ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2389 เจอกับบัวศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
ไม่ว่าพวกเขาาจะเกรี้ยวกราดและหยิ่งผยองเพียงใด แต่ภายใต้การทรมานด้วยยาพิษของหมอปีศาจ ทำให้สุดท้ายแล้วเจ้าพวกนี้ก็เลือกที่จะยอมจำนนในที่สุด
เป้าหมายของพวกเขาก็คือการทำให้เขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดนี้กลายเป็นของพวกเขา และหลังจากที่ยึดครองเมืองใหญ่ต่าง ๆ ได้แล้ว ก็ให้ปลดปล่อยด้วยการฆ่าอย่างป่าเถื่อน
ส่วนใครคือผู้ที่แอบช่วยเหลือพวกเขาอย่างลับ ๆ นั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
แต่พวกเขาทำได้เพียงแค่คาดเดา ว่าจะต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งอยู่เบื้องบนสักคนแน่นอน
“คนของคุกแดนนรกส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเหมือนอย่างพวกเจ้า ที่หากไม่ได้ถูกศัตรูโยนเข้าไปก็เป็นเพราะก่ออาชญากรรมมาทั้งนั้น แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ถูกฆ่าไปเลย แต่กลับเหลือทางรอดไ ไว้ให้พวกเจ้าเช่นนี้ล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“คุกโลหิตถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากปล่อยพวกเราเอาไว้ที่นี่และสามารถยกระดับความแข็งแกร่งให้ขึ้นไปมากที่สุดได้ พวกเราก็อาจจะสามารถกลายเป็นอ๋องได้เ เช่นกัน แต่มันก็จำเป็นต้องใช้เวลานาน ฉะนั้นสิ่งนี้สำหรับพวกเราแล้วมันเหมือนกับตายทั้งเป็นดีๆนี่เอง นอกจากนี้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับบนอย่างแท้จริงเหล่านั้นไม่ชอบการเข่นฆ่า เ เพราะพวกเขาไม่อยากแบกรับเคราะห์กรรมที่เกิดจากการฆ่าผู้คน จนทำให้เส้นทางการกลายเป็นเทพของพวกเขาต้องประสบกับเรื่องไม่คาดฝันใด ๆ ก็ตาม ดังนั้น…”
ดังนั้นคุกของแดนนรกถึงได้แน่นขนัดเช่นนี้ และถึงมันจะดูเหมือนกับเป็นการไว้ชีวิต แต่มันกลับเป็นการมีชีวิตอย่างสิ้นหวังมากกว่าเดิมเสียอีก นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ก็อาจจะต้องตายอย ยู่ข้างในคุกนั้นอีกด้วย
พวกเขาไม่ใช่คนฆ่าแต่แค่ยืมดาบสังหารคนเท่านั้น ซึ่งย่อมไม่จำเป็นต้องแบกรับเคราะห์กรรมอะไรอยู่แล้ว
นี่ก็คือความสำคัญของการดำรงอยู่ของแดนนรกที่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดของโลกแห่งนี้!
“อย่างไรเสียพวกเราก็มีจุดจบเช่นนี้อยู่แล้ว อยากจะฆ่าก็แล้วแต่เจ้าเถอะ เพราะสุดท้ายแล้วเมืองหนามโลหิตก็ต้องล่มสลายลงในไม่ช้า อย่างที่รู้กันว่าที่นี่คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ งเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด ฉะนั้นมันจึงเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ที่ผู้คนมากมายต่างเพ่งเล็งอยู่” พวกเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที นางละทิ้งการล่าเหยื่อเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย
แต่ทว่านักโทษที่ถูกปล่อยออกมาเหล่านี้ ไม่มีทางยอมแพ้เรื่องการยึดเมืองหนามโลหิตแห่งนี้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้นางจึงเสริมการป้องกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเริ่มรวบรวมข้อมูลทันที!
เมืองเล็กอื่น ๆ ได้ถูกยึดครองไปครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งก็รวมไปถึงเมืองคุนและเมืองลู่ด้วย
ส่วนเจ้าเมืองของพวกเขาก็ถูกระดับใต้เท้าที่เชิญมาคุ้มกันให้หนีออกไปนอกเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด เพื่อหาคนมาช่วยเหลือ
ความแข็งแกร่งของเหยื่อในเทศกาลล่าเหยื่อคราวนี้ดูเหมือนว่าจะเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก ซึ่งสถานะของผู้ล่าและผู้ถูกล่าในตอนนี้เกิดการสลับขั้วกันไปแล้วจริง ๆ
และสิ่งที่ทำให้มู่เฉียนซีโมโหยิ่งกว่าก็คือ หอหมอปีศาจที่นางสร้างเอาไว้ในแต่ละเมืองถูกทำลายลงนั่นเอง
โชคดีที่วัสดุที่พวกเขาใช้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จึงทำให้ภายนอกไม่ได้รับความเสียหายที่ร้ายแรงเท่าไรนัก แต่มันก็ยังถือว่าสูญเสียมากอยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราจะนั่งรอความตายต่อไปเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว เตรียมตัวออกล่าได้!”
การล่าเหยื่อของมู่เฉียนซีในครั้งนี้ นางพาแค่เฉี่ยเอ้อร์ เฉี่ยซาน เฉี่ยซื่อและเยาเยี่ยออกไปด้วยเท่านั้น และเฉี่ยอี้เป็นผู้นำคนอื่น ๆ คอยเฝ้าเมืองเอาไว้ ซึ่งจะไม่มีทางปล่อย ให้ศัตรูเข้ามาเหยียบเมืองหนามโลหิตของพวกเขาได้เด็ดขาด
แต่ทว่าเฉี่ยอี้กลับรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ท่านเจ้าเมือง ท่านพาคนไปด้วยน้อยเกินไปแล้ว เราจำเป็นต้องเตรียมคนไปคุ้มครองท่านมากกว่านี้อีกหน่อยนะขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเราจะออกไปล่าเหยื่ออีกครั้ง ฉะนั้นมีคนน้อยย่อมสะดวกกว่า นอกจากนี้เมืองหนามโลหิตก็ยังต้องการให้พวกเจ้าคอยปกป้อง วางใจเถอะ! หากเจอศัตรูกลุ่มใหญ่ พวกข ข้าจะรีบล่าถอยออกมาให้เร็วที่สุด และจะไม่ฝืนเข้าไปปะทะอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีได้ตัดสินใจแล้ว และนางพร้อมกับพวกของเยาเยี่ยทั้งสี่คนก็ออกจากเมืองหนามโลหิตไป
ตูมมม โครมมม!
และเมื่อใดที่เจอเข้ากับศัตรู พวกของมู่เฉียนซีก็สามารถจัดการด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก
เนื่องจากว่าไม่ได้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับใต้เท้า จึงทำให้สามารถกำจัดศัตรูได้อย่างรวดเร็วมาตลอดทาง
พวกเขาที่หลุดออกมาจากกรงขัง และถือว่าคนของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดเป็นเหยื่อ ตอนนี้พวกเขาได้กลายมาเป็นเหยื่อของมู่เฉียนซีแทนเสียแล้ว
เมื่อให้นักโทษที่โหดเหี้ยมเหล่านี้เป็นเหยื่อ ก็ทำให้มู่เฉียนซีที่เพิ่งจะบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับหกมาได้ไม่นานได้ต่อสู้ในสนามจริงครั้งแล้วครั้งเล่า จนความสามารถมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ซึ่งนางก็กวาดล้างศัตรูไปแล้วมากมาย พร้อมทั้งเก็บรวบรวมป้ายเหล็กที่พวกเขานำมาด้วยได้อีกจำนวนหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วอันดับในการล่าเหยื่อนั้นจะนับตามป้ายเหล็กที่พวกเขาเก็บ รวบรวมมาได้นั่นเอง
การล่าเหยื่อที่ทางออกคุกก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้รับมามากมายเช่นกัน แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่แน่ใจในสถานการณ์ของคนอื่นเลย ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ายิ่งมีสิ่งของของเชลยมากเท่าไรก็ยิ่ง ดีเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจอเจ้าแล้ว ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอแล้ว แม้ว่าข้าจะถูกขังอยู่ในแดนนรกมานับหมื่นปี แต่ก็ถือว่ามันคุ้มค่ามากเลยทีเดียว! ตราบใดที่ข้ากลายเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ ยมที่สุดได้ แม้ว่าข้าจะอยู่ที่แดนนรก แต่เผ่าเทพก็จะต้องหาทางพาข้ากลับไปให้ได้แน่นอน!”
พวกของมู่เฉียนซีไปยังเมืองที่ไร้ผู้คนเพราะถูกทำลายมานับไม่ถ้วน และเมื่อเห็นว่าหอหมอปีศาจได้รับความเสียหายนางก็รู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก
และในตอนที่พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาในเมือง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังสนั่นขึ้นมา
ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ตัวตนของนักปรุงยาก็ยังคงสูงส่งมากเสมอ และน้อยคนนักที่จะโยนนักปรุงยาอันล้ำค่าลงมายังแดนนรกแห่งนี้
แต่นักปรุงยาที่ถูกโยนเข้ามาในคุกผู้นี้ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก นักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุด เขาเหมาะสมกับมันอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้น มู่เฉียนซีก็ได้กลิ่นหอมของดอกบัวที่คุ้นเคย และร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งก็กำลังต่อสู้กับคนกลุ่มหนึ่งอยู่
ขบวนรบนี้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ซึ่งมันก็แข็งแกร่งกว่าคนที่พวกเขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้เสียอีก
นักปรุงยาคนหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ภายในคุก ทว่าเขาไม่เพียงจะสามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองเอาไว้ได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถผูกสัมพันธ์กับยอดฝีมือได้มากมายเช่นนี้
“นั่นมันบัวศักดิ์สิทธิ์เงินม่วงเก้าชั้นนี่นา!” และคนที่ต่อสู้กับคนเหล่านั้น ก็คือเจ้าเมืองของเมืองเหลียนนั่นเอง
ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่นักปรุงยาคนหนึ่งจะยอมลงมาที่คุกใต้ดิน เพื่อที่จะให้ได้มันมา
แรงดึงดูดเช่นนี้ของพืชศักดิ์สิทธิ์ ทำให้นักปรุงยาสามารถคลุ้มคลั่งได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
พรวด!
เนื่องจากต่อสู้อย่างดุเดือดกับคนเหล่านี้หลายสิบรอบ จึงทำให้ร่างกายของเจ้าเมืองเหลียนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
แม้ว่าจะมียาน้ำค่อยรักษา จนร่างกายของเขาดีขึ้นมาก แต่ทว่าเขากลับถูกผู้คนมากมายรายล้อมเอาไว้ตลอดทาง
เขารู้ว่าเป้าหมายของคนเหล่านี้ก็คือเขา ฉะนั้นจึงจงใจที่จะดึงดูดพวกเขา เพื่อปกป้องเมืองเหลียนเอาไว้
และตอนนี้เขาอยู่เพียงลำพังโดยไร้การช่วยเหลือ ซึ่งอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาก็ใกล้ที่จะทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
นักปรุงยา เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมากที่สุดจริง ๆ!
แววตาของเจ้าเมืองเหลียนฉายเววเย็นยะเยือกออกมา เขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแน่นอนอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เขาคงได้เสียชื่อพืชศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แย่แน่! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนั่นจะระเบิดตนเอง!”
เพราะเขาขอตายอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่าต้องอยู่อย่างไร้เกียรตินั่นเอง!
นางก็คือนักปรุงยาคนหนึ่งเช่นกัน! ฉะนั้นนางย่อมไม่อยากที่จะเห็นพืชศักดิ์สิทธิ์ทำลายตนเองไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ นี่มันจะน่าสะเทือนใจมากเกินไปแล้ว
นอกจากนี้ศัตรูเหล่านี้ ก็จำเป็นที่จะต้องถูกกำจัดอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรับมือได้ยากมากก็ตาม!
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ลงมือ ทำลายพวกมันซะ!”
ในตอนที่เจ้าเมืองเหลียนกำลังจะระเบิดตนเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยกำลังพุ่งทะยานเข้ามา ซึ่งมันก็คือกลิ่นอายของพืชกลายพันธุ์อย่างหนามโลหิตนั่นเอง
ตูมมม!
พวกของเฉี่ยซานพุ่งทะยานออกไป และสกัดกั้นศัตรูเอาไว้ จากนั้นร่างสีม่วงก็ดึงเจ้าเมืองเหลียนออกจากวงล้อมของการต่อสู้นั้นทันที
พรวด พรวด พรวด!
เนื่องจากว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป มู่เฉียนซีจึงได้ฉีดยาให้เขาสองสามเข็ม
ความเจ็บปวดแผ่ซายไปทั่วร่างกายเป็นระลอก และหลังจากนั้นเจ้าเมืองเหลียนก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองดีขึ้นมาทันที
แต่อาการบาดเจ็บภายในที่ยังพอทนไหวก็เริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงมอบยาน้ำให้เขาสองสามขวดพลางกล่าวว่า “ดื่มให้หมด! จะได้รักษบาดแผล”
หลังจากนั้นผู้นำที่เป็นนักปรุงยาในชุดคลุมสีดำก็กล่าวขึ้นมาว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาขัดขวางเรื่องดี ๆ ของพวกข้าเช่นนี้”
เขาเกือบที่จะคว้าพืชศักดิ์สิทธิ์มาไว้ในกำมือได้แล้ว แต่ดันมีคนวิ่งออกมาช่วยเสียได้ ซึ่งมันก็ทำให้คนผู้นี้โมโหเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าก็เป็นคนที่หนีออกมาจากคุกเหมือนกันสินะ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ถือว่าเป็นเหยื่อของข้าเช่นกัน ฉะนั้นการที่พวกข้าจะฆ่าเหยื่ออย่างพวกเจ้าก็ไม่ผิดอะไรใช่หรือไม ม่?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย
“ช่างบังอาจนัก! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าปฏิบัติต่อข้าราวกับเป็นเหยื่อเช่นนี้ ข้าก็อยากจะดูเหมือนกัน ว่าใครจะเป็นเหยื่อของใครกันแน่?” แววตาของชายชราฉายแววเย็นยะเยือก และเขา ก็ระเบิดพิษที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
และพิษชนิดนี้ก็ส่งผลกระทบแม้แต่กับพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวอย่างหนามโลหิตด้วยเช่นกัน!