ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2393 รู้จักนิรันดร์
หลังจากที่ทำความเข้าใจแนวคิดทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว อารมณ์ของมู่เฉียนซีก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมาทันที
หากคู่ต่อสู้ของนางเป็นคนที่มีความคิดที่น่ากลัวแล้วละก็ แม้ว่าคราวนี้จะสามารถหนีรอดไปได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องป้องกันการลอบโจมตีอีกมากเพียงใดอยู่ดี
แววตาของมู่เฉียนซีมืดมนลงทันที แต่นางก็ไม่ได้หวาดกลัวเขา และไม่กลัววิธีการของเขาด้วย
เขาอยากให้นางออกไปจากคุกโลหิตตั้งแต่แรกแล้ว และตอนนี้เขาก็ต้องการที่จะเอาชีวิตของนางด้วย
คนผู้นั้นทนนางไม่ได้ขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ? หรือเขาไม่ต้องการให้นางช่วยถอนคำสาปให้จิ่วเยี่ยหรืออย่างไรกัน?
มู่เฉียนซีมองไม่ออกเลยว่าคนผู้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หรือหากคำสาปของจิ่วเยี่ยถูกถอนออก ความช่วยเหลือของเขาก็ไม่มีความจำเป็นในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินอีกแล้ว และแน่นอนว่ามันก็ทำให้คนผู้นี้อยู่ต่อไปไม่ได้อีก
แม้ว่าเขาจะเป็นเทพพยากรณ์ที่ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ แต่นางก็สามารถหาโอกาสทำให้เขาไม่กลายมาเป็นภัยคุกคามต่อนางและจิ่วเยี่ยได้
ภายในเหวลึกที่เงียบสงบแห่งนี้ มู่เฉียนซีได้สั่งให้อู๋ตี้ออกมาเพื่อที่นางจะได้นอนลงบนขนอันนุ่มฟูของมัน
อู๋ตี้กล่าวว่า “นายท่านพักผ่อนให้สบายเถิด มีข้าอยู่ตรงนี้แล้ว!”
เจ้าเทพพยากรณ์ไร้สาระอะไรนั่น จะรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้ภายในใจของอู๋ตี้รู้สึกโกรธมากจริง ๆ
น่าเสียดายที่ความสามารถของเขายกระดับขึ้นช้าเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้พวกมันจะช่วยอะไรนายท่านที่ถูกไล่ฆ่าไม่ได้เลย
บัดซบเอ๊ย!
ทันทีที่มู่เฉียนซีลืมตาขึ้น ดวงตาสีม่วงเงินนั้นก็จ้องมองมาที่นาง เขากล่าวว่า “นี่เจ้าไปล่วงเกินคนแบบไหนมากันแน่? ในแดนนรกแห่งนี้คนที่สามารถเชิญคนเช่นนั้นมาได้มีไม่มากนัก กหรอก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้ามีคนที่รู้สึกสงสัยอยู่คนหนึ่ง คนผู้นั้นมีชื่อว่าร่างทรงอู๋หยา เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของคนผู้นั้นมาบ้างนะ!”
“ท่านอู๋หยา นะ…นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก! ท่านอู๋หยาเป็นผู้ที่ไม่มีความปรารถนาใด ๆ มาโดยตลอด ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องส่งคนมาไล่ฆ่าเจ้าเมืองเล็ก ๆ อย่างเจ้าเลย ความสามาร รถของเจ้ายังไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนเลยด้วยซ้ำ แล้วท่านอู๋หยาจะต้องการฆ่าเจ้าไปทำไมกัน?”
ในตอนที่อวิ๋นจื่อยังอยู่ที่แดนเทพเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านอู๋หยามาก่อน เขาคือเทพพยากรณ์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพ และนอกจากเทพจักรพรรดิแล้วเขาเป็นคนที่สูงศักดิ์มากที่สุ ดคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็มีความสามารถพิเศษที่ทรงพลังมากอีกด้วย
ในตอนที่ได้ยินข่าวว่าเขามาถึงคุกโลหิต เขาเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน แต่อย่างไรเขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าท่านผู้นั้นจะหาเรื่องรุ่นน้องคนหนึ่งได้
“ไม่มีความปรารถนาใด ๆ เลยอย่างนั้นหรือ?” และมู่เฉียนซีก็นึกไปถึงชายที่สามารถกลายเป็นอมตะได้ตลอดเวลาคนหนึ่ง
ถึงดูแบบผิวเผินจะเป็นเช่นนั้น แต่คาดว่าน่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
เขาไม่เชื่อก็ไม่เป็นอะไร นางแค่รู้ว่าจิ่วเยี่ยจะต้องเชื่อนางอย่างแน่นอน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าฟื้นพลังกลับมาได้มากแล้ว น่าจะสามารถออกไปได้แล้วล่ะ ข้าจะเป็นกำลังเสริมให้เจ้าเอง!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ประการแรก เจ้าอย่าลืมว่าที่นี่คือแกนกลางของหุบเขาอัสนีโกลาหล แม้ว่าเจ้าจะดูดซับพลังของบัวปีศาจดำจนฟื้นความสามารถกลับมาได้บ้างแล้ว แต่หากออกไปอย่างไม่ระ ะวังเจ้าได้ถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นตอตะโกแน่”
“ประการที่สอง หากคนที่สามารถช่วยข้าได้มาช่วยข้าแล้วละก็ ข้าก็คงไม่ถูกบีบมาจนถึงจุดนี้หรอก คนที่ต้องการฆ่าข้าได้วางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว และคนของข้าเอง อย่างพวกของเ เฉี่ยซื่อที่รวมกันนับสิบกว่าคน ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นั้นก็ได้”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้ว หรือไม่ก็รออยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ! แม้ว่าที่นี่จะทั้งมืดและเสียงดัง แต่ก็ยังโชคดีที่เอาชีวิตรอดได้ และไม่มีทางถูกคนอื่นฆ่าตาย เสียก่อนแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ข้าไม่อยากที่จะเอาแต่รออยู่ที่นี่ แน่นอนว่าต้องคิดหาวิธีออกไปอยู่แล้ว ข้ากลัวว่าหากรออยู่ที่นี่นานเกินไป เมืองหนามโลหิตอาจจะเกิดเรื่องขึ้นก็เป็นไ ได้”
นางนึกถึงนักโทษที่หนีออกมาจากภายในคุกอย่างบ้าคลั่งเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้เมืองหนามโลหิตก็ได้กลายเป็นเมืองที่พวกเขาต้องการจะยึดครองไปแล้ว
ถึงพืชกลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวอย่างพวกของเฉี่ยอี้เหล่านั้นจะแข็งแกร่งมาก แต่นางก็ไม่รู้ถึงความสามารถของศัตรูเลย นางกลัวว่าภายในเมืองจะเกิดเรื่องขึ้น ฉะนั้นนางจำเป็นต้องกลับ ไปดูแลด้วยตนเอง
“หากอาการบาดเจ็บของเจ้าได้รับการฟื้นฟูจนหายดีแล้ว เจ้าจะสามารถต่อสู้กับคนผู้นั้นได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เนื่องจากข้อจำกัดของแดนนรก มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะบรรลุเป็นระดับอ๋องได้ และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับอ๋องเช่นกัน แต่หากข้าฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แล้วละก็ ข้าก็ ยังพอจะต่อสู้กับเขาได้อย่างทัดเทียมหรืออาจจะสามารถจัดการเขาได้ด้วย จะ…เจ้าอยากจะรักษาข้าให้หายอย่างนั้นหรือ?” เขากล่าวอย่างประหลาดใจ
“ข้าอยากจะรักษาเจ้าให้หายตั้งนานแล้ว ตอนนี้สภาพแวดล้อมของที่นี่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ศัตรูก็น่าจะไม่มาแล้ว ซึ่งเหมาะกับการกลั่นยาพอดี ฉะนั้นเจ้ารอเดี๋ยว…”
อวิ๋นจื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเชื่อว่ามู่เฉียนซีสามารถรักษาเขาให้หายดีได้ แต่เขาแค่รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ไวถึงขนาดนี้เท่านั้นเอง!
มู่เฉียนซีหยิบเอาหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมา ความจริงแล้วการรักษาเจ้าหมอนี่ให้หายนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะนางมีไขวิญญาณแห่งชีวิตธาตุพฤษาอยู่ในมืออย่างเพียงพออยู่แล้ว
หากไม่มีแล้วละก็ คงต้องใช้ความพยายามและใช้เวลาที่ยาวนานถึงจะสามารถหายได้
ในตอนที่มู่เฉียนซีหยิบหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมา อวิ๋นจื่อก็จ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง
เขาถอยหลังไปหลายก้าว ภายในแววตาของเขาลุกไหม้ด้วยความเกรี้ยวกราด “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ก่อนหน้านี้พวกเขายังเข้ากันได้เป็นอย่างดี แต่ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อกลับโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ข้าคือมู่เฉียนซี!”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “มิแปลกใจเลยที่เจ้ามั่นใจว่าจะรักษาข้าได้ มิแปลกใจเลยที่นักปรุงยาอายุน้อยเช่นเจ้าจะเก่งกาจถึงขนาดสามารถกลั่นยาน้ำที่มีพลังแห่งชีวิตออกมาได้ ที่แท้เจ้าก็ม มีเขาคอยช่วยเหลือ ให้เขาออกมาเถอะ! ถึงมีเขาอยู่ด้วยข้าก็ยังช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถอยู่ดี ข้านี่จุ้นจ้านเกินไปแล้วจริง ๆ”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “เขาหรือ?”
“นี่คือหม้อวิญญาณนิรันดร์ ข้าไม่ได้ตาบอดสักหน่อย ให้เขาออกมาสิ”
คิดไม่ถึงเลยว่าอวิ๋นจื่อจะรู้จักหม้อวิญญาณนิรันดร์ นี่คือเรื่องที่มู่เฉียนซีไม่เคยคิดมาก่อนเลย
แต่ทว่าด้วยสถานะของเขา ก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะรู้จักกับหม้อวิญญาณนิรันดร์ เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุมานานมากจนไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เขาออกมาไม่ได้หรอก ตอนนี้เขากำลังจำศีลอยู่ อวิ๋นจื่อการที่เจ้าช่วยข้าอย่างเต็มที่ในคราวนี้ไม่จุ้นจ้านอะไรเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าแล้วละก็ ข้าก็คงจะถูกคน นผู้นั้นฆ่าตายไปแล้ว และเขาก็อาจจะต้องตายไปด้วยเช่นกัน!”
“ความหมายของเจ้าก็คือ ข้าได้ช่วยเหลือศัตรูของข้าอย่างไม่คาดคิดอย่างนั้นสินะ” อวิ๋นจื่อกัดฟันกล่าว
ดูเหมือนว่าหากนิรันดร์กำลังอยู่ต่อหน้าเขาแล้วละก็ คาดว่าเขาน่าจะเข้าไปฉีกทึ้งนิรันดร์ด้วยกรงเล็บและฟันของเขาอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าอวิ๋นจื่อรังเกียจนักปรุงยา แต่คิดไม่ถึงว่านิรันดร์จะเป็นนักปรุงยาที่เขาเกลียดมากที่สุดเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “…เจ้ามีความแค้นกับนิรันดร์อย่างนั้นหรือ? ก่อนหน้านี้เขาคงจะไม่ได้ไล่จับเจ้าและจะเอาเจ้าไปกลั่นยาหรอกใช่หรือไม่?”
สำหรับนักปรุงยาแล้วพืชศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแรงดึงดูดเป็นอย่างมาก แต่พืชกลายพันธุ์ที่สามารถกลายร่างได้ ถึงจะเป็นนิรันดร์ไม่น่าจะบีบบังคับคนอื่นมิใช่หรือ?
“ขะ…เขาเป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุด เป็นนักปรุงยาที่น่ารังเกียจ และน่าขยะแขยง ข้าเกลียดชังเขาที่สุดเลย” ภายในแววตาของอวิ๋นจื่อเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างท่วมท้น
ระหว่างพวกเขามีความแค้นอะไรต่อกันกันแน่นะ! มุมปากของมู่เฉียนซีพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย
แต่ทว่าไม่ว่าอย่างไรอวิ๋นจื่อก็ไม่ยอมบอก หรือว่านิรันดร์จะทำเรื่องชั่วร้ายจนแม้แต่สวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นจริง ๆ?
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่าโกรธเลย อย่าโกรธไปเลย ความโกรธมันจะส่งผลเสียต่ออาการบาดเจ็บของเจ้านะ หากเขาทำเรื่องที่ทำให้เจ้าโกรธมากจริง ๆ รอหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าอยาก จะทุบตีหรืออยากจะแก้แค้นก็ได้ตามใจเจ้าเลย ข้าจะจัดการช่วยเจ้าด้วยตนเองดีหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อกวาดตามองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เจ้าก็เป็นผู้หญิงของเขาอย่างนั้นหรือ?”
หญิงสาวที่งดงามสำหรับเจ้าหมอนั่นแล้วถูกแบ่งออกเป็นสองชนิด หญิงสาวที่ถูกเขาแตะต้อง กับหญิงสาวที่ยังไม่ถูกเขาแตะต้อง ซึ่งแบบแรกก็มากกว่าแบบหลังมากมายนัก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าที่เอือมระอาว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าคือเจ้านายของเขา และเขาก็ยังเป็นอาจารย์สอนกลั่นยาของข้าไปในเวลาเดียวกันอีกด้วย! และข้ามีคู่หมั้นที่ชอบพอกัน อยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา ทั้งยังเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่หญิงสาวต่างนิยมชมชอบ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่ข้าชอบอยู่ดี! นอกจากนี้เจ้าหมอนี่ยังเป็นคนเจ้าชู้ข ขั้นสุดยอดเลยล่ะ!”