ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2373 วิธีที่อ่อนโยน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา อย่างไรเสียพวกเขาก็คงจะเอะอะกันไม่นานนักหรอก! หากมันจบแล้วละก็ ตอนนั้นก็ให้เฉี่ยอี้ไปรายงานข้าด้วย”
“เจ้าค่ะ! ท่านเจ้าเมือง!” เฉี่ยเอ้อร์พยักหน้ากล่าว
เมื่อรอหลังจากที่คนเหล่านั้นเข้ามาในเมืองหนามโลหิตแล้ว คนที่เป็นลมไปเพราะต่อสู้กับหนามโลหิตก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และพวกเขาก็คาดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะยังมีชีวิตอยู่
ไม่ตาย พวกเขาไม่ได้กลายเป็นอาหารของหนามโลหิตอย่างนั้นหรือ?
นี่…หรือที่หนามโลหิตไว้ชีวิตพวกเขา ก็เพื่อที่จะกักตุนเอาไว้กินทีหลัง
และในเวลานี้ มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมา ซึ่งคนเหล่านี้คือมนุษย์ ไม่ใช่หนามโลหิตแต่อย่างใด
ความสามารถของคนเหล่านี้ดูธรรมดาทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามอยู่ดี
“เจ้าเมืองของพวกเราให้มาเชิญพวกเจ้า!”
เจ้าเมืองหรือ ทุกคนต่างก็ผงะไปทันที
เมืองหนามโลหิตมีเจ้าเมืองแล้วอย่างนั้นหรือ ถึงพวกเขาจะเคยได้ยิน แต่ก็ไม่เคยให้ความสนใจมันอย่างจริงจังมาก่อนเลย
อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่เจ้าเมืองผู้นั้นเข้ามาในเมืองหนามโลหิตแล้ว จะยังสามารถเห็นดวงตะวันในวันรุ่งขึ้นได้อีกหรือไม่?
“ตกลง!”
บนลานกว้างของเมืองหนามโลหิต มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีคนของเมืองโยว เมืองเยว่ซางและเมืองโม่ นอกจากนี้ยังมีคนของเมืองอื่นทั้งยี่สิบสี่เมืองนั้นอยู่ด้วย
ทุกคนต่างทุลักทุเลกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความรู้สึกที่ค่อนข้างมึนงงอยู่นิดหน่อย
ที่นี่คือเมืองหนามโลหิตจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะยังไม่ตาย และนี่ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่เช่นนี้
ในเวลานี้ ก็มีร่างเงาหลายร่างก็เดินเข้ามา และมีหญิงสาวอยู่สองคนที่พวกเขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นพิเศษ
“ท่านเจ้าเมือง!” ในเวลานี้ ก็มีคนตะโกนกล่าวขึ้นมา
เจ้าเมืองหรือ!
พวกเขาแต่ละคนต่างจ้องมองด้วยความตื่นตะลึง ไม่มีทางหรอก! นะ…นางคือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตอย่างนั้นหรือ!
มู่เฉียนซีจ้องมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับแขกทุกท่านที่มายังเมืองหนามโลหิตของพวกเรา หลายวันมานี้ทุกท่านอยู่ภายในเมืองหนามโลหิตอย่างมีความสุขดีหรือไม ม่?”
พวกเขาแต่ละคนต่างก็ดูสับสนกันเล็กน้อย นางคือเจ้าเมืองของเมืองอื่น ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังเป็นเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตด้วย
หลังจากที่นางเขามาในเมืองหนามโลหิตแล้วไม่เพียงแต่ไม่ถูกหนามโลหิตเหล่านี้ฆ่าตาย แต่ดูเหมือนว่าจะมีความสามารถพอที่จะควบคุมเมืองหนามโลหิตได้อย่างแท้จริงอีกด้วย นะ…นี่มันจะน่า าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว นางทำมันได้อย่างไรกันแน่?
เมื่อพวกเขาคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เคยต่อต้านเมืองที่วิปลาสอย่างเมืองหนามโลหิตมากแค่ไหน ก็อดที่จะอยากฆ่าตัวตายเสียให้ได้เลย
พวกเขาร้องตะโกนออกมาด้วยความเคารพ “คารวะท่านเจ้าเมือง!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ปล่อยคนเหล่านั้นออกมา”
“ขอรับ!” เฉี่ยอี้รับคำสั่งทันที
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว!
หลังจากนั้นคนทั้งหมดยี่สิบเจ็ดคนก็ถูกปล่อยออกมา และถูกโยนไปอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี
ต้ายเหยียนของเมืองเยว่ซางกับโม่อูของเมืองโม่ก่อนหน้านี้ก็อยู่ข้างในนั้นด้วย นี่ต้องการปล่อยพวกเขาออกมาฆ่าทีละคน หรือว่า…
มู่เฉียนซีหยิบกระดาษออกมาแผ่นแล้วแผ่นเล่า จากนั้นก็วางไว้ตรงหน้าพวกเขาพลางกล่าวว่า “หาข้อมูลของตนเองให้เจอ ค่อย ๆ ดูดี ๆ”
เมื่อพวกเขากวาดตาดูกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า ต่างก็ต้องตะลึงงันไปทันที เพราะข้างบนนั้นได้เขียนข้อมูลของพวกเขาทุกคนเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องตั้งแต่เข้ามาในเมืองหนามโลหิตทั งหมดอีกด้วย
เมื่อดูจากสิ่งเหล่านี้ มันได้ประเมินสมอง การเคลื่อนไหว และความสามารถของพวกเขา จากนั้นก็ทำเป็นคะแนนออกมาอย่างครอบคลุมทุกส่วน
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในเมืองหนามโลหิต พวกเขาก็อยู่ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา และการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกควบคุมเอาไว้ด้วย แต่ว่าใครกันที่สามารถทำเรื่อ องทั้งหมดนี้ได้!
หนามโลหิตรึ!
หนามโลหิตกระจายอยู่ทั่วทุกมุมของเมืองหนามโลหิต ฉะนั้นการเฝ้าสังเกตการณ์พวกเขาจึงเป็นเรื่องที่ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือเท่านั้น
ทันทีที่คิดถึงสิ่งนี้ พวกเขาก็เหงื่อแตกพลั่กไปทั่วทั้งร่างขึ้นมาทันที
เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตผู้นี้ ไม่เพียงแต่สามารถยึดเมืองหนามโลหิตมาได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากพืชกลายพันธุ์ที่ดุร้ายเช่นนี้เพื่อตนเองได้อีกด้วย นี่เป็นเรื่อ องที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้วจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงที่สุด สามารถเลือกเมืองได้ หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะกลายเป็นรองเจ้าเมืองของเมืองแห่งนั้น และทำหน้าที่ในการดูแลเมืองแทนข้า”
พวกเขาต่างตะลึงงันไปในทันที หลังจากที่เข้ามาในเมืองหนามโลหิตแล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ถูกหนามโลหิตกิน แต่ยังมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นด้วย
คนที่มีคะแนนสูงที่สุด เป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างกำยำและมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าคนหนึ่ง เขากล่าวว่า “ข้าน้อยคือเฝินอวี่ ข้าต้องการเลือกเมืองหาน”
เมืองหาน ก็คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเมืองหนามโลหิต
หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ก็เลือกเมืองกันอย่างต่อเนื่อง ต้ายเหยียนยังคงเลือกเมืองเยว่ซาง และโม่อูก็ยังคงเลือกเมืองโม่เช่นเดิม
หลังจากนั้น ก็คือการแบ่งเหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชา
“เริ่มแบ่งได้!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีกล่าวจบ หนามโลหิตที่อยู่บนพื้นดินก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
พวกมันใช้หนามอันแหลมคมลากพวกเขาแต่ละคนไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ลากไปยังสถานที่ที่มั่นคงแล้ว ก็รวมกันจนเป็นกองกำลังกองหนึ่ง
ในตอนแรกเริ่มพวกเขาค่อนข้างกลัวว่าหนามโลหิตเหล่านี้จะกลืนกินพวกเขา และอยากที่จะลงมือ แต่สุดท้ายมู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “วางใจเถอะ! พวกเขาไม่กินพวกเจ้าหรอก”
กลุ่มที่หนึ่ง มีคนทั้งหมดประมาณพันกว่าคน
มู่เฉียนซีมองไปทางพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าให้ทางเลือกพวกเจ้าทั้งหมดสองทาง คือจะเลือกเมืองหนามโลหิตหรือจะเลือกเมืองอื่น ๆ แต่ทว่า ข้าต้องขอเตือนพวกเจ้าหน่อยว่า สหายของเมือง งหนามโลหิตต่างก็ชื่นชอบพวกเจ้าเป็นอย่างมาก หากพวกเจ้าปฏิเสธที่จะอยู่ในเมืองหนามโลหิตแล้วละก็ บางทีพวกมันอาจจะโกรธเอาก็เป็นได้”
กิ่งก้านของหนามโลหิตเหล่านั้นกระจายอยู่บนพื้นผ่านไปมาอยู่รอบตัวพวกเขา ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจึงรีบร้อนกล่าวออกมาว่า “ท่านเจ้าเมือง พวกเราเลือ อกที่จะอยู่ที่เมืองหนามโลหิตขอรับ”
หลังจากนั้นก็มีทั้งหมดเก้ากลุ่ม มู่เฉียนซีกล่าวกับรองเจ้าเมืองทั้งยี่สิบเจ็ดคนเหล่านั้นว่า “พวกเจ้าแต่ละกลุ่มสามารถเลือกได้กลุ่มละหนึ่งพันคน แบ่งกันเอาเองได้เลย!”
“ขอรับ!”
พวกเขาต่างเลือกคนที่ดีอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด มู่เฉียนซีกวาดตามองพวกเขาแล้วกล่าวว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไป เมืองทั้งยี่สิบเจ็ดเมืองและเมืองหนามโลหิต มีเจ้าเมืองเพียงคนเดียวเท่ านั้น ข้าต้องการให้พวกเจ้ายอมอยู่ใต้อำนาจอย่างสมบูรณ์ และปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าเมืองโดยไม่ฝ่าฝืน หากมีผู้ใดกล้าทรยศ ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใดก็ตาม ข้าจะเชิญเจ้ามาเยี่ยมเยือนที่ เมืองหนามโลหิตแห่งนี้อีกครั้ง แต่ทว่าเมื่อถึงเวลานั้นเหล่าสหายของเมืองหนามโลหิต คงไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน”
มุมปากของพวกเขากระตุกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เรียกว่าอ่อนโยนอย่างนั้นหรือ? มันอ่อนโยนตรงไหนมิทราบ?
พวกเขาใช้ชีวิตแต่ละวันในเมืองหนามโลหิตราวกับตกอยู่ในฝันร้ายก็มิปาน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากที่จะมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
นอกจากนี้พวกเขาที่อยู่ที่นี่เหล่านี้ก็ไม่โง่พอที่จะทรยศต่อคนที่ลึกเกินจะหยั่งถึงผู้นี้อย่างแน่นอน นางเป็นเจ้าเมืองปีศาจที่สามารถควบคุมได้แม้แต่หนามโลหิตเชียวนะ
ทุกคนคุกเข่าลงแล้วกล่าวว่า “พวกเราสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านเจ้าเมืองไปจนตาย! ไม่มีวันทรยศอย่างแน่นอน!”
“สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านเจ้าเมืองไปจนตาย!”
และคนที่เหลือเอาไว้ ต่างก็เป็นคนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด
ส่วนคนที่มีเจตนาชั่วร้ายเหล่านั้น ได้ถูกหนามโลหิตที่อยู่ในเมืองกำจัดทิ้งไปหมดแล้ว
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ แม้แต่หนามโลหิตระดับหนึ่งดาวของเมืองหนามโลหิต ก็ไม่มีความสนใจต่อเลือดมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นคนเหล่านั้นจึงไม่สามารถกลายเป็นปุ๋ยได้
ต่อมาคนอื่น ๆ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหนามโลหิตได้อย่างอิสระ และหลังจากการคัดสรรสิ้นสุดลง หอหมอปีศาจก็เริ่มสร้างต่อไป
เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยกำลังร่วมมือกับหนามโลหิตสร้างหอคอยสูงหลังหนึ่งอยู่นั้น ก็ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าอยู่ในความฝันก็มิปาน
พืชกลายพันธุ์กระหายเลือดสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุขได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? พวกเขาไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่?
และคนที่มีความสามารถที่ถูกทิ้งเอาไว้ทั้งหนึ่งพันคนเหล่านั้นในตอนนี้ก็รู้สึกว่า การอยู่ที่เมืองหนามโลหิตไม่ใช่เรื่องที่น่าหวาดกลัวขนาดนั้นอีกแล้ว
แม้แต่หนามโลหิตระดับต่ำที่สุดยังสามารถช่วยงานก่อสร้างได้ แล้วคนที่แข็งแกร่งอย่างพวกเขาย่อมไม่สามารถยืนดูโดยไม่ทำอะไรได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเข้าไปช่วยสร้างหอหมอป ปีศาจด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าหอแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของท่านเจ้าเมือง และสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหนามโลหิตนั่นเอง
นอกจากนี้ท่านเจ้าเมืองของพวกเขาไม่เพียงแต่เป็นผู้บำเพ็ญตบะที่มีพรสวรรค์อันแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่งอีกด้วย!