ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2372 ต้อนรับแขก
แล้วตกลงใต้เท้าผู้แข็งแกร่งคนนั้นล่ะ!
หลังจากที่เขาต่อสู้เพียงแค่รอบเดียว และอาวุธวิญญาณอันเป็นที่รักของตนเองถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ เขาก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
ส่วนเจ้าเมืองหานก็ได้แต่สิ้นหวัง เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเชิญมาจากภายนอกนั้นจะไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อยเช่นนี้
เขาไม่เพียงแต่ช่วยเขาไม่ได้ และเกรงว่าอาจจะทำให้คนวิปลาสเหล่านี้ไม่อยากปล่อยเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
ชายชราระดับใต้เท้าผู้นี้ พยายามใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิตเพื่อหลบหนี
แต่ทว่าทางที่เขาจะใช้หนีไปกลับถูกร่างเงาสองร่างสกัดกั้นเอาไว้เสียก่อน จากนั้นเฉี่ยเอ้อร์ก็กล่าวว่า “เฉี่ยอี้ เจ้าจะสร้างความประทับใจต่อหน้าท่านเจ้าเมืองมากเกินไปแล้ว เรื่องหลั งจากนี้ไปมอบให้เป็นหน้าที่ของข้า…ไม่สิ มอบให้เป็นหน้าที่สาวน้อยอย่างข้าเถอะ!”
“ข้าไม่ใช่คนใจกว้างที่จะยอมให้เจ้ามาแย่งเหยื่อของข้าหรอกนะ!” เฉี่ยอี้กล่าวพร้อมมุมปากที่กระตุกเล็กน้อย
“เช่นนั้นก็โทษที่ความเร็วของเจ้าช้ากว่าข้าก็แล้วกัน!”
“ข้าไม่สนใจหรอก!”
ชายชราผู้นี้ถูกล้อมไว้ทั้งหน้าหลัง และตอนนี้เขาก็ติดแหง่กอยู่ตรงกลางพร้อมกับถูกเพิกเฉยไปอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่พวกเขาทั้งสองนั้นยังคงโต้เถียงกันไม่หยุด
ทันใดนั้นชายชราก็กลอกตาไปมา และคิดว่าเขาสามารถหาทางหนีไปได้ในขณะที่คนพวกนั้นกำลังโต้เถียงกันอยู่ ซึ่งนี่ก็เป็นโอกาสของเขาแล้วนั่นเอง
แต่ทว่าในตอนที่เขากำลังคิดที่จะก้าวออกไป ก็ต้องพบเจอกับการโจมตีจากทั้งสามทิศทาง อีกทั้งการโจมตีนี้ยังแม่นยำเป็นอย่างมาก ทันในนั้นบนร่างกายของเขาก็มีบาดแผลปรากฏขึ้นนั บไม่ถ้วน
หลังจากนั้นเขาก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งโจมตีจนลอยกระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงเมือง ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
นี่มันจะทรงพลังเกินไปแล้ว!
ทั้งสามคนนี้คือระดับใต้เท้า จะต้องเป็นระดับใต้เท้าอย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะเป็นใต้เท้าระดับบนอีกด้วย
โม่อูตื่นตกใจจนขาอ่อน และเจ้าเมืองทั้งยี่สิบสี่เมืองเหล่านั้นต่างก็ตื่นตกใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
หากรู้ว่าพวกเขามีความสามารถเช่นนี้ พวกเขาคงนำของขวัญมาให้มากมายและยอมจำนนอย่างจริงใจไปนานแล้ว คงไม่มีทางนำกองกำลังที่ไร้ประโยชน์นับแสนคนมารนหาที่ตายเช่นนี้หรอก
กองกำลังนับแสนคนเหล่านั้นของพวกเขาในสายตาของใต้เท้าระดับบนแล้ว ไม่เพียงพอเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่โบกมือก็สามารถสังหารคนจำนวนมากได้ภายในพริบตาแล้ว
ที่ตอนนี้กองกำลังของพวกเขายังเหลืออยู่เป็นจำนวนมากขนาดนี้ นั่นต้องเป็นเพราะนายท่านทุกท่านออมมืออย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เก็บเกี่ยวมาได้ไม่เลวเลย นอกจากเจ้าเมืองทั้งยี่สิบสี่เมืองแล้ว ยังเก็บใต้เท้าระดับล่างมาได้อีกคนหนึ่งด้วย”
คนเหล่านี้ถูกเชิญให้ไปดื่มชาด้วยกัน โดยที่ใช้ชาที่หอมหวานที่สุดของเมืองโม่มาต้อนรับพวกเขา แต่ทว่าภายในใจของพวกเขานั้นขมขื่นเสียยิ่งกว่ากินยาหวงเหลียนเสียอีก
มู่เฉียนซีมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเจ้าสามารถบอกข้าได้แล้ว ว่าพวกเจ้าจะยอมรับหนังสือนี้หรือไม่?”
“ยอมรับ! แน่นอนว่าต้องยอมรับอยู่แล้ว ผู้ใดจะกล้าปฏิเสธหนังสือที่มีตราประทับของท่านอ๋องกัน พวกเราจะกล้าไม่ยอมรับได้อย่างไร!” พวกเขากล่าวอย่างร้อนรน
พวกเขากลัวว่าหากให้คำตอบช้าเพียงก้าวเดียวจะทำให้นางไม่พอใจ และพวกเขาอาจจะต้องตายอย่างน่าสังเวชก็เป็นได้
มู่เฉียนซีกล่าวอีกว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าจงบอกข้าซิ ว่าเจ้าเมืองของทั้งยี่สิบสี่เมืองนี้คือผู้ใดกันแน่?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นท่านอยู่แล้ว และนอกจากท่านแล้วก็ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เป็นเจ้าเมืองทั้งนั้น!”
“คารวะท่านเจ้าเมือง!”
“ขอให้ท่านเจ้าเมืองมีความสงบสุขนับหมื่นปี”
“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเรามีตาหามีแววไม่! ท่านเจ้าเมืองโปรดอย่าถือสาพวกเราเลยขอรับ”
“พวกเจ้าพูดรู้เรื่องก็ดีแล้ว!” มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ
เมืองที่เป็นของตนเอง ตอนนี้ถือว่าอยู่ในกำมือของนางอย่างสมบูรณ์แล้ว ลำดับต่อไปคือต้องพิจารณาว่าจะต้องจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรดี?
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พวกเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
“อยากสิขอรับ! แน่นอนว่าต้องอยากมีอยู่แล้ว” แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะรนหาที่ตายมาก่อน แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ถึงความสามารถของศัตรูเลยต่างหาก!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็นำพากองกำลังที่เป็นลูกน้องของพวกเจ้าทั้งหมด เดินทางไปยังเมืองหนามโลหิตเสียเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ท่านเจ้าเมืองไว้ชีวิตด้วยเถิดขอรับ!”
“ท่านเจ้าเมืองไว้ชีวิตข้าด้วย!”
ทันทีที่ได้ยินว่าต้องไปที่เมืองหนามโลหิต พวกเขาแต่ละคนก็หน้าถอดสีไปในทันที
เฉี่ยอี้เองก็จนปัญญาเหมือนกัน เหตุใดคนที่เขาเจอทุกคนถึงได้รู้สึกว่าการไปที่เมืองหนามโลหิตเป็นการรนหาที่ตายกันนะ ขอเพียงพวกเขาไม่อ่อนแอเกินไป ก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หากไปที่เมืองหนามโลหิต พวกเจ้ายังสามารถพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมความเป็นความตายของตนเองได้ แต่หากพวกเจ้าไม่ไปแล้วละก็ เช่นนั้น ข้าจะให้เฉี่ยอี้หักคอพวกเจ้าทั้งหมดเดี๋ยวนี้เลย”
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง เฉี่ยอี้ยินดีรับใช้ท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
พวกเขาเย็นวาบมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และอดที่จะตัวสั่นเทาไม่ได้
“ขอรับ! พวกเราเลือกที่จะไปเมืองหนามโลหิตขอรับ”
คราวนี้ มู่เฉียนซีเองก็เตรียมตัวที่จะกลับไปยังเมืองหนามโลหิตด้วยเช่นกัน
นางได้รับเมืองที่เป็นของนางมาทั้งหมดและได้เลื่อนขั้นมาขั้นหนึ่งแล้วด้วย ซึ่งนางต้องการที่จะกลับไปจัดการเรื่องต่อไปแล้วเช่นกัน
“ฮะ! ข้า…ข้าก็ต้องไปด้วยอย่างนั้นหรือ!” เมื่อโม่อูได้ยินว่ามู่เฉียนซีก็ต้องการให้เขาไปที่เมืองหนามโลหิตด้วยเช่นกัน เขาก็ตกใจกลัวอย่างรุนแรง
“ฮื้ออออ! ท่านเจ้าเมือง ท่านก็เห็นว่าข้าเป็นคนเชื่อฟังขนาดนี้ ไว้ชีวิตข้าเถอะนะขอรับ!”
“ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น!”
นี่มันทำให้เขาหมดหวังไปแล้วจริง ๆ
เจ้าเมืองของทั้งยี่สิบสี่เมืองบวกกับโม่อูอีกหนึ่งคน ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหนามโลหิตด้วยจิตใจที่เปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว พวกเขาก็ไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
ในเมืองที่ระดับใต้เท้าทั้งหมดเคยตายมาก่อนหน้านี้ ได้ทำให้คนที่อยู่ในระดับใต้เท้าเพียงคนเดียวในกลุ่มนี้รู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก
ภายในเมืองหนามโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ความสามารถของใต้เท้าระดับล่างอย่างเขาไม่ถือว่าช่วยอะไรได้เลย?
แต่มู่เฉียนซีกลับเดินไปตามทางอย่างเอ้อระเหย นางกล่าวว่า “เฉี่ยอี้ เจ้ารีบไปยังเมืองหนามโลหิต หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนเตรียมต้อนรับแขกกลุ่มนี้ให้ดี”
“ขอรับ! เฉี่ยอี้จะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นอย่างแน่นอน”
พวกเขาสามารถมองเห็นเมืองหนามโลหิตได้แล้ว และเมื่อเห็นกำแพงเมืองที่เต็มไปด้วยพืชกลายพันธุ์อย่างหนามโลหิตที่อันตรายเหล่านั้น ขาทั้งสองข้างของพวกเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังแล้วจริง ๆ หากพวกเขายอมที่จะสละตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับคนที่เป็นเจ้าของเดิมอย่างเชื่อฟัง พวกเขาก็คงไม่ต้องมาสถานที่ที่เหมือนกับฝันร้ายก็ม มิปานแห่งนี้แล้ว
พวกเขาในตอนนี้ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า และมุมปากของเฉี่ยเอ้อร์ก็คลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ “ในเวลานี้ หากมีคนกล้าที่จะเป็นทหารหนีทัพแล้วละก็? สาวน้อยอย่างข้าจะเริ่มทำการสังหาร รหมู่ทันที”
ในตอนที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ลงมือนั้นอ่อนโยนเป็นอย่างมาก แต่หากลงมือแล้วล่ะก็ พลังในการเข่นฆ่าของนางนั้นก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาถูกทำให้หวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา เจ้าเมืองที่เป็นผู้นำกลุ่มสองสามคนกล่าวขึ้นมาว่า “ถึงอย่างไรก็ต้องตาย พวกเราไปกันเถอะ!”
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
ในตอนที่พวกเขาเข้าใกล้เมืองหนามโลหิต พวกเขาก็ต้องพบเจอการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวจากหนามโลหิต
ด้วยการโจมตีที่บ้าคลั่งนี้ทำให้เขารู้ว่าเมืองหนามโลหิตนั้นโหดร้ายสมคำร่ำลือ และมันก็เป็นชื่อเสียงที่สมควรได้รับจริง ๆ
“ฆ่ามัน!”
“จะถอยไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องบุกทะลวงเข้าไป!”
“บุกก!”
เมื่อคิดถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ของพวกเขาที่ลงมือต่อต้านท่านเจ้าเมือง มันก็ถือว่าโชคดีแล้วที่กองกำลังของพวกเขาไม่ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น
เพื่อหาโอกาสที่จะรอดชีวิตจากหนึ่งในหมื่นนี้ พวกเขาจึงทำให้เพียงลองต่อสู้ดูเท่านั้น
หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กันมาประมาณครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าไปใกล้ประตูเมือง ท่ามกลางการโจมตีของหนามโลหิตที่อยู่รอบนอกเมืองเหล่านั้นได้แล้ว
เมื่อประตูเมืองเปิดออก พวกเขากลับรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาทันที เพราะภายในจะต้องอันตรายยิ่งกว่าอย่างแน่นอน
ตอนนี้ ด้านหลังของพวกเขาถูกหนามโลหิตขวางทางเอาไว้หมดแล้ว พวกเขาไม่มีทางถอยอีกแล้ว และทำได้เพียงแต่ต้องเดินหน้าไปเท่านั้น
“เข้าไปเร็ว!”
ในตอนที่พวกเขากรูกันเข้าไป มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “ไปเถอะ! พวกเราออกมานานมากแล้ว ฉะนั้นรีบกลับไปพักที่จวนเจ้าเมืองกันเถอะ”
ในตอนที่พวกของมู่เฉียนซีเดินผ่านไป หนามโลหิตที่โจมตีคนอื่นอย่างบ้าคลั่งเหล่านั้นกลับเปิดช่องทางให้พวกเขาได้เดินเข้าไปอย่างสะดวกเป็นอย่างมาก
และที่พวกมันโบกกิ่งก้านนั้นไม่ใช่เพื่อโจมตีผู้คน แต่เพื่อที่จะต้อนรับการกลับมาของเจ้านายต่างหาก
เมื่อพวกของมู่เฉียนซีและเยาเยี่ยเดินเข้าไปในเมืองหนามโลหิตแล้ว ประตูใหญ่ของเมืองหนามโลหิตก็ปิดลงด้วยตนเองทันที
ตอนนี้เมืองหนามโลหิตได้ส่งเสียงคำรามอันน่ากลัวออกมา และเมืองแห่งฝันร้ายแห่งนี้ก็น่าสะพรึงกลัวมากจริง ๆ
หนามโลหิตปกคลุมตึกรามบ้านช่องไปทั่วทุกหนแห่ง และถึงพวกมันจะต่อสู้แต่ก็ไม่ไปสร้างความเสียหายให้อาคารของเมืองหนามโลหิตเลยแม้แต่น้อย
เฉี่ยเอ้อร์กล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง ต้องการให้ปิดปากพวกมันทั้งหมดเอาไว้หรือไม่ ดูเหมือนว่าจะตกใจกันเกินกว่าเหตุจริง ๆ ช่างเอะอะเสียเหลือเกิน คราวนี้ท่านเจ้าเมืองออกไปลำบากลำบนถึ งขนาดนี้ ฉะนั้นต้องจะพักผ่อนให้มาก ๆ นะเจ้าคะ”