื่อเสียงที่เลวร้ายของเมืองหนามโลหิตก็โด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีคนของเมืองโยวกล้าไปรนหาที่ตายอีกเลย
เอ้อร์หลางกล่าวว่า “ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าจะไม่มีคนรอดชีวิตกลับมา ท่านเจ้าเมือง ไม่มีผู้ใดเข้าใจเมืองโยวได้ดีไปกว่าข้าอีกแล้ว ตำแหน่งรองเจ้าเมือง ท่านก็มอบให้ข้าเถอะ!”
เขารู้สึกว่า ไม่มีผู้ใดสามารถเป็นรองเจ้าเมืองได้ เช่นนั้นสำหรับมู่เฉียนซีแล้วเขายังถือว่ามีประโยชน์อยู่มากทีเดียว ฉะนั้นเขาจะต้องไม่ถูกฆ่าแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เฉี่ยอี้ เจ้านี่ข้ามอบให้เจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”
“ขอรับ ท่านเจ้าเมือง!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีออกไปแล้ว เฉี่ยอี้ก็แปลงเป็นร่างจริงต่อหน้าต่อตาเอ้อร์หลางอย่างสนุนสนาน
เอ้อร์หลางกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “โล…หนามโลหิต…เจ้า…”
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “ข้าให้เจ้าได้เห็นร่างจริงของข้า เป็นเพราะอยากบอกเจ้าว่า ข้าไม่ได้มีความสนใจในเลือดที่สกปรกของเจ้าเลยแม้แต่น้อย! และตอนนี้เหล่าเด็ก ๆ ของเมืองหนามโลหิต ก็ไม่ดูดเลือดอีกแล้ว ขอเพียงแค่คนเหล่านั้นกล้าไปก็สามารถผ่านการทดสอบได้แล้วล่ะ ฉะนั้นเมืองโยวจะต้องมีรองเจ้าเมืองที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ส่วนเจ้า…ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต ต้องตายแล้ว”
พรวดด!
เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นออกมา ทว่าเลือดสดเหล่านี้ไม่ได้ดึงดูดเฉี่ยอี้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เฉี่ยอี้ดื่มยาน้ำขวดหนึ่งเข้าไปราวกับดื่มน้ำก็มิปานเสร็จ เขาก็กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ท่านเจ้าเมือง เมืองที่พวกเราจะไปต่อคือเมืองไหนหรือขอรับ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราค่อย ๆ ไปทีละเมือง และเมืองต่อไปก็คือเมืองเยว่ซาง”
จาดนั้นกลุ่มของพวกเขาก็เดินทางไปยังเมืองเยว่ซางอย่างยิ่งใหญ่ และในตอนที่พวกเขาเดินเข้าไปในเมือง เจ้าเมืองเยว่ซางก็ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
“ทุกท่านมากันไกลมากแล้ว หากไม่รังเกียจแล้วละก็ เชิญไปพักที่จวนเจ้าเมืองของข้าก่อนเถิดขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ข้าเองก็มีเรื่องที่อยากจะไปคุยกับเจ้าที่จวนเจ้าเมืองอยู่พอดี”
“ได้เลยขอรับ!” เขากล่าวตอบ
หลังจากนั้นไม่นานคนของเมืองเยว่ซางต่างก็รู้ว่า มีสาวงามถึงสามคนมายังเมืองเยว่ซางของพวกเขา
และการที่ท่านเจ้าเมืองออกไปต้อนรับด้วยตนเองเช่นนี้ แปลว่าจะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่
หลังจากที่มาถึงจวนเจ้าเมืองแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาอย่างตรงประเด็นว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเองก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว ว่าไม่นานก่อนหน้านี้กรรมสิทธิ์ของเมืองเยว่ซางได้เป็นของผู้อื นไปแล้ว และคนคนนั้นก็คือข้าเอง”
มู่เฉียนซีได้หยิบเอาหนังสือกรรมสิทธิ์ออกมา แล้วกล่าวกับเขาว่า “เมืองนี้ไม่ได้เป็นของเจ้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บของแล้วออกไปตอนนี้ หรือสามารถเลือกที่จะสู้ กับข้าก็ได้”
เขากล่าวว่า “ข้าต้ายเหยียน ดูแลเมืองเยว่ซางมาเป็นเวลานานมากแล้ว พอแม่นางมาก็ให้ข้าสละตำแหน่งทันทีเช่นนี้ มันจะดูไม่สมเหตุสมผลเกินไปหน่อยอย่างนั้นหรือ! นอกจากนี้เจ้ารับประกัน นได้หรือไม่ว่าเจ้าจะสามารถดูแลเมืองเยว่ซางได้น่ะ?”
“ไม่มีอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล อาณาเขตทั้งหมดของคุกโลหิตล้วนเป็นของท่านอ๋องแห่งคุกโลหิต และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมืองที่ยังไม่มีเจ้าเมือง และเขาก็ได้มอบเมืองเยว่ซางให้ข้าแล้ว เ เช่นนั้นเมืองแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นเมืองของข้า” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึม
“ท่านอ๋องคุกโลหิตของพวกเราเป็นบุคคลระดับไหนกัน จะมาสนใจเมืองเล็ก ๆ ที่ห่างไกลแห่งนี้ได้อย่างไร แม่นางน้อย อย่าดึงท่านอ๋องมาข่มขู่ข้าเลย จงฉลาดกว่านี้หน่อยเถอะ! เจ้าควร ที่จะมอบหนังสือนั้นให้ข้า หลังจากนั้นก็ออกไปจากเมืองเยว่ซางเสียเถอะ! อย่าคิดว่าเพียงแค่สามารถจัดการเจ้าขยะนั่นที่เมืองโยวได้ แล้วจะมาท้าทายข้าได้เหมือนกัน” แววตาของต้า ายเหยียนสว่างวาบขึ้นมาทันที
เมืองโยวอยู่ห่างจากเมืองเยว่ซางไม่มากเท่าไรนัก และเขาก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังมา เขาจึงได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเอง เ เพื่อที่จะตรวจสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา
ความสามารถของทั้งห้าคนไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่สาวน้อยผู้นี้ ที่มีระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ ก็แค่อาศัยว่ามีจำนวนสัตว์เทพมากกว่าเท่านั้นเอง คิดไม่ ถึงเลยว่าจะกล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในสายตาของข้า เจ้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้าขยะที่เมืองโยวนั่นเลย ต่างก็รนหาที่ตายเหมือนกันหมด”
“ข้าว่าคนที่รนหาที่ตาย น่าจะเป็นเจ้าถึงจะถูก!” เนื่องจากมู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยาบคาย จึงทำให้ต้ายเหยียนโมโหขึ้นมาเช่นกัน
ทันใดนั้น พลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวก็จู่โจมใส่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหลบหลีกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่…”
พลังจิตวิญญาณของนางแพร่กระจายออกไป และก็ค้นพบว่ามีกองกำลังจำนวนมากล้อมรอบจวนเจ้าเมืองของเมืองเยว่ซางเอาไว้แล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว
ต้ายเหยียนถูกพวกของอู๋ตี้ เสี่ยวหงล้อมรอบอยู่กลางอากาศ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าชื่อว่ามู่เฉียนซีใช่หรือไม่! ข้าควรที่จะขอบคุณเจ้าที่จะมอบกรรมสิทธิ์เมืองเยว่ซางให้กับข้ า มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากเพียงใด ถึงจะสามารถทำให้ราชทินนามระดับสูงเหล่านั้นยอมมอบเมืองเยว่ซางให้ข้าได้”
“เดิมทีคิดว่าคนที่ครอบครองเมืองเยว่ซางเป็นคนขี้ขลาดคนหนึ่ง และไม่กล้าที่จะรับช่วงต่อมาตลอด แต่ตอนที่ได้รู้ว่าเมืองโยวถูกคนชิงไป ข้าก็รู้ว่าโอกาสของข้าได้มาถึงแล้ว”
“ตำแหน่งเจ้าเมืองของเมืองเยว่ซางแห่งนี้ เป็นของข้าต้ายเหยียน หากเจ้าต้องการ เช่นนั้นก็จงตายอยู่ที่เมืองเยว่ซางของข้าเสียเถอะ!”
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้น และขวางหน้าอู๋ตี้กับเสี่ยวหงเอาไว้
ความสามารถของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับเจ้าครองดินแดนระดับบน ซึ่งมีความสามารถที่ด้อยกว่าต้ายเหยียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากที่ต้ายเหยียนได้รู้ถึงความสามารถของมู่เฉียนซี ก็ได้เตรียมพร้อมไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาได้ใช้เงินจำนวนมากในการเชิญเจ้าครองดินแดนระดับบนมาช่วยเหลือ เพื่อรับประกันว่าจะไม่ พลาดถูกคนอื่นเอาไปได้
ลูกน้องที่เป็นกำลังพลชั้นยอดกว่าหมื่นคนได้ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อจัดการอีกสี่คนที่เหลือ ซึ่งเพียงเท่านี้ก็น่าจะเกินพอแล้ว
เหตุผลที่เอ้อร์หลางถูกฆ่า นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้านั่นมันโง่เขลา ทว่าเขาไม่มีทางที่จะผิดพลาดแบบนั้นแน่นอน
ถึงจะต้องเผชิญหน้ากับกำลังรบเช่นนี้ แต่สีหน้าของสาวน้อยในชุดคลุมสีม่วงก็ยังคงสงบนิ่งอยู่เช่นเคย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเจ้าจะเตรียมพร้อมไว้มากมายแค่ไหน ก็ยังต้องถูกบดขยี้อย่างง่ายดายอยู่ดี”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พลังที่แข็งแกร่งกว่าอย่างนั้นหรือ แม่นางน้อย รอให้เจ้าอยู่ในระดับใต้เท้าให้ได้ก่อนค่อยมาพูดคำนี้เถิด! เพราะคนที่แม้แต่ระดับเจ้าครองดินแดนก็ยังไม่ถึงเช่นเจ้า พูดเช่นนี้ออกมา มันช่างเป็นเรื่องที่ตลกมากจริง ๆ” ต้ายเหยียนกล่าวพลางหัวเราะขึ้นมา
“พวกเจ้าทั้งสอง ฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นซะ ข้าจะจัดการนางผู้หญิงคนนี้”
“ไม่มีปัญหา!”
ตูมมม!
อู๋ตี้และเสี่ยวหงปะทะกับเจ้าครองดินแดนระดับบนอย่างดุเดือด
มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาเข้าใกล้ต้ายเหยียน จากนั้นก็ใช้พลังทำลายล้างโจมตีเขาจากระยะใกล้
ร่างกายของต้ายเหยียนสั่นเทาเล็กน้อย เขากล่าวว่า “การฝึกฝนทักษะทางจิตวิญญาณช่างแข็งแกร่งจริง ๆ!”
“แต่น่าเสียดาย ที่ระดับของเจ้านั้นอ่อนแอจนน่าสงสารเกินไปหน่อย!”
“ตายซะเถอะ!”
ตอนที่ต้ายเหยียนโจมตีกลับ ก็มีเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดพัดโหมกระหน่ำเข้ามา และเสี่ยวโม่โม่ที่เป็นถึงสัตว์เทพระดับสองก็ร่วมมือกับมู่เฉียนซีจัดการกับเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนกำลังพลนับหมื่นเหล่านั้น ก็ไม่ได้ต่างไปจากกองกำลังที่ไม่เอาไหนของเมืองโยวเลยแม้แต่น้อย
เยาเยี่ยยกกระโปรงของตนเองขึ้นอย่างแผ่วเบา มันจึงทำให้ขาอันเรียวยาวของนางปรากฏวับ ๆ แวม ๆ ขึ้นมา ซึ่งมันก็ทำให้คนเหล่านั้นเลือดกำเดาไหลออกมาอย่างอดไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้จะมีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว!
เฉี่ยเอ้อร์กล่าวอย่างอ่อนโยน “ทุกท่านอย่าใจร้อนสิ! ข้า…พวกข้าค่อยต่อสู้กับทุกท่านทีหลังดีหรือไม่? เจ้านายของข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะต้องฆ่าพวกท่านหรือไม่? หากสาวน้อยอย่าง งข้าฆ่าพวกท่านไปหมดก็คงจะไม่ดีแน่”
คนหนึ่งก็มีเสน่ห์ อีกคนหนึ่งก็อ่อนโยน แต่มันกลับทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจนขนลุกขนชันขึ้นมา
ในตอนที่มู่เฉียนซีปะทะกับต้ายเหยียนครั้งแรก นางไม่ได้มีความเหนือกว่าแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบเท่าไรนักเช่นกัน
เมื่อต้ายเหยียนเห็นว่าคนของเขาไม่ยอมลงมือ ก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “แค่ผู้หญิงสองคนก็ทำให้พวกเจ้าขยับไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ เจ้าพวกไร้ประโยชน์! จับพวกนางให้ได้ก่อน หาก ทำใจฆ่าไม่ได้ก็เหลือชีวิตเอาไว้ ถือเป็นรางวัลให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”