ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2384 ประตูคุกเปิดออก
ก่อนที่คุกจะเริ่มเปิดออก พวกเขาก็ได้ส่งกองกำลังมหาศาลออกไปรอล่าเหยื่ออยู่ข้างนอกแล้ว
หากความสามารถของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าศัตรู เช่นนั้นศัตรูย่อมกลายเป็นเหยื่อของพวกเขา
แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็อาจจะกลายเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้ามก็ได้เช่นกัน
เยาเยี่ยกล่าวว่า “นายท่าน ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ประตูใหญ่ก็จะเปิดออกแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ทั้งหมดเตรียมอาวุธลับให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพิษทั้งหมดได้จัดเตรียมไว้อย่างไร้ช่องโหว่ ทุกคนจงซ่อนตัวให้ดี”
“ขอรับ!”
เมืองหนามโลหิตของนางสร้างขึ้นมาในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นมันย่อมไม่ได้มีกองกำลังที่แข็งแกร่งจำนวนมากเหมือนเมืองที่ถูกสร้างมาหลายร้อยปีก็มิปานเหล่านั้ นอยู่แล้ว
นางมีคนน้อย อีกทั้งยังมีความสามารถที่อ่อนแอเกินไป ฉะนั้นในเมื่อต้องจัดการเหยื่อที่มีความสามารถแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเช่นนี้ ย่อมต้องพึ่งพากลยุทธ์เป็นธรรมดา
ด้วยเหตุนี้นางจึงได้นำสิ่งที่ทำให้ได้เปรียบทั้งหมดมาใช้ประโยชน์ เช่นพิษและอาวุธลับต่าง ๆ! ซึ่งนางต้องทำให้นักโทษที่หนีออกมาตายก่อนที่เหลือค่อยว่ากันอีกที
เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามมาถึงอย่างรวดเร็ว และประตูใหญ่บานหนึ่งก็ปรากฏออกมากลางอากาศ
สุดท้ายแล้วเขตต้องห้ามใต้สุด ก็คือความว่างเปล่าที่วุ่นวายที่สุดของแดนนรก
คุกนรกทั้งหมดเหล่านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าอันแสนวุ่นวาย และแต่ละแห่งก็ตั้งอยู่บนพื้นที่อิสระอีกด้วย
ประตูบานใหญ่นี้ คือเส้นทางที่เชี่อมกันระหว่างคุกกับคุกโลหิต
“มาแล้ว!”
ในตอนที่ประตูบานนั้นถูกเปิดออก มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่ปรากฏขึ้นมา
เมื่อร่างที่มีชีวิตสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมา คนของเมืองหนามโลหิตที่แอบซ่อนอยู่ก็เริ่มใช้อาวุธลับเช่นกัน
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
มีเสียงแหวกอากาศนับไม่ถ้วนดังขึ้นมา หลังจากนั้นลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งโจมตีพวกเขาราวกับห่าฝนก็มิปาน
บนหัวของลูกธนูแต่ล่ะอันถูกทาพิษเอาไว้ และด้วยความพยายามเพียงพริบตาเดียว คนที่หยิ่งผยองในความสามารถของตนเองทว่าความแข็งแกร่งไม่เพียงพอเหล่านั้นก็ถูกโจมตีทันที
ตึง ตึง ตึง!
คนที่หนีออกมาเหล่านั้น ล้มฟุบลงไปบนพื้นมากมาย
แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนที่สามารถหลบหลีกการโจมตีของอาวุธลับระลอกนี้ได้เช่นกัน
พวกเขาหัวเราะเยาะออกมาอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าคิดว่าคนของแดนนรกจะขี้ขลาดและหนีไปเมื่อเห็นพวกข้าออกมา จนไม่กล้าล่าเหยื่อเสียอีก! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าวางแผนที่ จะใช้อาวุลับโจมตีพวกข้าเช่นนี้ แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มีความสามารถที่แข็งแกร่ง พวกเจ้าก็เป็นเพียงคนไร้ความสามารถเท่านั้นแหละ”
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากการโจมตีระลอกแรกแล้ว พวกเขาก็เริ่มโต้กลับทันที!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
หลังจากนั้นผงยาพิษก็ได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณโดยรอบ และมันก็ได้บดบังการมองเห็นของพวกเขาไปทันที
และยาพิษที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
“บัดซบเอ้ย! คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นยาพิษ!”
“คนของคุกโลหิตร้ายกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“……”
การโจมตีด้วยยาพิษและอาวุธลับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล่านักโทษที่หนีตายและคิดที่จะออกมาสังหารหมู่เหล่านี้ไม่ได้มีความเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าตกอยู ในความโกลาหลเล็กน้อยแทน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ลงมือได้! บุกโจมตีได้”
หลังจากนั้นคนของเมืองหนามโลหิตก็เริ่มเคลื่อนไหว และลงมือสังหารคนเหล่านี้ทันที
ตูมมม โครมมม!
เมื่อเสียงการต่อสู้อันดุเดือดดังขึ้น ส่วนมู่เฉียนซีก็ให้อู๋ตี้ เสี่ยวหง และเสี่ยวโม่โม่เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ทว่าเยาเยี่ยและเฉี่ยซื่อให้อยู่รอจังหวะบุกโจมตี เพราะพวกเขาคือไพ่ตายสองใบสุดท้ายของกลุ่มนี้
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่เข้าปะทะกันหลายครั้ง คนของอีกฝ่ายก็ล้มลงไปมากมายแล้ว แต่พวกเขาก็ยังสามารถทะลวงการล้อมโจมตีด้วยอาวุธลับและยาพิษออกมาได้อยู่ดี
ชายที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นราวกับตะขาบกวาดตามองไปที่พวกเขาอย่างบึ้งตึงพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นคนของเมืองไหนกันแน่? จงบอกชื่อมาซะ รอให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไร ข้าจะไปสังหารหมู่ทุกคนที่อยู่ในเมืองของพวกเจ้าซะ และจะไม่ให้เหลือรอดเลยแม้แต่คนเดียว!”
ร่างสีม่วงพุ่งทะยานออกมา และมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? ถึงได้กล้าพูดจาโอหังอย่างการคิดจะไปสังหารหมู่ที่เมืองหนามโลหิตของข้า ฝันไปซะเถอะ ะ!”
“โอ้ ที่แท้ก็ชื่อว่าเมืองหนามโลหิตนี่เอง ข้าจะรีบไปที่เมืองนั้นโดยเร็วที่สุด และเริ่มทำการสังหารหมู่อย่างมีความสุขทันที! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“ปัญหาก็คือเจ้าจะสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ ฉะนั้นอย่าพึ่งคิดถึงเรื่องอื่นเลย!”
“อาศัยเพียงแค่คนไม่เอาไหนเหล่านี้ เจ้าคิดว่ามีสัตว์เทพแล้วจะขัดขวางพวกข้าได้อย่างนั้นหรือ?” เขากล่าวอย่างเหยียดหยาม
ภายในกองกำลังนี้ ผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงคนที่บรรลุเป็นเจ้าครองดินแดนแล้วเท่านั้น
อาวุธลับและยาพิษที่พวกเขาใช้ประโยชน์ก่อนหน้านี้สามารถจัดการคนไปได้ไม่น้อย แต่ทว่าตอนนี้เหมือนจะเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เมืองที่ไร้ค่าเมืองหนึ่ง แม้แต่แม่นางน้อยที่พูดเก่งอย่างเจ้าก็อ่อนแอจนน่าสงสาร ตอนนี้วิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีกแล้ว และเวลาตายของเจ้ าก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน”
“อย่าคิดว่าจะทำร้ายนายท่านได้เลย!” พวกเสี่ยวหงและอู๋ตี้กำลังช่วยเหลือคนอื่นในการต่อสู้
ฉะนั้นเสี่ยวโม่โม่จึงพุ่งทะยานเข้ามา เพื่อปกป้องมู่เฉียนซี
“หงส์น้อยของเผ่าหงส์อย่างนั้นหรือ!” คนผู้นั้นมองไปทางเสี่ยวโม่โม่พลางกล่าวอย่างเย็นชา
“อ่อนแอเกินไปแล้ว!”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดปะทะเข้ากับพลังของเขา และเปลวเพลิงก็ปลิวไปทุกทิศทางอย่างกะทันหัน
มู่เฉียนซีพุ่งไปหาคู่ต่อสู้คนนั้น ซึ่งในบรรดาคนเหล่านี้ เขาเป็นนักโทษที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว และหากสามารถจัดการเขาได้ก็จะสยบคนเหล่านี้ได้เช่นกัน
“เพลิงนภาพิฆาต!” กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณกวัดแกว่งไปในอากาศ และพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“นี่ช่างเป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ! ข้าชอบมันเสียแล้วสิ” แววตาที่ชั่วร้ายและโลภมากของเขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี และทันทีที่เขาโบกมือก็เกิดฟ้าร้องขึ้น
เขาก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัสนี จึงสามารถทำให้สายฟ้านับไม่ถ้วนตกลงมาจากท้องฟ้าได้
เสี่ยวโม่โม่กางปีกออกจากนั้นก็เริงระบำอยู่กลางอากาศ เสียงร้องของหงส์ดังขึ้น และก็เกิดพายุที่บ้าคลั่งขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็ระเบิดออกมา
“เจ้าคนสารเลว อย่ามาเข้าใกล้นายท่านของข้านะ!”
ตูมมม โครมมม!
สายฟ้าของเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นมังกรสีเงิน และขวางเปลวเพลิงของเสี่ยวโม่โม่เอาไว้
เขากล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “เป็นเพียงแค่หงส์น้อยที่เป็นสัตว์เทพระดับสองเท่านั้น เจ้าจะเกะกะเกินไปแล้ว”
ภายในบรรดาดินแดนต่าง ๆ คนที่ถูกโยนเข้าไปในคุกโลหิต ก็เหมือนกับว่าได้ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตไปแล้ว
หากมีคนหนึ่งร้อยคนที่ถูกโยนเข้าไปในคุก ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะยังมีชีวิตรอดออกมาได้
คนที่ถูกทรมานอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ย่อมยากต่อการจัดการมากกว่าคนที่นางเคยเจอจากแดนซวนเทียนและคุกโลหิตอยู่แล้ว และเพื่อที่จะทำลายศัตรู พวกนางจึงต้องระเบิดพลัง ที่แข็งแกร่งมากที่สุดออกมา
ตึง!
เสี่ยวโม่โม่ที่เป็นสัตว์เทพระดับสองได้ถูกพลังสายฟ้าของฝ่ายตรงข้ามโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป และหลังจากนั้นพลังสายฟ้าเหล่านั้นก็พุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซีทันที
“ตายซะเถอะ!”
“นายท่าน!” เนื่องจากพลังสายฟ้านั้นอันตรายมากเกินไป จึงทำให้เฉี่ยซื่อในตอนนี้ขัดคำสั่งของเจ้านายและพุ่งทะยานออกไปทันที
แต่ทว่า เขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี!
ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายใช้พลังของอัสนี แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
อย่างไรเสียการฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่วิปลาสนั้นของนาง ก็ไม่ได้เป็นการฝึกฝนที่เสียเปล่าแต่อย่างใด
หากเป็นการโจมตีของพลังธาตุชนิดอื่น การรับการโจมตีเช่นนี้หากไม่ทำให้นางตายก็คงทำให้นางสาหัสเป็นแน่
แต่ทว่าการถูกพลังอัสนีโจมตี กลับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนบนผิวหนังของมู่เฉียนซีได้แม้แต่น้อย
พลังอัสนีที่ระดับเจ้าครองดินแดนระดับบนคนหนึ่งระเบิดออกมา สำหรับมู่เฉียนซีแล้วมันไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อร่างกายของนางได้มากเท่าไรนัก
อย่างไรเสียร่างกายนี้ของนาง ก็เคยได้รับการโจมตีของพลังอัสนีที่แข็งแกร่งมาแล้วไม่น้อยเช่นกัน
“ยอดฝีมือระดับใต้เท้าอย่างนั้นหรือ!” ตอนที่เฉี่ยซื่อปรากฏตัวออกมา ชายที่มีรอยแผลเป็นผู้นั้นก็กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
แต่ทว่าเขาก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของเฉี่ยซื่อได้อย่างหวุดหวิด และไม่ปล่อยให้มือของเฉี่ยซื่อทะลุเข้าไปในหน้าอกของเขาได้สำเร็จ
แต่ถึงเขาจะสามารถหลบหลีกการโจมตีของเฉี่ยซื่อได้ ทว่าก็ยากที่จะหลบหลีกการโจมตีของคนที่คาดไม่ถึงคนหนึ่งได้ ซึ่งคนผู้นั้นก็คือมู่เฉียนซีนั่นเอง
เนื่องจากนางถูกอัสนีโจมตี จึงทำให้เขาลดการเฝ้าระวังลงเพราะคิดว่านางจะต้องถูกโจมตีกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ซึ่งเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่มีความสามารถไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนอย่างนาง จะสามารถรอดจากการโจมตีด้วยสายฟ้าของเขาได้!