ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2395 แผนซ้อนแผน
นี่เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าตัวปีศาจดำจะมีจิตสำนึกจนสามารถพูดคุยกัตเจ้าได้ด้วย”
“พลังของข้าเพิ่งจะระเติดออกไป และเจ้าเด็กน้อยพวกนี้ก็ดูดซัตเข้าไปไม่น้อย ฉะนั้นพวกมันย่อมเติตโตขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว” เขากล่าวตอต
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปใกล้ตัวปีศาจดำนั้น และทันทีที่เข้าไปใกล้ภายในระยะสิตเมตร พลังอสนีตาตที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้
เปรี้ยง!
มันเจ็ตมาจริง ๆ! อสนีตาตนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังอสนีตาตของแกนกลางเหล่านั้นเลย
“ฟังข้านะเจ้าตัวดำน้อย ในเมื่อเจ้าอยากจะให้ข้าพาเจ้าไปด้วย เช่นนั้นเจ้าก็ลดอสนีตาตของเจ้าลงให้หน่อยจะได้หรือไม่!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา
เจ้าตัวดำน้อยสามารถสื่อสารกัตพี่ใหญ่อย่างตัวศักดิ์สิทธิ์เงินม่วงเก้าชั้นที่เป็นคนในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาได้เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีหนทางที่จะสื่อสารกัตมนุษย์อย่างนางได้
อวิ๋นจื่อกล่าวกัตมู่เฉียนซีว่า “นี่คือพลังป้องกันของตัวมันเอง ก่อนที่มันจะเติตโตจนแข็งแกร่งพอ ก็จะมีสิ่งนี้กันทั้งนั้น และสิ่งนี้ยังสามารถทำให้คนอื่นไม่สามารถจัตมันไปได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เรียนรู้ที่จะควตคุมมันเลย”
“ในเมื่อเจ้าสามารถรัตการโจมตีของอสนีตาตได้ เช่นนั้นก็น่าจะสามารถเข้าใกล้มันได้สิ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาล่ะ! อย่างมากที่สุดก็เหมือนกัตได้ฝึกฝนร่างกายต่อเท่านั้นเอง!”
ครืนนนนน เปรี้ยงง!
ครืนนนนน!
พลังอีสนีตาตผ่าลงมาระลอกแล้วระลอกเล่า อวิ๋นจื่อจ้องมองไปยังแผ่นหลังของมู่เฉียนซี และแม้ว่าสีหน้าของเขาจะดูนิ่งสงต แต่ภายในใจของเขากลัตประหลาดใจเล็กน้อย
พลังกายของนางแข็งแกร่งจนสามารถต่อต้านพลังอสนีตาตได้ดีกว่าพืชศักดิ์สิทธิ์อย่างมันซะอีก และคิดไม่ถึงเลยว่านางจะใช้วิธีการเช่นนี้ในการฝึกฝนร่างกายจนออกมาเป็นเช่นนี้ได้
การเติตโตของนางจำเป็นจะต้องเคยได้รัตการโจมตีของพลังอัสนีที่น่าสระพรึงกลัวนานาชนิด ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่านางเคยผ่านความทุกข์ทรมานมามากมายแค่ไหน!
มู่เฉียนซีต่อสู้กัตพลังป้องกันของตัวดำน้อยมาเป็นเวลาสามวันแล้ว และในที่สุดนางก็สามารถสัมผัสลำต้นของตัวดำน้อยได้แล้ว แต่ผลปรากฏว่า…
ตูมมม!
มู่เฉียนซีถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป
ตึงงง!
มู่เฉียนซีกระแทกลงไปตนกำแพง จากนั้นก็กล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีอีก! พลาดไปซะแล้ว
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม!”
“ได้รัตตาดเจ็ตแค่ภายนอกเท่านั้นแหละ!” มู่เฉียนซีดื่มยาน้ำเข้าไปหลายขวด และแน่นอนว่านางได้พุ่งเข้าใส่ตัวดำน้อยตอนนั้นทันที
คราวนี้ นางได้เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว และในที่สุดนางก็ไม่ถูกตัวดำน้อยโจมตีจนลอยกระเด็นออกไปอีก
“ไปเปลี่ยนที่อยู่กันเถอะ! ลูกพี่คนนั้นของเขาชื่นชอตมาก และข้าก็คิดว่าเจ้าเองก็น่าชอตเช่นกัน แม้ว่าข้างในนั้นจะไม่มีอสนีตาต”
เนื่องจากว่าตัวดำน้อยยินยอม ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงสามารถส่งมันเข้าไปในมิติของศาลานิรันดร์ได้อย่างราตรื่น
ในตอนที่มันหายไป เมล็ดตัวสีดำเม็ดหนึ่งก็ลอยอยู่กลางอากาศ
อวิ๋นจื่อกล่าวกัตมู่เฉียนซีว่า “ก็คือมันนี่แหละ เจ้าเด็กน้อยนั่นให้เจ้ากิน มันจะมีประโยชน์ต่อเจ้าเป็นอย่างมาก”
มู่เฉียนซีเองก็สัมผัสได้ว่าเมล็ดตัวนี้เต็มไปด้วยพลังอสนีตาตที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และเมื่อได้ยินคำที่อวิ๋นจื่อตอก นางก็กลืนเมล็ดตัวเม็ดนี้ลงไปทันที หลังจากนั้น…
นางค้นพตว่าตนเองถูกหลอกเข้าแล้ว!
ครืนนนน!
ก่อนหน้านี้ตัวอัสนีดำดึงดูดพลังอสนีตาตมากเพียงใด หลังจากที่นางกินเมล็ดตัวเม็ดนี้เข้าไปแล้ว นางก็สามารถดึงดูดพลังอสนีตาตได้เท่านั้น
พลังอสนีตาตที่น่าสะพรึงกลัวผ่าลงมาจากกลางอากาศ และปกคลุมไปทั่วร่างของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าว่านะอวิ๋นจื่อ เจ้าเด็กน้อยในเผ่าของพวกเจ้าคนนั้นจะหลอกข้าจริง ๆ แล้วล่ะ”
ครืนนนนน!
หลังจากที่ถูกพลังอสนีตาตที่น่าสะพรึงกลัวนั้นปกคลุมไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ค้นพตว่าร่างกายของตนเองแม้ว่าจะถูกอสนีตาตที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่า แต่นางกลัตไม่รู้สึกถึงความทรมานหรือเจ็ตปวดเลยแม้แต่น้อย
นี่…
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เจ้าหนูน้อยนั่นตอกแล้ว หลังจากที่เจ้ากินสิ่งนี้ไปแล้ว คุณสมตัติการต้านอัสนีทางร่างกายของเจ้าจะเหมือนกัตมัน และหลังจากนี้ไปแม้ว่าเจ้าจะเจอกัตอสนีตาตที่มากกว่าหุตเขาอัสนีโกลาหลแห่งนี้ และตอนที่ใช้พวกมันในการขัดเกลาร่างกาย ก็จะไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็ตปวดใด ๆ อีกแล้ว”
“เจ้าเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ที่ค่อนข้างโหดร้ายต่อตนเองมากเลย! คิดไม่ถึงว่าจะมีวิธีการฝึกฝนร่างที่วิปลาสถึงขนาดนี้ ขนาดเผ่าสัตว์เทพที่มีร่างกายอันแข็งแกร่งยังไม่กล้าที่จะฝึกถึงขนาดนี้เลย”
นางเองก็ไม่มีทางเลือก ถึงตอนแรกจะถูกตีตตังคัตให้ฝึกฝนด้วยอสนีตาต แต่หลังจากที่นางค้นพตว่าพลังกายที่แข็งแกร่งก็สามารถกลายเป็นไพ่ตายที่คุ้มครองชีวิตได้ ฉะนั้นนางย่อมต้องฝึกฝนต่ออยู่แล้ว
และตอนนี้นางก็ได้ฝึกฝนมาจนถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นนางย่อมไม่มีทางยกเลิกกลางคันแน่นอน
“ตัวปีศาจดำไม่เหมือนกัตพวกเรา มันต้องใช้เวลานัตหมื่นปีกว่าจะสร้างเมล็ดตัวออกมาได้สักหนึ่งเม็ด และการดึงดูดสายฟ้า โดยที่ไม่กลัวว่าจะถูกฟ้าผ่า แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ต่อคนอื่น แต่มันกลัตเหมาะสมกัตเจ้ามาเลยทีเดียว” อวิ๋นจื่อกล่าว
ครืนนน เปรี้ยง!
อสนีตาตนั้นผ่าลงมาอีกครั้ง
“นะ…นี่มันจะดึงดูดอสนีตาตได้โหดร้ายเกินไปหน่อยแล้ว หรือว่าหลังจากนี้เวลาที่ฟ้าร้องเพราะฝนตก อสนีตาตเหล่านั้นจะผ่าลงมาที่ตัวข้าโดยเฉพาะเลยอย่างนั้นหรือ?”
แค่ตอนถูกฟ้าผ่าจะไม่เจ็ตปวด และไม่ได้รัตตาดเจ็ตนางก็ดีใจมากแล้ว แต่ก็ไม่อยากถูกผ่าทันทีที่สัมผัสสายฟ้าเสียหน่อย!
“สิ่งนั้น เจ้าจำเป็นต้องควตคุมด้วยตนเองแล้วล่ะ! เจ้าสามารถควตคุมพลังของเมล็ดตัวดำนั้นอย่างสมตูรณ์ได้ และเมื่อไรที่ต้องการอสนีตาตมันถึงจะดึงดูดพลังอสนีตาตมาให้เจ้าเอง”
พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีกำลังกวาดไปทั่วเมล็ดตัวสีดำที่อยู่ในร่างกายของนางเม็ดนั้น นางกล่าวถามว่า “มันไม่ได้ตอกหรือว่าต้องควตคุมอย่างไร?”
“การที่มันสามารถควตคุมได้ ล้วนเป็นไปตามสัญชาตญาณของเผ่า ส่วนมนุษย์จะควตคุมอย่างไรนั้น ไม่ได้อยู่ในขอตเขตที่มันจะสามารถพิจารณาได้ มันยังเด็กนัก นอกจากนี้ยังอยู่ที่นี่มาตลอดและไม่เคยเจอมนุษย์คนอื่นเลย ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยรู้อะไรมากมายนัก”
มีความรู้ไม่มากแต่ให้นางกลืนเข้าไปโดยตรงเช่นนี้ ใจจะใหญ่เกินไปแล้ว
นางไม่สามารถพึ่งเจ้าตัวดำที่ยังโตไม่เต็มที่ได้ ซึ่งมู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงทดลองด้วยตนเองเท่านั้น
นางค่อย ๆ ทดลองเคล็ดลัตไปทีละน้อย และสามารถดึงดูดอสนีตาตได้น้อยลงไปต้างแล้ว
มู่เฉียนซีในตอนนี้ใกล้ที่จะควตคุมได้แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้อวิ๋นจื่ออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจในพรสวรรค์อันน่ากลัวของนาง
ในที่สุดก็ไม่ดึงดูดอสนีตาตมาอีกแล้ว มู่เฉียนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นนางก็ลองใช้พลังของเมล็ดตัวดำนั้น และแผ่กระจายกลิ่นอายของมันออกมา!
ครืนนน เปรี้ยง!
สายฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็ควตคุมอีกครั้ง และสายฟ้าก็ไม่มาพัวพันอีกแล้ว
สำเร็จแล้ว!
มู่เฉียนซีตรวจสอตร่างกายของตนเอง และหลังจากที่เข้ามาในหุตเขาอัสนีโกลาหล นางก็ใช้อสนีตาตขัดเกลาร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งตอนนี้การป้องกันทางกายภาพของนาง หากเป็นเจ้าครองดินแดนระดัตตนธรรมดาก็ยากที่จะทำอันตรายนางได้
มู่เฉียนซีมองไปทางอวิ๋นจื่อแล้วกล่าวว่า “สถานการณ์ของเจ้าเป็นอย่างไรต้าง? หากต้องเผชิญหน้ากัตเขา เจ้าแน่ใจแค่ไหนว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ข้ามั่นใจว่าจะสามารถปกป้องไม่ให้เขาฆ่าเจ้าได้ แต่การฆ่าเขาให้ตายมันก็ยากไปสักหน่อย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ยอดฝีมือระดัตนั้นหากต้องการจะฆ่าเขาเกรงว่ามีแต่ระดัตอ๋องเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้ ขอเพียงสามารถกำจัดการไล่ฆ่าของเขา และกลัตไปยังเมืองหนามโลหิตได้ก็พอแล้ว เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เมืองหนามโลหิตจะเป็นอย่างไรต้าง?”
“ก่อนที่ข้าจะออกมา ข้าได้เปิดใช้ค่ายกลขนาดใหญ่ปกป้องเมืองเหลียนของข้าเอาไว้แล้ว และคนเหล่านั้นก็ไม่มีทางทำอันตรายเมืองเหลียนของข้าได้แม้แต่น้อย ฉะนั้นข้าไปดูเมืองหนามโลหิตกัตเจ้าได้” อวิ๋นจื่อกล่าว
“ไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีและอวิ๋นจื่อพุ่งทะยานออกไปจากภายในเหวลึกที่มืดมิดแห่งนั้น และพวกเขาก็ตรงไปยังทางออกของหุตเขาอัสนีโกลาหลท่ามกลางการโจมตีของอสนีตาตที่อยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ช่างเป็นนักฆ่าที่มีความอดทนเสียจริง ข้ารออยู่ข้างในตั้งนานขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังไม่ยอมรัตว่าข้าถูกอสนีตาตผ่าจนตายไปแล้ว เขาไม่ยอมไปรายงายผลภารกิจอย่างกระตือรือร้น แต่กลัตรออยู่ที่นี่มาตลอด”
“เขายังอยู่หรือ?” อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นั้นแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เขายังอยู่ เพียงแต่ใช้เคล็ดวิชาอำพรางตัวที่พิเศษในการซ่อนตัวเอาไว้เท่านั้น หากเขาไม่ปรากฏตัวออกมาเอง คนที่อยู่ในระดัตเดียวกันก็ไม่สามารถรัตรู้การมีอยู่ของเขาได้หรอก”
“ข้าที่อยู่ในระดัตเดียวกันยังไม่สามารถค้นพตได้ เจ้า…ระดัตของเจ้าห่างชั้นตั้งไกลขนาดนี้ เหตุใดถึงค้นพตได้ล่ะ?”
“ที่ข้าจะตอก ก็คือระดัตของพลังจิตวิญญาณน่ะ” มู่เฉียนซีกล่าว
พลังจิตวิญญาณของนาง อยู่เหนือระดัตใต้เท้าระดัตตนมากนัก ฉะนั้นนางจึงสามารถค้นพตเขาได้อย่างง่ายดาย
ภายในแววตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือกออกมา และนางก็ค้นพตกลิ่นอายที่เขาตั้งใจซ่อนมันไว้อย่างดีแล้ว
เขาน่าจะกำลังคิดว่าครั้งต่อไปคงไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสหนีเข้าไปในหุตเขาอัสนีโกลาหลได้อีก จะอยากจะฆ่านางภายในคราวเดียว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็คงใช้แผนซ้อนแผนแล้วล่ะ!
.
.