ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2392 หลุมพรางที่จัดวางอย่างดี
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “เขาหยุดลงแล้ว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเขาจะถึงขีดจำกัดแล้วด้วย นอกจากนี้เจ้าเองก็ใกล้ที่จะทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน”
“เจ้าไปรออยู่ในมิติของข้าก่อนเถอะ!”
“ข้าไม่ใช่สมุนไพรวิญญาณธรรมดาเหล่านั้นสักหน่อย เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าจะสามารถรอเจ้าอยู่ในมิติของเจ้าได้”
“เจ้าลองเข้าไปดูก่อนก็แล้วกัน”
“ได้! เจ้าก็อย่าตายก็แล้วกัน” อวิ๋นจื่อกล่าว
มันสัญญากับตนเอง และให้มู่เฉียนซีสามารถนำพืชศักดิ์สิทธิ์นี้เข้าไปใส่ไว้ในมิติของศาลาเรือนรางเก้าชั้นได้
อวิ๋นจื่อหายไปจากเบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และข้างหน้าของเขาในตอนนี้ก็เป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ซึ่งด้านบนนั้นมีศาลาที่สมบูรณ์แบบและสง่างามอยู่ทั้งหมดสามหลังด้วยกัน
ในทะเลสาบมีเกาะเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเป็นหย่อม ๆ ทั่วพื้นที่ ซึ่งบนเกาะเหล่านั้นก็ได้ปลูกสมุนไพรวิญญาณชนิดต่าง ๆ เอาไว้
สมุนไพรวิญญาณบางชนิดก็มีระดับต่ำจนถูกเขาคิดว่าเป็นเพียงแค่วัชพืชทั่วไป นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเทพที่มีระดับยอดเยี่ยมอีกด้วย
สถานที่แห่งนี้เหมาะที่จะปลูกสมุนไพรวิญญาณอย่างแน่นอน หากเขาสามารถอาศัยอยู่ในมิติแห่งนี้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับการรักษาจากนักปรุงยา อาการบาดเจ็บของเขาก็สามารถฟื้นฟูอย่างรว วดเร็วได้เช่นกัน
มิติแห่งนี้น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก และอวิ๋นจื่อเองก็รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อยอีกด้วย
คนผู้นั้นหยุดลงอย่างที่คาดเอาไว้ และความท้าทายที่มู่เฉียนซีต้องเผชิญก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ด้วยพลังของอสนีบาตที่บ้าคลั่งของที่นี่ ทำให้ถึงขีดจำกัดที่นางจะสามารถทนได้แล้ว แต่แน่นอนว่านางก็ไม่สามารถถอยได้เช่นกัน
ครืนนนน!
อสนีบาตผ่าลงมาจากกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง แขนขาทั้งสี่ของนางถูกพลังอันบ้าคลั่งโจมตี ซึ่งความเจ็บปวดนี้ก็ทำให้มีเหงื่อไหลซึมออกมาทั่วร่างของนาง
มู่เฉียนซีกัดฟันเอาไว้แน่น และไม่หวาดกลัวต่ออสนีบาตเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้นางยังวิ่งวนและฝึกเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกายด้วยการใช้พลังอสนีบาตที่ทรงพลังนี้ชำระล้างร่างกาย ยของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
คนผู้นั้นหยุดอยู่ด้านนอกและยังไม่เข้ามาใกล้ ซึ่งการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของสายฟ้าทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน
หลังจากที่เขารอไปได้ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่รอให้มู่เฉียนซีล่าถอยออกมาเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากอีกต่อไป
แววตาของเขาของเขามืดมนลง ไม่ว่านางจะมีความสามารถพิเศษที่สามารถมีชีวิตรอดได้อย่างปลอดภัยจากการโจมตีอันบ้าคลั่งของอัสนีที่ทรงพลังเหล่านั้น หรือว่าจะถูกโจมตีจนกลายเป็นเถ้าถ่า านไปแล้วก็ตาม
หากเขาไม่ได้สังหารนางด้วยตนเอง หรือยังไม่สามารถยืนยันการตายของนางได้ ก็จะถือว่าภารกิจนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเช่นกัน
เขาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว และไปที่ทางเข้าออกของหุบเขาอัสนีโกลาหลที่มีอยู่แค่ทางเดียวนั้น ซึ่งนางอาจจะสามารถมีชีวิตออกมาได้ ฉะนั้นเขาจึงจะเฝ้าอยู่ตรงนั้นแทน
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่ตายเร็วเกินไปนัก เพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นถึงหญิงสาวที่ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยหลงใหล
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่กระจายเมื่อจับสัมผัสการเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นอยู่ตลอด และนางก็ค้นพบว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายได้หายไปแล้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดที่จะเสี่ยงชี วิตต่อต้านอสนีบาตเหล่านี้ เพื่อเข้ามาฆ่านาง
มู่เฉียนซีถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าการเข้ามาในหุบเขาอัสนีโกลาหลจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลยทีเดียว
อสนีบาตกลืนกินร่างของมู่เฉียนซีครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนางก็มีความเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง และนอกจากนางจะไม่ถูกอสนีบาตปลิดชีวิตแล้ว ในทางกลับกันนางยังยืมพลังของพวกมัน ทำให้ร่าง งกายของตนเองเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกด้วย
ความรวดเร็วในการยกระดับนั้นมีนัยสำคัญเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็เดินไปยังสถานที่ที่มีพลังอสนีบาตที่รุนแรงและทรงพลังมากที่สุด
ครืนนนน!
อสนีบาตผ่าลงมาจากกลางอากาศนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งมันก็ห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกย่างก้าวของมู่เฉียนซีก็ดำเนินต่อไปอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น และที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นทะเลแห่งอัสนีแห่งหนึ่งไปแล้ว
นางไม่รู้ว่าตนเองยืนหยัดอยู่เช่นนี้มานานแค่ไหน หรือเวลาผ่านไปนานเพียงใด แต่นางสามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองได้ทุกขณะ
ใกล้แล้ว ใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ แล้ว
ในตอนที่มู่เฉียนซีเข้าใกล้แกนกลาง นางก็ค้นพบเหวอันมืดมิดเกินจะหยั่งถึงอยู่ที่แกนกลางนั้น
หลังจากที่ยืนหยัดฝึกฝนร่างกายจนถึงขีดจำกัดอยู่ตรงแกนกลางแห่งนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็เตรียมที่จะไปสำรวจเหวลึกแห่งนั้น
นางต้องการค้นหาสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อกลั่นยารักษาอวิ๋นจื่อ
การฝึกฝนอยู่ในหุบเขาอัสนีโกลาหล ได้ทำให้การป้องกันทางกายภาพของนางยกระดับขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ทว่านางก็ไม่ได้อวดดีถึงขนาดที่จะสามารถหยุดยั้งการโจมตีของชายที่แข็งแกร่งผู้นั้น นได้
เขาต้องไม่ยอมแพ้ที่จะไล่ล่านางอย่างแน่นอน และหากนางออกไปก็จะต้องเจอกับการโจมตีของเขาเป็นแน่
นอกจากนี้นางก็ไม่สามารถอยู่ในหุบเขาอัสนีโกลาหลไปตลอดชีวิตได้อีกด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องยกระดับพลังในการต่อสู้ของอวิ๋นจื่อ เพื่อที่จะได้มีหนทางหลบหนีออกไปจากเงื้อมมือของคนผู นั้น
มู่เฉียนซีมองไปที่หุบเหวลึกแห่งนั้น นางค้นพบว่าอสนีบาตส่วนใหญ่ของแกนกลางได้ถูกศูยน์รวมพลังของเหวลึกนั้นดูดซับเข้าไป ดังนั้นพลังอสนีบาตของบริเวณโดยรอบจึงอ่อนแอลงเป็นอย่าง งมาก
เมื่อสังเกตเห็นถึงวิถีของศูนย์รวมพลังอสนีบาตที่อยู่ตรงหน้านั้นแล้ว มู่เฉียนซีก็ไล่ตามศูนย์รวมพลังนั้นไป
เมื่อนางอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเหวนี้ ก็ค้นพบว่ามีดอกบัวสีดำอยู่ช่อหนึ่ง
มันคือเผ่าพันธุ์เดียวกับอวิ๋นจื่อเลย!
เจ้าหมอนี่ดูดซับพลังของอสนีบาตด้วยความโลภ ซึ่งมันก็ส่งผลกระทบให้บริเวณโดยรอบไม่มีพลังอสนีบาตเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้มู่เฉียนซีสามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย ฉะนั้นนางจึงให้อวิ๋นจื่อออกมา
ร่างเงาสีม่วงเงินร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “เจ้า…เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย หลายวันมานี้ข้าคุยกับเจ้าอยู่ตลอด เจ้าไม่ได้ยินข้าเลยอย่างนั้นหร รือ?”
“ข้าใช้พลังงานทั้งหมดต่อสู้อยู่กับพลังอสนีบาต จะเอาแรงที่ไหนไปคุยกับเจ้ากันล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าว
เขาถามว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
“ที่นี่คือเหวลึกที่อยู่ตรงแกนกลางของหุบเขาอัสนีโกลาหล และพลังอัสนีของที่นี่ล้วนถูกเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้าดูดซับไปหมดแล้ว ฉะนั้นเราสามารถพักผ่อนอยู่ที่นี่ได้สักพัก!”
“กะ…แกนกลาง…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดมาจนถึงที่นี่ได้”
ไม่เคยมีผู้ใดสามารถมาถึงแกนกลางของหุบเขาอัสนีโกลาหลนี้ได้มาก่อน และคาดว่าคนที่มาคงถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้วแน่นอน
ส่วนเจ้าสิ่งที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันนี้ อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “บัวปีศาจดำกลายพันธุ์ ที่ดูดซับพลังอสนีบาตไปมากมายจนเติบโตได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ข้าสามารถยืมพลังของมันมาฟื้นฟู ได้เล็กน้อยด้วย”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้าสามารถยืมพลังของเผ่าพันธุ์เดียวกันมาใช้ฟื้นฟูตนเองได้หรือ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าคือบัวศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นการรวบรวมพลังของคนในเผ่าไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่ว่าที่แดนนรกแห่งนี้มีคนในเผ่าที่แข็งแกร่งน้อยมาก และคาดว่านอกจากข้ าแล้วบัวปีศาจดำนี้น่าจะเป็นพืชวิญญาณที่อยู่ระดับสูงที่สุดที่ข้าเคยเจอมาแล้วล่ะ”
อวิ๋นจื่อนั่งขัดสมาธิ และเริ่มทำการดูดซับพลังของบัวปีศาจดำนี้ทันที
บัวปีศาจดำนี้ก็ไม่ใช่คนที่อารมณ์ดีมากเท่าไรนัก และในตอนแรกมันเองก็ต่อต้านเช่นกัน แต่ทว่าภายใต้แรงกดดันของบัวศักดิ์สิทธิ์เงินม่วงเก้าชั้น ถึงมันไม่อยากยอมแต่ก็ต้องยอมอย ยู่ดี
อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีเมื่ออยู่ในมิติที่น่าอัศจรรย์นั้น และตอนนี้ก็ยังได้รับพลังจากเผ่าพันธุ์เดียวกันอีกด้วย ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับคนผู้นั้นอีกครั ง ก็น่าจะสามารถต่อสู้แบบตัวต่อตัวได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจื่อกำลังดูดซับพลังของบัวปีศาจดำอยู่ ทางด้านของมู่เฉียนซีเองก็กินยาไปด้วยและพักผ่อนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งการลอบสังหารครั้งนี้ไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว
นับตั้งแต่ที่นางมาถึงแดนนรกเรื่องทั้งหมดก็ได้เชื่อมโยงกัน เริ่มจากการที่พลังคำสาปของจิ่วเยี่ยระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไปจนถึงผู้แข็งแกร่งของคุกโลหิตเหล่านั้นไม่พอใจในตัวน นาง หลังจากนั้นก็เป็นการจัดสรรเมือง และยึดเมือง นอกจากนี้ยังต้องโต้กลับเจ้าเมืองของเมืองอื่น ๆ เพื่อบารมีและชื่อเสียงของเมืองอันดับหนึ่ง สุดท้ายก็เรื่องเทศกาลปีศาจโลหิตล่าเ เหยื่อ…
ในเทศกาลปีศาจโลหิตล่าเหยื่อ นักโทษที่ถูกปล่อยออกมาจากในคุกเหล่านั้น จัดการได้ยากกว่าก่อนหน้านี้อย่างน่าประหลาด ซึ่งมันก็ได้ทำให้ตอนนี้ทั้งเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดตกอยู่ใ ในสถานการณ์ที่อันตราย
ส่วนทางด้านของจิ่วเยี่ยก็ไม่สามารถแยกร่างได้ และคนที่ลอบสังหารนางก็มีความสามารถเหนือกว่าพวกของอ้านอีกด้วย ถึงจะให้พวกเขาคุ้มครองอย่างลับ ๆ ได้ แต่ก็ถูกบีบให้ตกอยู่ใน สถานการณ์ที่สิ้นหวังอยู่ดี
ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูราวกับว่าเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ถูกปูเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งทุกย่างก้าวดำเนินการไปอย่างระมัดระวัง และสุดท้ายมันก็ผลักให้นางต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง งเช่นนี้
นางเคยประลองกับเหล่ายอดฝีมือของคุกโลหิตมาแล้ว ซึ่งพวกเขาไม่มีทางคิดแผนการที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน คนที่มีแผนการที่ชั่วร้ายเช่นนี้ นางคิดได้แค่คนเดียวเท่านั้น
และคนผู้นั้นก็ถูกเรียกขานว่าเทพพยากรณ์อันหนึ่งหนึ่งของเผ่าเทพ หรือก็คือร่างทรงอู๋หยานั่นเอง!