ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2368 ยั่วยุโดยตรง
คนอื่นก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แต่เฉี่ยอี้นั้นรู้ดีมากว่า นั่นเป็นเพราะว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาเป็นนักปรุงยาคนหนึ่งอย่างไรล่ะ!
นอกจากนี้ยังไม่ใช่นักปรุงยาธรรมดาอีกด้วย เพราะนางสามารถวางยาพิษเจ้าครองดินแดนระดับบนในขณะที่ร่ายกระบวนท่าโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลย ซึ่งมันก็คือเรื่องที่ยากเป็นอย่างมาก
พรวด พรวด พรวด!
ต้ายเหยียนยังคงกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่ต้ายเหยียนแล้วกล่าวว่า “เจ้าประมาทเกินไปหน่อย!”
“จะ…เจ้าวางยาพิษข้าตั้งแต่เมื่อไรกันแน่?” ต้ายเหยียนกล่าวอย่างไม่พอใจ
แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “เจ้าลองเดาดูสิ ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ตอนนี้เจ้าสามารถทำอะไรข้าได้บ้างล่ะ?”
พรวด!
ต้ายเหยียนถูกมู่เฉียนซีทำให้โกรธจนกระอักเลือดอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากนั้นก็มีวัตถุปริศนาสองชิ้นร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
คนหนึ่งถูกเผาจนไหม้เกรียม ส่วนอีกคนถูกทุบตีจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว ซึ่งมันร้ายแรงอย่างไม่ธรรมดาเลย
“ต้ายเหยียน เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นหายนะของพวกเราสองพี่น้อง” พวกเขาจ้องมองไปที่ต้ายเหยียนอย่างเศร้าเสียใจ
สีหน้าของต้ายเหยียนตอนนี้น่าเกลียดเป็นอย่างมาก “จะข้าจะแกงอย่างไรก็แล้วแต่เจ้า ข้ายอมแพ้แล้ว!”
ผู้ที่เข้ายึดเมืองที่ไร้เจ้าเมือง ก็ย่อมต้องมีคนไม่น้อยที่เข้ามาท้าทายแน่นอนอยู่แล้ว และต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกฆ่าอยู่เสมอ
แต่ทว่าการที่เขาต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคนที่ยังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดน มันจึงทำให้เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆ!
มู่เฉียนซีจ้องมองไปทางพวกเขาพลางกล่าวว่า “ข้าให้ทางเลือกกับพวกเจ้าอย่างหนึ่ง ประการแรกไปที่เมืองหนามโลหิต และใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนั้นเสีย ประการที่สองถูกฆ่าที่นี่ทันที”
ถึงจะไปเมืองหนามโลหิตก็ต้องตาย แต่ไม่ไปก็ต้องตายทันทีอยู่ดี
ฉะนั้นพวกเขาย่อมเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว เพราะไม่แน่ว่าบางทีอาจจะสามารถหนีไปได้ระหว่างทางก็เป็นได้
ฟิ้ว ฟิ้วว!
ลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนส่องประกายวาบผ่านไป จากนั้นเข็มเงินเล่มเล็ก ๆ ก็ข่วนไปบนผิวหนังของพวกเขา ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาที่จะหลบหลีกได้ทัน
“ข้าไม่ค่อยชอบทหารที่หนีทัพเท่าไรนัก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดพวกเจ้าควรเชื่อฟังข้าและทำตามคำขอของข้าจะดีกว่า! มิเช่นนั้นพิษเหล่านั้นก็จะระเบิดออก และหลังจากนั้น หากพวกเจ้า าต้องตายอย่างน่าอนาถ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่ได้เตือนก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
ต้ายเหยียนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อครู่เขาก็ถูกเข็มบาง ๆ ลอบโจมตีเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว
ต้ายเหยียนมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง หากข้าไปยังเมืองหนามโลหิต ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถมีชีวิตกลับมาได้หรือไม่ ข้าคิดว่าท่านคงไม่คิดที่จะครอบครองเมืองที่ไร ร้เจ้าเมืองของเขตต้องห้ามทางใต้สุดอย่างเมืองโยวและเมืองเยว่ซางเพียงสองเมืองเท่านั้น ข้าเองก็มีความเข้าใจในเมืองอื่น ๆ ของเขตต้องห้ามทางใต้สุดเช่นเดียวกัน บางทีอาจจะมีที่ ที่ข้าสามารถช่วยได้บ้าง”
ต้ายเหยียนเป็นคนที่มีกลอุบายมากมาย มิเช่นนั้นคงจะไม่ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ก่อนที่มู่เฉียนซีจะมาถึงอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่ศัตรูแข็งแกร่งมากเกินไป มันจึงทำให้แผนการทั้งหมดของเขาไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมืองที่ไร้เจ้าเมืองทั้งหมดของเขตต้องห้ามใต้สุดแห่งนี้ เป็นของข้าอยู่แล้ว”
ต้ายเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ตัวตนของคนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
คิดไม่ถึงเลยว่านางจะครอบครองเมืองที่ไร้เจ้าเมืองของเขตต้องห้ามใต้สุดได้มากมายถึงเพียงนี้ภายในพริบตาเดียว นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ตอนนี้เขาเพิ่งจะได้รู้ว่า ตนเองกำลังพบเจอกับเรื่องที่เลวร้ายมากเพียงใด
หากรู้เช่นนี้แต่แรก เขาไม่มีทางกล้าลงมือกับแม่นางผู้นี้ และมอบเมืองเยว่ซางให้กับนางไปตั้งแต่แรกก็ดี
ต้ายเหยียนแจกแจงรายละเอียดความสามารถของคนของเมืองไร้เจ้าเมืองอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีความแข็งแกร่งของลูกน้องอีกด้วย
เขากล่าวว่า “ด้วยความสามารถของท่านเจ้าเมืองในตอนนี้ จึงไม่มีปัญหาเลยที่จะเอาชนะแต่ละพื้นที่ได้ ดังนั้นท่านจะต้องได้รับผลประโยชน์จากพวกเขาได้สำเร็จอย่างแน่นอน! แต่หากว่าพวกเข ขาได้ยินข่าวอะไรบางอย่าง ก็อาจจะร่วมมือกัน หรือไปเชิญผู้แข็งแกร่งระดับใต้เท้ามานั่งบัญชาการแทน ซึ่งเกรงว่าตอนนี้ท่านเจ้าเมืองอาจจะต้องตกอยู่ในอันตราย ฉะนั้นท่านเจ้าเมืองโปรดร ระวังตัวด้วย”
ต้ายเหยียนรู้สึกว่า พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่หากคิดที่ต้องการจะจัดการกับผู้แข็งแกร่งระดับใต้เท้าก็เป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไปอยู่ดี
แต่เขาไม่รู้ว่าในบรรดาพวกของมู่เฉียนซีทั้งห้าคน นอกจากนางแล้ว ยังมีคนที่มีความสามารถระดับใต้เท้าอยู่ด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมื่อดูความจริงใจของเจ้า ข้าจะให้พวกเจ้าพักฟื้นก่อนวันหนึ่งแล้วค่อยออกเดินทางเถอะ!”
สีหน้าของต้ายเหยียนซีดเผือดเป็นอย่างมาก เดิมทีคิดว่าหากพิสูจน์ความสามารถของตนเองกับท่านเจ้าเมืองแล้วจะได้รับการผ่อนปรน และไม่ให้เขาต้องไปตายอยู่ที่เมืองหนามโลหิต แต่ดูเหม มือนว่าเขาจะแค่ฝันกลางวันไปเท่านั้น
เมื่อก้าวแรกพลาด ก้าวต่อไปก็จะพลาดเช่นกัน!
ซึ่งมู่เฉียนซีก็กระจายข่าวออกไป หากคนของเมืองเยว่ซางสนใจที่จะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าเมือง ก็สามารถตรงไปที่เมืองหนามโลหิตได้เช่นกัน
หากสามารถมีชีวิตอยู่ที่เมืองหนามโลหิตได้ สุดท้ายแล้วนางก็จะเลือกหนึ่งในพวกเขามาเป็นรองเจ้าเมือง
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นรองเจ้าเมือง ก็สามารถรับตำแหน่งที่ดีได้เช่นกัน
จะส่งพวกเขาไปที่ไหนก็ได้? แต่ดันให้พวกเขาไปที่เมืองหนามโลหิต นี่มันไม่ใช่การทดสอบเพื่อเป็นรองเจ้าเมืองแล้ว แต่เป็นการปล่อยให้พวกเขาไปตายมากกว่า!
แต่ก็มีคนไม่มากนักที่กล้าไปตาย และก็มีบางคนอยากที่จะลองดูเช่นกัน
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่อาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้วต้ายเหยียนก็พาคนตรงไปยังเมืองหนามโลหิต ภายในใจของพวกเขารู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง และคาดว่าคงจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว
หลังจากที่จัดการเมืองเยว่ซางเสร็จแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมืองแห่งนี้ คือเมืองโม่!”
เจ้าเมืองของเมืองโม่เองก็เตรียมตัวไว้เช่นกัน แต่กลับไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
ผู้ช่วยที่พวกเขาเชิญมามีมากกว่าต้ายเหยียนเสียอีก แต่ก็ยังพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์อยู่ดี
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะเจ้าเมืองคนนี้ได้จึงได้แต่ยอมจำนนในทันที “เจ้าเมือง ท่านเจ้าเมืองโปรดไว้ชีวิตด้วย! โปรดมองข้ามข้าที่ไม่เคารพท่านด้วยเถอะ!”
และวิธีที่มู่เฉียนซีก็จัดการคนเหล่านั้นก็เหมือนกันทุกประการ นั่นก็คือการส่งพวกเขาไปที่เมืองหนามโลหิตนั่นเอง
และนี่ก็คือแผนการที่นางวางเอาไว้อย่างดีก่อนออกเดินทาง เพราะนางได้สั่งพวกของเฉี่ยอี้ว่า ให้หนามโลหิตเหล่านั้นทดสอบคนเหล่านี้ด้วย
นอกจากนี้ยังให้ใช้วิธีที่โหดร้าย เพื่อที่จะค้นหาคนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
แต่มู่เฉียนซีไม่ได้ส่งโม่อูที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองโม่ไปยังเมืองหนามโลหิต เนื่องจากว่าเจ้าหมอนี่มีความใกล้ชิดกับเจ้าเมืองอื่น ๆ เป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ทักษะการเลียแข้งเลียขาข ของเขาก็ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ในสถาณการณ์ที่สู้ไม่ได้ และยังสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองต้องเจ็บตัวอีกด้วย
คำพูดของต้ายเหยียนทำให้นางเกิดความคิดขึ้นมาใหม่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือในตอนที่ผู้พิชิตเมืองไร้เจ้าเมืองเหล่านั้นได้รู้ว่ามีคนที่อันตรายกำลังจะมาแย่งชิงเมืองไปจากพวกเขา และพ พวกเขาก็รู้ดีว่าเมืองเพียงเมืองเดียวไม่สามารถต่อสู้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีแผนการเป็นของตนเอง แต่เพื่อที่จะปกป้องเมืองของตนเองเอาไว้จึงเลือกที่จะร่วมมือกัน หรือหายอดฝีมือระดับ บใต้เท้ามาคอยช่วยเหลืออยู่ดี
หากพวกเขาร่วมมือกันขึ้นมา นางก็จะสามารถจัดการทั้งหมดได้ในคราวเดียว โดยที่ไม่ต้องยึดเมืองไปทีละเมืองอีกด้วย
“โม่อู!” มู่เฉียนซีกล่าวว่า
“โม่อูอยู่นี่ขอรับ ท่านเจ้าเมือง มิทราบว่าท่านมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ?” โม่อูกล่าวอย่างเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีหยิบหนังสือกรรมสิทธิ์ออกมามากกว่ายี่สิบเล่ม จากนั้นก็เอ่ยปากว่า “นี่คือเมืองที่ไม่มีเจ้าเมืองทั้งหมดของเขตต้องห้ามใต้สุดแห่งนี้ ซึ่งมันก็คือเมืองทั้งหมดของข้า ฉ ฉะนั้นเจ้าจงส่งคนไปแจ้งเหล่าอันธพาลที่กำลังยึดครองเมืองของข้าให้พวกเขารีบมาที่เมืองโม่ของเจ้าภายในสามวัน และเลือกที่จะยอมจำนนให้ข้าเสีย หลังจากนั้นเมืองของพวกเขาก็จะเป็นของ งข้าอย่างสมบูรณ์ มิเช่นนั้นเมืองโยว เมืองเยว่ซางและเมืองโม่ จะเป็นชะตากรรมที่พวกเขาต้องเผชิญ”
การไปประท้วงนี้คือการยั่วยุ! และการกระทำดังกล่าวก็ทำให้โม่อูตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
“ท่านเจ้าเมือง ข้ารู้สึกว่านี่มันจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนะขอรับ! การที่ท่านเจ้าเมืองทำเช่นนี้ก็จะถือว่าเป็นการรุกรานเมืองกว่ายี่สิบกว่าเมืองในคราวเดียวกัน! หากพวกเขาร่วมมื อกันขึ้นมา มันกลายเป็นปัญหาใหญ่เอาได้นะขอรับ และข้ารู้สึกว่าการที่ท่านเจ้าเมืองสามารถเอาชนะเมืองต่าง ๆ ได้ทีละเมืองเหมือนก่อนหน้านี้ เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
นี่มันเป็นเมืองยี่สิบกว่าเมืองเชียวนะ! คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางผู้นี้ต้องการที่จะกลืนกินเมืองภายในคราวเดียวเช่นนี้ นอกจากนี้นางยังมาเพียงแค่สี่คนเท่านั้น ซึ่งมันจะทำให้เขาเก กือบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว