ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2386 ผิดปกติเกินไป
พืชกลายพันธุ์ที่กลายร่างแล้วทั้งสิบสามคนของเมืองหนามโลหิต มีเฉี่ยอี้ เฉี่ยเอ้อร์ เฉี่ยซานและเฉี่ยซื่อที่แข็งแกร่งมากที่สุด
ส่วนคนอื่นเนื่องจากว่าเพิ่งกลายร่างมาเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจได้ไม่นาน ความสามารถของพวกเขาจึงยังไม่แข็งแกร่งเท่าไรนัก
และตอนนี้เฉี่ยชีและเฉี่ยปาก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับการต่อสู้ที่ยากลำบาก เฉี่ยชีกล่าวว่า “ฆ่ามัน! พวกเราจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของศัตรู จนทำให้เจ้านายขายหน้าไม่ได้ ฆ่ามันซะ!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พวกเจ้าก็เป็นเพียงเหล่าลูกแกะที่พวกข้าสามารถฆ่าได้ตามใจชอบ! พวกเจ้าไม่ต้องดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เช่นนั้นอีกแล้ว จงตายด้วยน้ำมือพวกข้าอย่างเชื่อฟังเสียเถอะ!” น้ำ ำเสียงที่ดูชั่วร้ายเสียงหนึ่งดังขึ้น
จิตวิญญาณในการต่อสู้ของกองกำลังของเมืองหนามโลหิตไม่แพ้คนบ้าที่หนีออกมาจากภายในคุกเหล่านี้เลย แต่ทว่าจำนวนคนของพวกเขาเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่ง
“ฆ่ามัน!”
เสียงของการเข่นฆ่าดังกระจายไปทั่วพื้นที่โล่งกว้าง และตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกว่าท้องฟ้าได้มืดลงอย่างกะทันหัน
จากนั้นเปลวเพลิงที่คุ้นเคยก็ตกลงมาจากกลางอากาศ และบนใบหน้าของทุกคนก็เผยรอยยิ้มออกมา
“เป็นท่านเจ้าเมือง! ท่านเจ้าเมืองมาช่วยพวกเราแล้ว”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดตกลงมาจากกลางอากาศ และเมื่อระดับใต้เท้าคนหนึ่งมองขึ้นไปกลางอากาศก็กล่าวขึ้นมาว่า “โอ้! คิดไม่ถึงเลยว่าเมืองของพวกเจ้าจะไม่ได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดในก การจัดการพวกเรา เจ้าเมืองของพวกเจ้าเป็นใครกัน?”
แววตาของเขาจ้องมองไปที่เยาเยี่ยและเฉี่ยซื่อ เพราะมีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง ส่วนคนอื่นนั้นไม่ต่างอะไรจากมดปลวกเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าคือเจ้าเมืองหนามโลหิตของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด ยินดีต้อนรับพวกเจ้าเข้าสู่คุกโลหิตแห่งนี้ ผู้ที่ยอมแพ้และไม่ต่อต้านจะไม่ถูกฆ่า ส่วนในทางตรงกันข้ามจะถู กฆ่าทันที!”
มู่เฉียนซีค้นพบว่าการล่าเหยื่อในคราวนี้ไม่ปกติอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นเมืองหนามโลหิตของพวกนางจะล้มเหลวไม่ได้
และหากสามารถคัดสรรคนเหล่านี้มาเพิ่มความแข็งแกร่งของทางนี้ได้ก็ยิ่งดี ดังนั้นนางจึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของนาง
“นายท่าน!” เยาเยี่ยจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตื่นตระหนก
อย่างที่รู้กันว่าไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีศาจโลหิตล่าเหยื่อครั้งใดก็ไม่มีผู้ใดมีความกล้าที่จะรับพวกเขาเหล่านี้เข้ามา เนื่องจากว่าพวกเขาคลานออกมาจากนรกที่ร้ายกาจ และภายในใจของพว วกเขาทุกคนล้วนดำมืดเป็นอย่างมาก แม้ว่าใบหน้าจะแสดงออกถึงการยอมจำนน แต่ไม่แน่ว่าอาจจะหันกลับมาแทงข้างหลังก็เป็นได้
พวกเขายังไม่ออกจากคุก และมีความคุ้นเคยกับแดนนรก แต่คนเหล่านี้อันตรายเกินไป เรื่องการเล่นกับไฟจนไฟเผาตนเองนั้น ไม่มีเจ้าเมืองคนใดสามารถทำได้ เพราะมีบทเรียนจากอดีตมากมาย
ดังนั้นทุกครั้งที่ล่าเหยื่อ หากเจ้าไม่ตายก็ต้องเป็นข้าที่ตายทุกครั้งไป
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เยาเยี่ย เจ้าอย่าลืม ว่าข้าคือนักปรุงยาคนหนึ่ง ข้าคือหมอปีศาจ! แม้ว่าการฝึกหมาป่าให้เชื่องจะเป็นเรื่องยาก แต่มันก็สามารถเปลี่ยนเป็นแกะได้อยู่ดี”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ยอมจำนนอย่างนั้นหรือ! เท่าที่ข้าได้รับรู้มา การยอมจำนนเป็นนิสัยของคนไร้ค่าเท่านั้น และการยอมจำนนก็หมายถึงความตาย เจ้าคิดว่าพวกข้าจะยอมจำนนอย่างนั้นหรือ?” คนระดับ ใต้เท้าผู้นั้นหัวเราะขึ้นมาทันที
เพราะกฏการเอาชีวิตรอดของคุกที่โหดร้าย ไม่มีคำว่า ‘ยอมจำนน’ คำนี้อยู่เลย
มู่เฉียนซีกล่าวสั่งอย่างเย็นชาว่า “ฆ่ามัน! จัดการให้รวดเร็วฉับไวที่สุด!”
เนื่องจากการสนับสนุนมาได้ทันเวลา ตอนนี้ทางด้านของพวกเขาที่ทนยอมรับความพ่ายแพ้มาเพียงพอแล้ว บวกกับมีระดับใต้เท้าเพิ่มมาอีกสี่คน ย่อมไม่ต้องมาปวดหัวกับคนเหล่านี้อีกแล้ว
ตูมมม โครมมม!
การต่อสู้ระยะประชิดและการเข่นฆ่า ทำให้เลือดสด ๆ ไหลนองอยู่เต็มพื้นไปหมด และมู่เฉียนซีก็ร่วมมือกับสัตว์พันธสัญญาของนางเข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน
ร่างเงาร่างหนึ่งเจาะผ่านมาในความว่างเปล่า ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที จากนั้นจึงใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาเพื่อหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
เส้นผมของนางถูกตัดขาด ทว่าพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีก็ได้ตรึงคนที่ลอบโจมตีนางผู้นั้นเอาไว้
ช่างเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยจริง ๆ!
เมื่อการเคลื่อนไหวล้มเหลว เขาก็เลือกที่จะซ่อนตัวอีกครั้ง
เสี่ยวโม่โม่และเสี่ยวหงพุ่งทะยานเข้ามา “เจ้าเด็กสารเลวนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าแอบลอบโจมตีนายท่านของพวกข้า”
นักโทษเหล่านี้ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า หญิงสาวที่มีความสามารถไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนอย่างนาง จะสามารถเป็นเจ้าเมืองที่นำกลุ่มคนเหล่านี้ได้
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่พวกเขาก็รู้ว่าการฆ่าหญิงสาวผู้นี้ จะสามารถทำลายขวัญกำลังใจของคนเหล่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการที่จะลอบสังหารมู่เฉียนซีอย่างต่อเนื่อง
แต่ทว่าหญิงสาวผู้นี้คือฝันร้ายของนักฆ่าทั้งหมด การตอบสนองของนางยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความเร็วที่รวดเร็วมากอีกด้วย แม้ว่านักฆ่าจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่านางม มาก ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้เมื่อเผชิญหน้ากับนาง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์เทพที่ยากจะรับมือที่อยู่ข้างกายนางทั้งสองตัวนั่นเลย
พรวด!
เฉี่ยซื่อลงมือจัดการคนระดับใต้เท้าด้วยตนเอง และบดขยี้หัวใจของเขาจนแหลกละเอียด
ในตอนนี้ยังเหลือคนระดับใต้เท้าอยู่อีกหนึ่งคน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่ง เขาที่ยังไม่อยากตาย จึงเลือกที่จะหลบหนีไป
หลังจากนั้นหนามแหลมจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ขวางทางเขาเอาไว้ ซึ่งทุกพื้นที่ก็ได้ถูกผนึกเอาไว้หมดแล้ว สีหน้าของคนผู้นั้นซีดเผือดขึ้นทันที “เจ้า…เดิมทีแล้วพวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์ แต่ เป็นพืชกลายพันธุ์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพืชกลายพันธุ์!
มีมนุษย์น้อยคนนักที่จะสามารถฝึกพืชกลายพันธุ์ให้เชื่องได้ ซึ่งหนามโลหิตที่โหดร้ายกับสัตว์ร้ายต่างก็ฝึกให้เชื่องได้ยากพอ ๆ กัน แต่กลับมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาถึงสามตัวภ ภายในพริบตาเดียว
ส่วนพวกของเฉี่ยซื่อและเฉี่ยชีก็ลงมือและออกกระบวนท่าอย่างโหดเหี้ยม
เยาเยี่ยกล่าวว่า “พวกเจ้าลงมืออย่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย มอบหน้าที่ให้ข้าน้อยเถอะ! ข้าคิดว่านายท่านมีเรื่องมากมายที่ต้องการจะถามเขา ก่อนหน้านี้ที่นายท่านต้องการจะช่วย ยเหลือ เจ้าควรขอบคุณนายท่านก่อนถึงจะถูก!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ มันจึงทำให้จิตใจของคนผู้นี้ก็เริ่มว้าวุ่นขึ้นมาทันที และพอดีกับตอนที่เยาเยี่ยใช้วิชามหาเสน่ห์ของตนเอง ซึ่งคราวนี ก็ประสบความสำเร็จไปด้วยดี
พรวด!
เมื่อตกอยู่ภายใต้เสน่ห์ของเยาเยี่ย เขาก็ได้ตัดเส้นลมปราณของตนเอง และกลายเป็นคนพิการไปในทันที
คนที่อยู่ทางนั้น หากไม่ตาย ก็หนีได้ด้วยอาการที่บาดเจ็บสาหัส และไม่มีคนยอมจำนนเลยแม้แต่คนเดียว
พวกเขาชนะแล้ว และถึงใบหน้าของกองกำลังของเมืองหนามโลหิตจะเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่พวกเขาต่างก็ยินดี เพราะการล่าเหยื่อคราวนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
“คุกเข่าลง!” เยาเยี่ยก็กล่าวกับคนผู้นั้น ในตอนที่มู่เฉียนซีเดินเข้ามา
มู่เฉียนซีมองไปยังคนที่ถูกเยาเยี่ยทำให้สับสนผู้นั้นแล้วกล่าวถามว่า “นักโทษอย่างพวกเจ้าที่หนีออกมาจากภายในคุกโลหิตเหล่านั้น คิดที่จะทำอะไรกันแน่?”
“สถานที่อื่นข้าไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก แต่ทว่านักโทษของคุกใหญ่ต่าง ๆ ในเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดล้วนมีความเชื่อมโยงกันหมด แต่ละคุกจะมีคนระดับใต้เท้าสองคนขึ้นไป และคนที่พา าพวกเรามาฆ่าเหยื่อทุกคนในเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด ก็ต้องการที่จะหาทางควบคุมเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดของคุกโลหิตแห่งนี้” เขากล่าวตอบ
คิดไม่ถึงเลยว่าภายในคุกใหญ่แต่ละคุกจะมีการเชื่อมโยงกัน และคนระดับใต้เท้าจำนวนมากก็สามารถหลบหนีออกมาจากแต่ละคุกได้ สำหรับเมืองใหญ่ต่าง ๆ ที่ไม่มีคนระดับใต้เท้าเข้าร่วมล่า าเหยื่อมากนัก จะต้องถือว่าเป็นข่าวร้ายอย่างแน่นอน
การล่าเหยื่อเช่นนี้โดยทั่วไปแล้วเจ้าเมืองใหญ่ต่าง ๆ จะต้องเชิญระดับใต้เท้ามาคอยช่วยเหลือ แต่ทว่านักโทษที่มีระดับสูงสุดมักจะเป็นเพียงระดับเจ้าครองดินแดนมาโดยตลอด ฉะนั้นจึงมีระดั บใต้เท้ามากมายที่ไม่อยากที่เข้าร่วม แต่ทว่าคราวนี้…
เมืองอื่น ๆ ไม่ได้มีขบวนทัพที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างเมืองหนามโลหิตเช่นนี้ มิเช่นนั้นก็คงไม่มีทางถูกมู่เฉียนซีที่พาคนระดับใต้เท่าไปเพียงแค่สิบกว่าคนทำให้ตกใจกลัวจนไม่กล้าต่ อต้านเช่นนั้นแน่
และขอเพียงระดับใต้เท้าคนหนึ่งสามารถหนีออกไปจากคุกได้ มันก็จะถือเป็นหายนะร้ายแรง สำหรับเมืองส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้!
บนใบหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววเคร่งขรึมออกมา นี่มันผิดปกติ มันจะผิดปกติเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนที่อยู่เบื้องหลังกำลังแอบซ่อนอยู่ในความมืดมิด และจัดการเรื่องทั้งหมดเหล่านี้อ อยู่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มีคนจงใจชักจูงให้พวกเจ้าทำเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? คนผู้นั้นคือใครกันแน่?”
“ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงแต่ว่าคนที่ล่าเหยื่อของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดแห่งนี้ จะต้องถูกทำลายล้างอย่างแน่นอน! และผู้แข็งแกร่งระดับใต้เท้าอย่างพวกเรา ไม่เพียงแต่จะได้รับอิสระ ะ และอย่างน้อยก็จะสามารถกลายเป็นเจ้าเมืองได้ด้วย” เขากล่าว
ตอนนี้มู่เฉียนซีเข้าใจถึงความร้ายแรงของการล่าเหยื่อในครั้งนี้แล้ว มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เยาเยี่ย ฆ่าพวกเขาให้หมด! และไปยังดูสถานที่อื่น ๆ ของพวกเราก่อน ส่วนความเป็นความตายของเ เมืองอื่น ๆ พวกเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราไม่สามารถปล่อยให้เมืองหนามโลหิตของพวกเราต้องประสบการณ์การสูญเสียที่ร้ายแรงได้!”
“เจ้าค่ะ!” เยาเยี่ยพนักหน้ากล่าว
และในเวลานี้ ดวงตาของคนผู้นี้ก็เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “ว่ะ ฮ่ะ ฮ่า! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะควบคุมข้า ข้ารู้ว่าข้าหนีไปไม่รอดแน่ แต่ข้าก็สามารถลากพวกเจ้าไปตายพร้อมกันกับข้าได้!”