ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2390 ศัตรูที่เป็นอันตราย
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มประชดประชันขึ้นมาเล็กน้อย “มันช่างน่าขันจริง ๆ ความสามารถเช่นนี้ของเจ้า ยังมีหน้ามาบอกว่าจะกลายเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกอย่างนั้นหรือ เจ้ านี่มันจะหน้าด้านเกินไปหน่อยแล้ว”
พิษเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย นางหยิบยาน้ำที่ผสมแล้วสองสามขวดออกมา จากนั้นก็โยนออกไป!
เพล้ง เพล้ง เพล้ง!
หมอกสีขาวฟุ้งกระจายออกมาระลอกหนึ่ง จากนั้นก็ขจัดพิษของเขาออกไปได้อย่างง่ายดาย และพิษที่ทำให้พวกของเฉี่ยซื่อรู้สึกอึดอัดก็ได้สลายหายไปจนหมดสิ้น ซึ่งมันก็ทำให้พวกของเฉี ยซื่อต่อสู้กับศัตรูได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” นักปรุงยาผู้นี้ตะลึงงันไปทันที
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าพิษที่ตนเองภาคภูมิใจ จะถูกแม่นางน้อยที่อายุสิบกว่าปีคนหนึ่งถอนพิษได้ตามใจชอบเช่นนี้
บัวศักดิ์สิทธิ์เงินม่วงเก้าชั้นเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน สมกับที่เป็นหมอปีศาจนักปรุงยาที่มีพลังแห่งชีวิต ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน!
มู่เฉียนซีได้พาเจ้าเมืองของเมืองเหลียนไปยังหอหมอปีศาจ ตอนนี้คนในหอหมอปีศาจล้วนออกไปกันหมดแล้ว และมันก็เหลือเพียงหอที่ว่างเปล่า รอหลังจากที่พายุผ่านพ้นไปเมื่อไรคงจะต้องซ ซ่อมแซมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
มู่เฉียนซีมองไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองเหลียน”
“ข้าชื่ออวิ๋นจื่อ!” เขากล่าวตอบอย่างเฉยเมย
“ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเทศกาลปีศาจโลหิตล่าเหยื่อคราวนี้จะอันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกก็คงจะปรึกษาหารือกับเจ้า และรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าไปแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขร รึม
“รักษาอาการบาดเจ็บของข้า จะ…เจ้าสามารถรักษาได้อย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นจื่อประหลาดใจเป็นอย่างมาก
อย่างที่รู้ว่านางสามารถกลั่นยาเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บของเขาได้ ซึ่งนี่ก็ถือว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้ว
แต่เรื่องการรักษาจนหาย เป็นเรื่องที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หากข้าไม่สามารถรักษาเจ้าได้ ข้าก็คงจะไม่พูดออกมาหรอก”
“เจ้าเสนอเงื่อนไขที่เจ้าต้องการออกมาสิ? หรือจะบอกว่า เจ้าต้องการข้าอย่างนั้นหรือ?” ไม่ว่าจะเป็นนักปรุงยาคนใด ต่างก็โลภในตัวเขา และต้องการที่จะครอบครองเขาเป็นของตนเอง
เพียงแค่คิดว่าต้องยอมขายตนเองเพื่อที่จะรักษาร่างกายของตนเองให้หายดี ภายในจิตใจของอวิ๋นจื่อก็รู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที
“หากข้าต้องการส่วนหนึ่งของร่างกายเจ้าเพื่อนำมากลั่นยา ข้าก็หวังว่าเจ้าจะยอมมอบให้ข้าด้วยความเต็มใจ แต่วางใจเถอะ! แม้ว่าพืชศักดิ์สิทธิ์จะน่าดึงดูดมากเพียงใด แต่ข้าก็ไม่ได้ อยากที่จะยึดครองทั้งหมดของเจ้า และข้าคิดว่าด้วยความเย่อหยิ่งของเจ้าคงจะไม่ยอมตอบรับแน่ ฉะนั้นข้าจะไม่บังคับเจ้าหรอก”
แน่นอนว่านางมีความคิดที่โลภมากยิ่งกว่านี้ แต่นางก็รู้ว่าไม่มีทางเจรจาได้สำเร็จแน่
หากนำส่วนหนึ่งของพืชออกไปมันก็สามารถเติบโตขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอวิ๋นจื่อก็รู้ดีว่านี่คือข้อตกลงที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก! แต่เขากลับไม่ได้ตอบตกลงในทันที
ตูมมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าเฉี่ยซื่อจะถูกโจมตีจนลอยกระเด็นเข้ามาในหอหมอปีศาจ
และกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจนขนหัวลุกใกล้เข้ามา ซึ่งนางก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีศัตรูที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้
มู่เฉียนซีเดินออกไปกับอวิ๋นจื่อ และค้นพบว่ามีคนยืนอยู่ข้างนอกเพียงคนเดียวเท่านั้น
คนผู้นั้นแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำ และสวมหน้ากากหัวหมาป่าสีเงินเอาไว้
กลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจื่อโยวเลย นะ…นี่คือนักโทษอย่างนั้นหรือ?
ในตอนที่ดวงตาอันนิ่งสงบคู่นั้นจ้องมองมาทางมู่เฉียนซี เขาก็พุ่งทะยานเข้ามาราวกับสายฟ้าฟาดก็มิปาน “เจ้ามันสมควรตาย!”
สายตาที่เขามองไปยังมู่เฉียนซี ราวกับสายตาที่มองคนที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น “นายท่าน ระวัง…”
เฉี่ยซื่อพุ่งทะยานเข้าไปอีกครั้ง โดยที่ไม่สนใจว่าตนเองจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ความสามารถของคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก และคราวนี้เฉี่ยซื่ออาจจะต้องตายก็เป็นได้!
ในตอนนี้เอง ก็มีร่างเงาสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวออกมา และอ้านก็กล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “นายท่าน รีบถอยเร็วเข้า! เร็ว!”
พวกเขารู้ดีว่า คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่คนที่พวกเขาสองสามคนจะสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้
ซึ่งพวกเขาทำได้เพียงสละทุกอย่าง เพื่อยื้อเวลาเอาไว้ให้นายท่านมีโอกาสหนีไปได้เท่านั้น
ในคุกโลหิตแห่งนี้นอกจากท่านอ๋องแล้วก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อวิ๋นจื่อคว้าตัวมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ไปเถอะ! หากไม่ไปตอนนี้ มันได้สายเกินไปแน่”
มู่เฉียนซีสามารถรักษาเขาให้หายได้ ฉะนั้นเขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้มู่เฉียนซีตายแน่นอนอยู่แล้ว
เมื่อครู่นี้เขาฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้ไม่น้อย เขาจึงใช้พลังทั้งหมดลากมู่เฉียนซีพุ่งทะยานออกไปนอกเมือง
“ดูเหมือนว่าคนที่เจ้ายั่วยุจะอันตรายยิ่งกว่าคนที่ต้องการจะจับข้าเสียอีกนะ” อวิ๋นจื่อกล่าว
“ไสหัวไป!” ชายผู้นั้นกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร แต่หากเจ้าต้องการจะสังหารนายท่านของพวกเรา เช่นนั้นก็ต้องข้ามศพของพวกเราไปก่อน”
ตูมมม โครมมม!
การต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้น เฉี่ยซานประคองเฉี่ยเอ้อร์และเฉี่ยซื่อพลางกล่าวว่า “พวกเรา…พวกเราไล่ตามเจ้านายไปกันเถอะ…”
การต่อสู้ของทางด้านนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้!
เฉี่ยซื่อมองไปที่ร่างเงาสีดำสองสามร่างนั้น ความสามารถของพวกเขาอ่อนแอมาก อย่างไรเสียก็คงไม่สามารถปกป้องนายท่านได้แน่!
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “อื้ม! พวกเราไปหานายท่านกันเถอะ”
พรวด พรวด พรวด!
พวกของอ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากล่าวว่า “อันที่จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”
เขาหายไปต่อหน้าต่อตาอ้านและพรรคพวกอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็พุ่งทะยานไปยังทิศทางที่มู่เฉียนซีออกไปทันที
อ้านกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ต้องรีบไปแจ้งนายท่านเดี๋ยวนี้ คนผู้นั้น…คนผู้นั้นอันตรายเกินไป…”
กลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกขนลุกขนพองใกล้เข้ามา นักฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวผู้นั้น เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ดุร้ายอย่างไรอย่างนั้นเลย
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “คนผู้นี้จ้องจะเล่นงานเจ้าชัด ๆ นอกจากนี้ยังไม่ใช่นักโทษอีกด้วย แต่เขาต้องการฉวยโอกาสจากความวุ่นวายในเทศกาลปีศาจโลหิตล่าเหยื่อครั้งนี้ กำจัดเจ้าทิ้งไปเสีย!”
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำว่า ‘ในคุกโลหิตแห่งนี้คนที่ต้องการกำจัดนาง จะเป็นตาเฒ่าจากเมืองเทพสังหารเหล่านั้น หรือว่าจะมีคนอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?’
เขาเลือกสถานที่เช่นนี้โดยเฉพาะ ช่างเป็นคนที่หาเวลาได้เหมาะสมจริง ๆ!
อวิ๋นจื่อเองก็จนปัญญาเช่นกัน แต่หากเป็นตอนที่ร่างกายของเขาสมบูรณ์เขาก็ยังพอต่อสู้กับคนผู้นั้นได้อย่างทัดเทียมกัน แต่ทว่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน
“ยังไม่ทันรอให้เจ้ามาช่วยข้าเลย ตอนนี้ข้าก็ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนเสียแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นหลังจากนี้ไปข้าจะมีศีลธรรมสักเล็กน้อย ด้วยการรีดไถตัวเจ้าให้น้อยลงสักหน่อยก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“นี่คือวิธีที่เจ้าใช้แสดงความจริงใจของตนเองอย่างนั้นหรือ?” อวิ๋นจื่อกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
มู่เฉียนซีไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดเท่าไรนัก และอวิ๋นจื่อเองก็เอาแต่อาศัยอยู่อย่างสันโดษอีกทั้งยังไม่ชอบออกไปไหน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องหนีไปหลบท ที่ไหนได้บ้าง?
ครืนนนน!
มีเสียงฟ้าร้องดังออกมาระลอกหนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้อวิ๋นจื่อขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาทันที
พวกเขาต่างพากันหนีไปทั่วอย่างตื่นตระหนก แต่สุดท้ายพวกเขาดันหนีมาจนถึงหุบเขาอัสนีโกลาหลเสียได้
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่สถานที่แห่งนี้ก็มีพลังธาตุอัสนีที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ
แต่ทว่าเวลานี้ ศัตรูกลับกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่ทำการเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น และตรงเข้ามาเพื่อปลิดชีวิตของมู่เฉียนซีเท่านั้น
อวิ๋นจื่อผละออกจากมู่เฉียนซี และเผชิญหน้ากับการโจมตีของคู่ต่อสู้ผู้นั้น
ลำแสงสีเงินม่วงได้กลายร่างเป็นเกาะแสง เพื่อสกัดกั้นการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของชายผู้นี้เอาไว้
“รีบหาทางหนีไปเร็วเข้า! ข้าขวางเขาไว้ได้ไม่นานหรอกนะ”
มุมปากของอวิ๋นจื่อมีเลือดทะลักออกมา และเส้นเลือดบนผิวหนังที่ขาวราวหิมะของเขาก็ปูดขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งการต่อสู้เช่นนี้ได้สร้างภาระต่อร่างกายของเขามากเกินไปจริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เป้าหมายของเขาคือข้า หากเจ้าหนีไปตอนนี้เจ้าก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้นะ!”
“หากเจ้าตายไป ทั่วทั้งแดนนรกแห่งนี้ก็คงไม่มีใครสามารถช่วยข้าได้อีกแล้ว และทั่วทั้งเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดในตอนนี้ก็ตกอยู่ในความโกลาหลเช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะยังมีชีวิ ตรอดต่อไปได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ?” อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างหมดหนทางเช่นกัน
ตูมมม!
มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น หลังจากนั้นก็มีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาบนพื้นใต้เท้าของพวกเขา
ร่างเงาสีเงินม่วงกระอักเลือดออกมาจนตกลงมาจากกลางอากาศ และมู่เฉียนซีก็ออกโรงไปช่วยเขาทันที แต่ทว่าคนผู้นั้นก็เข้ามาใกล้มู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวกับภูตผีวิญญาณก็มิปาน
ทั้งความเร็วและการป้องกันของมู่เฉียนซี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการโจมตีของเขาเลยแม้แต่น้อย และทันใดนั้นท่าไม้ตายก็พุ่งเข้ามา
ถึงแม้ว่าความตายกำลังจะใกล้เข้ามา แต่บนใบหน้าของมู่เฉียนซีก็ไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ตูมมมม!
มีเสียงกึกก้องดังออกมา และเข็มยาที่ใช้ลอบโจมตีจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมาราวกับห่าฝน
นักฆ่าที่ลึกลับผู้นั้นได้ถูกพลังสีฟ้าดีดจนลอยกระเด็นออกไป และทันทีที่เขาโบกมืออย่างแผ่วเบา ลำแสงของเขาก็ได้กวาดเข็มยาของมู่เฉียนซีออกไปจนหมดสิ้น นอกจากนี้ยังไม่ปล่อยให้ เข็มยาของมู่เฉียนซีทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อยอีกด้วย
ดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเขาคู่นั้นจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ครั้งแรก!”