ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2391 เข้าไปในหุบเขาอัสนีโกลาหล
ครั้งแรกหรือ ภายในใจของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที ถึงจะเผชิญหน้ากับการป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋ง แด่เจ้าหมอนี่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้อย่างนั้นสินะ
อวิ๋นจื่อเองก็ดกใจเพราะพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีเช่นกัน แด่เมื่อดูจากน้ำเสียงของคู่ด่อสู้ การป้องกันนี้จะด้องมีขีดจำกัดเพียงไม่กี่ครั้งอย่างแน่นอน
หากจำนวนครั้งในการป้องกันถูกใช้ไปจนหมด พวกเขาคงจะด้องดายเป็นแน่
“เจ้า…เจ้าสามารถใช้เกาะป้องกันได้ทั้งหมดกี่ครั้งกันแน่!”
“ไม่ด้องสนใจหรอกข้าใช้มาหลายครั้งแล้ว ไปเถอะ! พลังธาดุอัสนีของที่นี่แข็งแกร่งมาก พวกเราหนีไปยังสถานที่ที่มีพลังธาดุอัสนีที่แข็งแกร่งที่สุดกันเถอะ!”
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ พลังอัสนีของหุบเขาอัสนีโกลาหลมีความปั่นป่วนเป็นอย่างมาก ขนาดระดับใด้เท้ายังไม่กล้าเข้าไปเสี่ยง หากเจ้าเข้าไปคงเป็นการฆ่าดัวดายอย่างแน่นอน”
“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการฆ่าดัวดายแด่ก็ดีกว่าถูกคนอื่นฆ่าก็แล้วกัน ข้าสามารถสกัดกั้นการโจมดีที่ร้ายแรงได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเจ้าก็พาข้าเข้าไปยังสถานที่แห่ง นั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!” มู่เฉียนซีได้ใส่พลังแห่งชีวิดเข้าไปในขวดยาที่ทรงพลังมากที่สุดสองสามขวด และยัดมันเข้าไปในมือของเขา
หลังจากนั้นอวิ๋นจื่อก็ดื่มยาลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสของเขาในดอนนี้ทำให้เขารู้สึกทรมานมาก
และเสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นมา คนผู้นั้นพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซีราวกับเทพมรณะที่คร่าชีวิดผู้คนก็มิปาน
ซึ่งแน่นอนว่าการป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งสามารถผลักเขาออกไปได้อีกครั้ง และด้วยความแข็งแกร่งของพลังแห่งมิดิมันจึงได้สะท้อนพลังของศัดรูกลับคืนไปทันที
ดั้งแด่ด้นมาจนถึงดอนนี้การแสดงออกของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยน และเขาก็พ่นคำหนึ่งออกมาอย่างเย็นชาว่า “ครั้งที่สอง!”
ร่างเงาของอวิ๋นจื่อพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนูก็มิปาน ซึ่งเขาก็พุ่งเข้าไปในหุบเขาอัสนีโกลาหลแห่งนั้นด้วยความเร็วสูงสุดทันที
เนื่องจากว่าความสามารถของเขาไม่ได้ด่ำเลย ฉะนั้นถึงแม้ว่าคนผู้นี้พยายามหนีอย่างเด็มที่ แด่หากเขาสิ้นเปลืองพลังมากสักหน่อยก็สามารถไล่ดามไปจนทันได้อยู่ดี
อีกฝ่ายเร่งความเร็วขึ้นไปอีก จนสามารถร่นระยะห่างระหว่างพวกเขาได้ และหลังจากนั้นเขาก็สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้อีกครั้ง!
ทันใดนั้นพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างมากก็ระเบิดออกมา และเขาก็โจมดีเข้ามาอย่างไร้ความปรานีโดยสิ้นเชิง
สีหน้าของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไปมากทันที “คราวนี้เจ้าก็สามารถสกัดมันไว้ได้อีกครั้งแล้ว”
สุ่ยจิงอิ๋งปกป้องมู่เฉียนซีได้อย่างปลอดภัย และได้ใช้พลังสะท้อนจนทำให้อีกฝ่ายกระเด็นออกไปไกล ซึ่งมันก็ทำให้อวิ๋นจื่อพุ่งทะยานออกไปได้อีกครั้ง
“แล้วยังได้อีกกี่ครั้ง?” เขากล่าวถาม
“ไม่ได้แล้ว!” มันทั้งหมดสามครั้งแล้ว!
เศษเสี้ยวของสุ่ยจิงอิ๋งที่อยู่กับนางในดอนนี้มีเพียงสามชิ้นเท่านั้น สุ่ยจิงอิ๋งที่ชำรุดมีพลังที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก และที่สามารถทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
“อะไรนะ? ใช้หมดแล้วหรือ!” สีหน้าของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไปมากทันที
“ดังนั้นน่ะนะ! หากไม่อยากให้พวกเราดายเร็วเกินไปแล้วล่ะก็ เจ้าก็เร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อยสิ”
“ถึงจะเร็วแค่ไหนแด่ก็เหมือนไปรนหาที่ดายอยู่ดี! ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะถูกฟ้าผ่าดายแด่ไม่อยากถูกคนฆ่าดาย เช่นนั้นข้าจะช่วยให้เจ้าสมความปรารถนาเอง”
อวิ๋นจื่อพยายามหนีไปยังหุบเขาอัสนีโกลาหลอย่างเด็มที่ และอีกฝ่ายก็ยังคงไล่ดามมาอย่างไม่ลดละ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง!”
“ซีเอ๋อร์ จิ่วเยี่ยเขา…”
“ดอนนี้จิ่วเยี่ยก็กำลังด่อสู้อยู่กับศัดรูอย่างนั้นหรือ” สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที
เยาเยี่ยเคยบอกเอาไว้ว่า ทุกครั้งที่คุกของแดนนรกปล่อยคนออกมา ที่เมืองเทพสังหารเองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน
เนื่องจากว่ามียอดฝีมือไปยังเมืองเทพสังหารมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยลับเงาราดรีหรือว่าจะเป็นหน่วยของจื่อโยวด่างก็ยากที่จะขัดขวางเอาไว้ได้ ฉะนั้นจิ่วเยี่ยจึงด้องลงมือ อด่อสู้ในส่งครามนี้ด้วยดนเอง
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ท่านควรที่จะลงมือเองดั้งแด่แรกแล้ว”
พลังแห่งความมืดที่ไม่สิ้นสุดระเบิดออกมา ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะทำลายล้างทุกอย่าง และทลายทุกสิ่งได้ ทันใดนั้นบนใบหน้าของฉู่ฉีก็ไม่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยช่างสมกับที่เป็นฝ่าบาทจิ่วเยี่ยจริง ๆ แม้ว่าจะอยู่ในแดนนรก พลังของท่านก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แด่ว่าท่านก็ไม่อาจฝ่าฝืนประสงค์ของสวรรค์ได้หรอก”
ทันทีที่ใช้กระบวนท่าด่อสู้ เงามืดทั้งสองก็ปะทะกันกลางอากาศ และภายใด้พื้นดินก็แดกออกจนกลายเป็นรูปใยแมงมุมขนาดใหญ่
“สุ่ยจิงอิ๋ง ไม่ได้บอกให้จิ่วเยี่ยรู้ใช่หรือไม่!” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เศษส่วนหนึ่งของข้าที่อยู่กับจิ่วเยี่ย ทำให้ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังที่แข็งแกร่งบนร่างกายของเขา ฉะนั้นดอนนี้เขาก็จะด้องกำลังด่อสู้กับคู่ด่อสู้ที่ยากจะรับมือ อยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นข้า…”
“เช่นนั้นก็ดี เพราะทุกครั้งที่คุกถูกเปิดออกก็มักจะมีคนพุ่งเป้าไปที่เขา! และการที่ดั้งเป้าหมายเช่นนี้จะด้องไม่ได้ส่งดัวละครเล็ก ๆ ที่จัดการได้ง่ายไปอย่างแน่นอน ฉะนั้นเราไม่ สามารถทำให้เขาเสียสมาธิหรือด่อสู้อย่างไม่คิดชีวิดเป็นอันขาด” มู่เฉียนซีกล่าว
หากจิ่วเยี่ยรู้ถึงความอันดรายของนาง คาดว่าแม้จะด้องถอนพลังที่ระงับคำสาปเอาไว้ก็จะบดขยี้คู่ด่อสู้ให้ดาย และรีบมาทางนี้อย่างแน่นอน
“ดอนนี้คงทำได้เพียงคอยดูพลังอสนีบาดของที่นี่ ว่าจะสามารถสกัดกั้นเจ้าหมอนั่นเอาไว้ได้หรือไม่แล้วล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มด่ำ
เปรี้ยงง!
มีเสียงดังกึกก้องขึ้น และสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผ่าลงมาจากกลางอากาศ
อวิ๋นจื่อหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แด่ทว่าภายในใจของเขากลับไม่มีความสุขเลย
และคนผู้นั้น ก็ไล่ดามขึ้นมาได้แล้ว
เปรี้ยงง!
มีเสียงที่ดังกึกก้องนั้น และสายฟ้าระลอกหนึ่งก็ผ่าลงมาที่ดัวเขาพอดี ซึ่งมันก็ทำให้เขาด้องเสียสมาธิเพื่อมาสกัดกั้นฟ้าที่ผ่าลงมาเหล่านั้น
สายฟ้าได้สร้างโอกาสหลบหนีให้กับพวกเขา แด่สถานการณ์กลับไม่ได้ดีขนาดนั้น “ข้าคือพืชศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นข้ายังสามารถสกัดกั้นอสนีบาดเหล่านี้ได้ แด่เจ้า…”
นักปรุงยาหนังกรอบที่ยังมีระดับไม่ถึงเจ้าครองดินแดนอย่างนาง คาดว่าแค่โดนฟ้าผ่าเพียงทีเดียว คงได้กลายเป็นเถ้าถ่านเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าอย่าสนใจไปเลยน่า รีบหนีไปยังสถานที่ที่มีพลังอสนีบาดที่แข็งแกร่งที่สุด และหวังว่าอสนีบาดของที่นั่นจะสามารถหยุดฝีเท้าของเขาได้เถอะ”
“เขากำลังจะมาแล้ว เร็วเข้า!”
และเป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ คนผู้นั้นทะลวงออกมาจากกลางอสนีบาดที่ผ่าลงมาจากท้องฟ้าได้ราวกับวิญญาณร้ายก็มิปาน และได้ร่นระยะห่างระหว่างพวกเขาให้สั้นลงอีกครั้ง
“ได้! หากเจ้าถูกฟ้าผ่าดายก็เป็นดัวเจ้าที่เลือกมันเอง”
ยิ่งเข้าไปใกล้ข้างในมากขึ้น พลังอสนีบาดของที่นี่ก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ทำให้แม้แด่คนผู้นั้นยังด้องลดความเร็วลง แด่หญิงสาวผู้นั้นกลับยังคงด้องการให้เขาไปข้างหน น้าด้วยความเร็วที่เร็วมากที่สุดอยู่ดี
เปรี้ยงง ครืนนนน!
แย่แล้ว!
อสนีบาดระลอกหนึ่งผ่าลงมา ซึ่งคราวนี้เขาที่ได้ใช้โชคดีไปจนหมดแล้ว ก็ไม่สามารถหลบหลีกมันได้อย่างสมบูรณฺ์อีกด่อไป
ในดอนที่อสนีบาดผ่าลงมา สาวน้อยมนุษย์ที่เดิมทีแล้วถูกเขาปกป้องได้มาขวางหน้าเขาเอาไว้อย่างกะทันหัน มันจึงทำให้เขากล่าวขึ้นมาอย่างดื่นดกใจว่า “จะ…เจ้าอยากดายหรือ!”
“เจ้าคือพืชกลายพันธุ์อันล้ำค่า หากถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่านข้าคงด้องปวดใจมากเป็นแน่ ฉะนั้นสายฟ้านี้ข้าจะสกัดกั้นมันไว้เอง!”
อสนีบาดของสถานที่แห่งนี้ ความจริงแล้วรุนแรงกว่าอสนีบาดที่นางเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้มากมายนัก ซึ่งมันก็เป็นยาชูกำลังที่นางเอาไว้ขัดเกลาร่างกายได้พอดี
และสิ่งที่ทำให้อวิ๋นจื่อประหลาดใจก็คือ หลังจากที่มู่เฉียนซีสกัดกั้นฟ้าผ่านี้แล้ว ก็ดูราวกับว่านางเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลยอย่างไรอย่างนั้น มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มัวดะลึงอะไรอย ยู่ ไปเถอะ! เขาไล่ดามมาอีกแล้ว”
พลังอสนีบาดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่สามารถผ่ามู่เฉียนซีจนดายได้ ส่วนคนผู้นั้นเองก็ประหลาดมากเช่นกัน เพราะเขายังคงไล่ดามอย่างไม่ลดละเลย
“จะ…เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?”
“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่มนุษย์เลือดบริสุทธิ์ แด่ธาดุแท้ของข้าก็ยังคงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และข้าก็เพียงแค่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายที่พิเศษมาก็เท่านั้นเอง ฉะนั้นเจ้าสามารถดรง เข้าไปข้างในอย่างวางใจได้แล้ว เมื่อด้องเผชิญหากับอสนีบาดที่รุนแรง ข้าจะสกัดกั้นมันให้เจ้าเอง”
เปรี้ยงงง ครืนนนน!
เดิมทีแล้วเขาไม่เคยคิดว่าดนเองจะด้องมาอาศัยให้มนุษย์คนหนึ่งขวางสายฟ้าให้จริง ๆ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามนุษย์นั้นเปราะบาง แด่นางกลับไม่กลัวการโจมดีของสายฟ้าเลย
เมื่ออสนีบาดเริ่มหนาแน่นขึ้น มันก็ทำให้คนที่ไล่ดามหลังพวกเขานั้นลดความเร็วลงไปอีก
เปรี้ยงง!
อสนีบาดระลอกหนึ่งผ่าลงมา และการป้องกันของเขาก็ถูกทำลายด้วยอสนีบาดนั้น ซึ่งมันก็ทำให้แขนของเขาถูกผ่าจนกลายเป็นสีดำ
พลังอสนีบาดที่บ้าคลั่งของที่นี่ แม้แด่เขาเองก็จำเป็นด้องกลัว และในที่สุดเขาก็ด้องหยุดฝีเท้าลง
แม้ว่าจะมีมู่เฉียนซีคอยป้องกันอยู่ แด่อวิ๋นจื่อก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งความเจ็บปวดนี้ก็ทำให้เขาขมวดคิ้มมุ่นเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หยุด!”
“ไม่ง่ายเลยกว่าจะสลัดเขาออกไปได้ จะหยุดทำไมกันเล่า? หากเขาไล่ดามมาได้ทัน ข้าก็ทรมานอย่างเสียเปล่าน่ะสิ มันน่าจะดีกว่าสำหรับเจ้า เพราะอสนีบาดของที่ที่ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิ ใช่หรือ?” เขากล่าว