ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2378 เสียใจก็สายไปแล้ว
จิตสังหารที่กระหายเลือดกระจายอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาจำได้ว่าหนุ่มน้อยคนนี้ก็คือคนที่ควักหัวใจของคนอื่นออกมาอย่างไร้ความปรานีเพื่อทดลองยาที่งานประมูลคนนั้นนี่เอง
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที และพวกเขาก็กลัวว่าตนเองจะกลายเป็นวิญญาณด้วยน้ำมือของหนุ่มน้อยที่โหดร้ายผู้นี้เช่นกัน
มู่เฉียนซีดึงเขาเอาไว้แล้วกล่าวว่า “นักปรุงยาที่หอหมอปีศาจของพวกเราเชิญมา เป็นคนที่หอหมอปีศาจของพวกเราอยากเชิญให้เข้าร่วมด้วยความจริงใจ ข้าไม่อยากที่จะใช้กำลังบังคับขู่เข็ญพวกเขาหรอก ฉะนั้นเจ้าก็อย่าทำให้พวกเขากลัวนักเลย”
เฉี่ยซื่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วกล่าวว่า “เจ้านายพูดถูกต้องแล้ว เฉี่ยซื่อผิดไปแล้วขอรับ”
“ปรมาจารย์ทุกท่าน ที่ข้าเสียมารยาทกับทุกท่านก่อนหน้านี้ ทุกท่านโปรดให้อภัยด้วย” จิตสังหารถูกเก็บกลับไปอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าจิตสังหารที่เสียดแทงเข้าไปในกระดูกเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาของพวกเขาเท่านั้น
ดวงตาของหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้านี้ทั้งบริสุทธิ์และจริงใจ และดูเหมือนว่าหากพวกเขาไม่ยอมรับคำขอโทษคงได้ทำเรื่องที่ผิดบาปครั้งใหญ่เป็นแน่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไม่เป็นไร ๆ ก็เป็นคนวัยหนุ่มสาว! จะหุนหันพลันแล่นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ข้อเสนอของท่านหมอปีศาจพวกเราจะต้องพิจารณาอย่างดีอยู่แล้ว ท่านเฉี่ยซื่อโปรดวางใจเถิด หากข้าสามารถทำงานเป็นลูกน้องของท่านหมอปีศาจได้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติของพวกเราอยู่แล้ว” พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่คนเหล่าจากไปแล้ว เฉี่ยซื่อก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้านาย ข้าทำถูกหรือไม่?”
“ทำได้ถูกต้องแล้ว ช่วงนี้ข้าจะไปค้นคว้ายาสักหน่อย จะลองดูว่ามีรสชาติที่เหมาะสมกับเจ้าบ้างหรือไม่” เนื่องจากมู่เฉียนซีพึงพอใจต่อการเติบโตของเฉี่ยซื่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเริ่มป้อนอาหารให้เขา
กล่าวได้ว่าตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังเลี้ยงดูรองเจ้าหอของหอหมอปีศาจที่มีนิสัยโหดร้ายและมีแปรปรวนจนยากจะคาดเดามากที่สุดของแดนนรกคนหนึ่ง
คิดว่าหลังจากที่ใช้เวลาไปไม่นาน คนทั่วทั้งคุกโลหิตน่าจะต้องได้ยินชื่อเสียงของเฉี่ยซื่อแน่นอน
บรรดาคนที่กล้าเดินทางมายังเมืองหนามโลหิตเหล่านั้นสามารถเก็บเกี่ยวไปได้มากมาย แม้แต่ใต้เท้าที่ถูกควักหัวใจออกมาจนเกือบตายก็ยังชื่นชมหอหมอปีศาจจนเอ่ยชมอย่างไม่ขาดปากเลยทีเดียว
เวลานี้ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ทั้งเสียใจและเสียดาย แต่ทว่าตอนนี้ถึงพวกเขาจะเสียใจภายหลังมันก็สายเกินไปแล้ว
และในขณะที่ผู้คนต่างตั้งตารอด้วยความกังวล เมืองหนามโลหิตก็เปิดออกสู่โลกภายนอกอย่างสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งในวันที่เปิดออกสู่โลกภายนอกนั้น บริเวณนอกเมืองของเมืองแห่งฝันร้ายที่อยู่ในข่าวลือแห่งนี้ ก็มีผู้คนมาต่อแถวรอกันตั้งแต่เช้าตรู่
บนกำแพงเมือง ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหนามโลหิตที่อันตรายชนิดต่าง ๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งเมื่อได้พบเห็นมัน
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่เพื่อยาลูกกลอนที่ล้ำค่าและอาหารเลิศรสภายในเมืองแล้ว พวกเขาก็เลือกที่จะไปเสี่ยงอยู่ดี
หลังจากที่เข้าไปในเมืองได้อย่างปลอดภัยแล้ว พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก และหลังจากนั้นก็เริ่มซื้อของจำนวนมาก
ส่วนเรื่องที่ว่าหนามโลหิตของเมืองหนามโลหิตหายไปไหนแล้ว? ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะมีเวลามาคิดมากอีกแล้ว เพราะพวกเขาคิดแค่ว่าอยากจะกอบโกยสมบัติเข้ากระเป๋าของตนเองให้เร็วกว่าคนอื่นก็เท่านั้น
เมืองหนามโลหิตเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่อันดับหนึ่งของเขตต้องห้ามตอนใต้สุดแห่งนี้ หากไม่ใช่เพราะชื่อเสียงที่ชั่วร้ายโด่งดังออกไปไกล เมืองนี้จะต้องกลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเมืองหนึ่งอย่างแน่นอน
ตอนนี้เมืองแห่งนี้มีสัญญาณบางอย่างปรากฏขึ้นมาแล้ว ทำให้เหล่าพ่อค้าจำนวนไม่น้อยเล็งเห็นชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ชิ้นนี้แล้ว
เรื่องพูดคุยธุรกิจ มู่เฉียนซีได้มอบให้เป็นหน้าที่ของพวกเยาเยี่ยกับลุงโซ่ว นอกจากนี้ยังมีหอการค้ามากมายที่ต้องการเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองหนามโลหิตแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาก็ยุ่งมากจนเท้าแทบจะไม่ได้สัมผัสพื้นเลยด้วยซ้ำ
พวกของเฉี่ยอี้ก็ถูกส่งไปทำภารกิจอื่น ๆ ส่วนคนอื่นที่อยู่ในเมืองก็ติดพันอยู่กับภาระหน้าที่ของตนเองเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองที่ไร้ผู้คนมานานนับพันปี ตอนนี้กำลังเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง
หอหมอปีศาจที่อยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ ในเขตต้องห้ามใต้สุดของมู่เฉียนซีได้รับการควบคุมเรียบร้อยแล้ว ส่วนชื่อเสียงของหมอปีศาจภายในเขตต้องห้ามตอนใต้สุดแห่งนี้ ก็ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักอีกแล้ว
ในอนาคตหากคนที่ขอลี้ภัยมีความน่าเชื่อถือมู่เฉียนซีก็จะให้อยู่ต่อ แต่หากว่ามีเจตนาที่ไม่ดีนางก็จะให้หนามโลหิตหาสถานที่สักแห่งเพื่อโยนพวกเขาให้ไปเป็นปุ่ยของพืชกลายพันธุ์อื่น ๆ แทน
เมืองหลวงของเขตต้องห้ามตอนใต้สุดก็คือเมืองหนามโลหิต และการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของมันก็ทำให้เมืองอื่น ๆ ในเขตต้องห้ามตอนใต้สุดรู้สึกได้ถึงวิกฤต หากมู่เฉียนซีมีความทะเยอทะยานแล้วละก็ นางจะต้องกลืนกินเมืองอื่น ๆ ของพวกเขาไปด้วยอย่างแน่นอน
พวกเขาไม่สามารถนั่งรอความตายได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเริ่มโจมตีก่อน
ความจริงแล้วพวกเขาคิดมากเกินไป เพราะเป้าหมายหลักของมู่เฉียนซีไม่ใช่การเป็นเจ้าเมือง แต่ต้องการใช้เมืองหนามโลหิตไว้สร้างรากฐานของหอหมอปีศาจเท่านั้น
ขอเพียงพวกเขาไม่มาขัดขวางการพัฒนาของหอหมอปีศาจ นางต่อให้นางกินไม่อิ่มหรือไม่มีอะไรทำก็จะไม่ไปยึดเมืองของพวกเขาแน่นอน
หากมีเมืองมากเกินไปการดูแลก็ยิ่งเหนื่อยมากขึ้นไปด้วย เหตุผลที่นางรับเมืองที่ไร้เจ้าของเหล่านั้นเอาไว้ เป็นเพราะว่าเดิมทีแล้วมันเป็นเมืองที่จิ่วเยี่ยมอบให้ของนาง ฉะนั้นนางจึงไม่มีความคิดที่จะไปแย่งชิงเมืองอื่น ๆ เลย
แต่ภายในคุกโลหิต การแย่งชิงเมืองนั้นเป็นเรื่องที่เป็นปกติมาก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าไม่มีทางที่มู่เฉียนซีจะไม่ทำเช่นนั้น
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดปัญหาขึ้น นั่นก็คือระหว่างการขนส่งยาลูกกลอนไปแต่ละพื้นที่ได้ถูกใครบางคนปล้นชิงไป รวมไปถึงการขนส่งสมุนไพรวิญญาณของพวกเขาเองเช่นเดียวกัน เนื่องจากว่าตอนนี้มีอำนาจบางอย่างกำลังแอบต่อต้านหอหมอปีศาจและเมืองหนามโลหิตของนางอยู่อย่างลับ ๆ นั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เฉี่ยอี้ ไปตรวจสอบมา!”
“ขอรับ!”
พลังชั้นแนวหน้าของเมืองหนามโลหิตนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะมีระดับใต้เท้าถึงห้าคน ซึ่งเป็นเรื่องที่แม้แต่เมืองใหญ่ ๆ เหล่านั้นก็ยังไม่มีความสามารถเช่นนี้เลย
แต่ทว่ากองกำลังหลักนั้นมีพลังน้อยมาก ซึ่งระดับเจ้าครองดินแดนไม่ได้มีมากไปกว่าระดับใต้เท้าเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่เกิดความคาดหมายที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีได้ใช้ยาลูกกลอนในการปรับเปลี่ยนระบบในร่างของคนในเมือง แต่การที่จะให้เลื่อนขั้นเป็นระดับเจ้าครองดินแดนก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ภายในวันสองวันเช่นกัน
สำหรับคนที่มีความสามารถระดับต่ำสุดภายในเมืองของนางแล้ว ไม่สามารถรับมือกับศัตรูที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่นำไปสู่การกระจายตัวกันลงมือได้
เมืองอื่น ๆ ของนางก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน และพวกเขาจะต้องหาผู้ที่ริเริ่มสร้างปัญหาเหล่านั้นมาให้ได้
แต่ทว่าเขตต้องห้ามตอนใต้สุดมีเมืองใหญ่นับร้อยเมือง ซึ่งมันก็ตรวจสอบได้ไม่ง่ายเลย
แต่มู่เฉียนซีให้พวกเขาจัดการเมืองของตนเองเท่านั้น ส่วนเจ้าคนที่กล้าแอบโจมตีเมืองหนามโลหิตอย่างลับ ๆ เหล่านั้น มู่เฉียนซีจะเป็นคนคิดหาทางจัดการด้วยตนเอง
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พืชกลายพันธุ์ระดับเจ็บดาวมีทั้งหมดเท่าไร?”
เฉี่ยอี้กล่าวตอบ “มีทั้งหมดสิบกว่าต้นขอรับ”
“แล้วต้นที่ใกล้จะบรรลุล่ะ?”
“เก้าต้นขอรับ!”
“ในบรรดาพวกเขามีกี่คนที่อยากจะกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างนั้นหรือ?”
เฉี่ยอี้กล่าวตอบว่า “ทุกคนเลยขอรับ! พวกเขาอิจฉาพวกเราทั้งสี่คนจะตายอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังรอที่จะบรรลุให้ได้โดยเร็ว และรอให้ท่านเจ้าเมืองช่วยทำให้พวกเขากลายเป็นมนุษย์อยู่น่ะขอรับ!”
“อย่างไรเสียหลังจากที่พวกเขากลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่สามารถมียาน้ำและยาลูกกลอนไว้กินเท่านั้น แต่ยังสามารถกินอาหารของมนุษย์ได้อีกด้วย! พวกเขาสนใจต้มเลือดเป็ด และแกงจืดวุ้นเส้นเลือดเป็ดนั้นมากเลย!”
เฉี่ยอี้กล่าวด้วยความเบิกบาน และบนใบหน้าของเขาก็ซ่อนความอวดดีเอาไว้ไม่มิด เนื่องจากว่าเขาได้ชิมของเหล่านี้มาหมดแล้วนั่นเอง
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง เจ้าพืชกลายพันธุ์เหล่านี้ล้วนเป็นนักกินตัวยงเลยทีเดียว!
เดิมทีมู่เฉียนซีวางแผนว่าจะให้พวกเขากลายร่างเป็นมนุษย์โดยไว้ที่สุด แต่ทว่าตอนนี้กลับถูกคนมารังแกถึงที่เสียแล้ว พลังในการต่อสู้ของลูกน้องก็ไม่ค่อยมีเท่าไรนัก ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงพยายามฝืนกฏเกณฑ์ธรรมชาติสักหน่อย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกมันที่ตั้งตารอจะได้กลายร่างเลย
มู่เฉียนซีกลั่นยาน้ำออกมาอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นพวกมันจึงเลื่อนขั้นตามขั้นตอนทั่วไป
นับตั้งแต่เฉี่ยอู่ไปจนถึงเฉี่ยสือซาน เมื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ผู้ใหญ่แล้ว พวกเขาก็ตรงมาคารวะมู่เฉียนซีทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็ดึงพี่ใหญ่อย่างเฉี่ยอี้เอาไว้ เฉี่ยอี้จึงจำใจต้องพาพวกเขาไปกินอาหารมนุษย์มื้อใหญ่
และมีเพียงเฉี่ยซื่อที่ไม่ไป เพราะเขาน่าจะเป็นคนโลภเรื่องกินน้อยที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว และอาหารที่เขาชอบก็มีเพียงสิ่งที่เจ้านายป้อนเท่านั้น
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย การกินก็ทำให้เสียเวลามากเกินไป ฉะนั้นไม่สู้เรียนให้มากยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อขอรางวัลจากเจ้านายดีกว่า
และไม่ว่าจะมีสหายที่อยากจะแปลงร่างเป็นมนุษย์มากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เขาจะต้องมีความสามารถและมีความแข็งแกร่งที่สุดเพื่อช่วยเหลืองานของเจ้านายของพวกเขาให้จงได้
มีคนมาเพิ่มอีกสิบคนก็ทำให้สามารถจัดการงานให้ดีขึ้นได้ และตอนนี้มู่เฉียนซีก็จับพวกเขายัดเข้าไปในกลุ่มการขนส่งยาลูกกลอนและยาน้ำของนางแล้ว
หากมีคนลอบโจมตี ศัตรูทุกคนจะต้องถูกกวาดล้างจนหายไปหมดในทันที
อย่างไรเสียคนที่ถูกส่งไปมากที่สุดก็ล้วนมีความสามารถเป็นเพียงเจ้าครองดินแดนเท่านั้น เพราะระดับใต้เท้าจะเอาแต่เชื่อฟังคำสั่งของท่านเจ้าเมือง จะให้ไปทำเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ได้เช่นไรกัน
.
.