ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 24 ทำตามอำเภอใจ
เรื่องใหญ่โตที่ว่าคือสินสอด เมื่อเปรียบเทียบกับสินสอดแล้ว ค่าอาหารและเครื่องประดับของมู่เฉียนซีถือว่ายังน้อย!
มู่เฉียนซีเพื่อที่จะได้ตบแต่งกับซวนหยวนหลี่เทียน นางได้นำสินสอดมูลค่ามหาศาลมอบให้ฮ่องเต้แคว้นจื่อเยี่ย เพื่อขอสมรสพระราชทาน ถึงจะมีสัญญาการหมั้นหมายระหว่างนางกับซวนหยวนหลี่เทียน
ด้วยเงินทองอัญมณีมากมายกอปรกับสมุนไพรวิญญาณนับหมื่น ฮ่องเต้ก็นำเข้าท้องพระคลังแคว้นจื่อเยี่ย เขาไม่กลัวการที่ท้องจะแตกตาย
มู่เฉียนซีใบหน้าหม่นคล้ำลง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้จื่อเยี่ยขายบุตรชายตนให้กับนาง
มาวันนี้นางได้คืนสินค้าแล้ว แต่ฮ่องเต้ยังคิดที่จะครอบครองสิ่งของของนางอีก ฝันไปเถอะ!
กินเข้าไป ก็ต้องคายออกมา
ในเมื่อนางส่งคืนสินค้า อีกฝ่ายก็ต้องคืนเงิน
หมอปีศาจ นางมู่เฉียนซีไม่เคยยอมให้ผู้ใดมาเอาเปรียบ ดูเหมือนพวกเขาต้องการให้นางร้อนรนมากขึ้น โดยผลัดกันพูดไม่หยุด
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านอายุน้อยและไร้เดียงสา หากยังขืนฟุ่มเฟือยต่อไป สิบตระกูลมู่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้ท่านใช้จ่ายใช้สอย!”
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านกินทุกมื้อใช้จ่ายนับหมื่น ศิษย์ระดับล่างของตระกูลมู่เรา แม้แต่เนื้อยังมิเคยได้ลิ้มชิม!”
“ถ้ายังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ตระกูลมู่ของพวกเราจะต้องถูกท่านถลุงเงินจนหมดแน่ พวกเราจะมองหน้าบรรพชนได้อย่างไร ?”
— ตุบ! —
มู่เฉียนซีใช้มือตบโต๊ะด้วยเสียงอันดัง เหล่าผู้เฒ่าชะงักงัน ปากปิดไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ
มู่เฉียนซีค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ชุดกระโปรงพลิ้วยาวสีม่วงเงินแสดงให้เห็นถึงความงดงามที่สมบูรณ์แบบของมัน ดวงตาขลับเข้มคู่นั้นเสมือนความมืดมิดยามราตรี อิสระไร้ขอบเขต
“ตระกูลมู่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อมอบให้ข้า ข้าจะใช้อย่างไรก็เรื่องของข้า ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของข้าพวกเจ้ายังต้องการจะเข้ามาควบคุมอีกรึ ? ข้านำเงินซื้อบุรุษก็เรื่องของข้า ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าจะล้ำเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการได้!”
“เหอะ! ตำหนิข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครรึผู้เฒ่ารอง ? ข้ากินและใช้ของราคาแพง ก็เป็นเพราะหลานสาวของท่านแนะนำ ค่าสินสอดมูลค่ามหาศาลที่ให้กับฮ่องเต้ ก็เป็นหลานสาวคนเก่งของท่านแนะนำอีก ทว่าเนื่องจากเจ้าคิดว่าข้ากระทำผิด ก็ให้หลานสาวเจ้ารับเคราะห์แทนข้าไปแล้วกัน เพราะถ้านางไม่บอกให้ข้าทำเช่นนั้น ข้าก็คงไม่ได้ทำ”
“เป็นเช่นไร ? พวกเจ้าคิดว่าการตัดสินของผู้นำตระกูลครั้งนี้ชาญฉลาดหรือไม่ล่ะ ? ฮิ ๆ” มู่เฉียนซียิ้มหยอกล้อถามยั่วเย้า
ผู้เฒ่ารองแทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินคำพูดไร้ยางอายของผู้นำตระกูลมู่ กล่าวอย่างโกรธไปว่า… “ท่านทำเรื่องแย่เหล่านี้ทั้งหมดด้วยตัวท่านเอง เหตุใดจึงสาดน้ำสกปรกใส่อวิ๋นเอ๋อร์ ท่านยังทำร้ายอวิ๋นเอ๋อร์ไม่พออีกหรือ ?”
“ตระกูลมู่ของข้าเลี้ยงดูนางมา ให้ทรัพยากรในการฝึกฝนแก่นางมากกว่าข้าที่เป็นผู้นำเสียอีก วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้น นางจะไม่ออกมาเสียสละตัวเองหน่อยหรือ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว
นอกจากเงินสินสอดแล้ว ยังมีเงินจำนวนไม่น้อยที่ถูกสองพี่น้องนั่นนำไปซื้อทรัพยากรที่ใช้ฝึกฝน
ไม่อย่างนั้นพรสวรรค์ของมู่หรูอวิ๋นที่แต่เดิมธรรมดา จะกลายเป็นอัจฉริยะได้อย่างไรหากไม่ใช้เงินมากมายซื้อทรัพยากรเพื่อฝึกฝน ?
“ท่านกำลังสร้างเรื่องโดยเปล่าประโยชน์”
“สร้างเรื่องรึ ? ผู้เฒ่ารองอย่าลืมว่าข้า มู่เฉียนซี เป็นผู้นำตระกูลมู่” มู่เฉียนซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม นางลุกออกจากที่นั่ง ชี้ไปยังเก้าอี้ตำแหน่งผู้นำตระกูลก่อนจะเอ่ยต่อ “พวกเจ้าไม่ยอมรับว่าข้าเป็นผู้นำตระกูล เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามานั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลมู่สิ”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน จะมีใครหน้าไหนกล้า!
ตราบใดที่พวกเขาก้าวเข้าไปแม้เพียงหนึ่งก้าว เกรงว่าคุณชายสามต้องทำให้พวกเขาเป็นศพที่ไร้ร่างแน่!
“ฮ่า ๆ ๆ ฮิ ๆ” มู่เฉียนซียิ้มเย้ย
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่กล้านั่ง ก็ให้พวกเจ้าเข้าใจตรงกันว่า ข้า มู่เฉียนซี เป็นผู้นำของตระกูลมู่ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด จะสามารถทำได้หรือไม่ พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายแม้เพียงยื่นปลายเล็บ! ท่านพ่อของข้ากับท่านอาเล็กยังไม่ก้าวก่ายเรื่องของข้าเลย แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไร!!!”
ผู้เฒ่าทั้งหลายตะลึงลานที่โดนมูเฉียนซีต่อว่า ผู้เฒ่าเก้าเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉียนซี มุมปากกระตุกยกเป็นรอยยิ้มน้อย
สาวน้อยที่เคยขี้ขลาดและไม่กล้าแสดงออก… ครานี้กลับเป็นเหมือนคนพาลไร้ซึ่งเหตุผล
แต่ก็กลับยอดเยี่ยมมาก นางใช้ความชั่วควบคุมความชั่ว
ผู้เฒ่าใหญ่ยังถูกต่อว่า มู่เฉียนซีจากที่เป็นคนขี้ขลาดเหมือนหนู แต่ตอนนี้กลับหยิ่งผยอง มันยากที่จะรับมืออย่างแท้จริง
“ท่านผู้นำตระกูล เรื่องเก่าในอดีตพวกเราจะไม่ขอรื้อฟื้น” ผู้เฒ่าใหญ่ก้มหน้ากล่าว
ผู้เฒ่ารองร้อนรน พวกเขาไม่สนว่าจะใช้วิธีใดกำจัดเด็กน้อยผู้นี้ อย่างไรก็ต้องกำจัด
ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ท่านผู้นำยังเยาว์วัย เวลานี้ตระกูลเหลือเงินใช้จ่ายเพียงน้อยนิด ทุกฝ่ายควรใช้จ่ายอย่างจำกัด ดังนั้นข้าคิดว่าควรควบคุมการใช้จ่ายของผู้นำตระกูล”
มู่เฉียนซียกยิ้มขี้เล่น “อ่า! ควบคุมรึ ? ควบคุม… ข้าไม่รู้ว่าผู้เฒ่าใหญ่วางแผนจะควบคุมการใช้จ่ายแค่ไหน ?”
“หนึ่งพันเหรียญเพียงพอที่ท่านผู้นำตระกูลจะใช้จ่าย”
“หนึ่งพันเองรึ ? ผู้เฒ่าใหญ่ ท่านคิดว่านั่นเพียงพอจริงหรือ ?”
“ตราบใดที่ท่านไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเฉกเช่นเมื่อก่อน พันเหรียญย่อมเพียงพอ”
มู่เฉียนซีชี้มือไปที่พวกเขา “เจ้าบอกว่าผู้นำตระกูลได้รับเงินหนึ่งพันต่อเดือน ดังนั้นผู้เฒ่า ข้าให้พวกเจ้าใช้จ่ายเดือนล่ะสิบเหรียญ ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ว่าไหมล่ะ ?”
ได้ยินวาจา ผู้เฒ่าทั้งหลายแทบกระอักเลือด เงินสิบเหรียญ…! นี่มันเรื่องตลกอันใด
ผู้เฒ่าใหญ่แย้งทันควัน “ท่านผู้นำตระกูล สมาชิกในครอบครัวของพวกเราก็มีเกือบร้อยคน เงินสิบเหรียญคงมิอาจเพียงพอ ท่านผู้นำอย่าได้ล้อเล่นไป”
“ข้าผู้เป็นผู้นำตระกูลได้รับเพียงแค่หนึ่งพัน แต่พวกเจ้าเป็นแค่ผู้อาวุโส เงินสิบเหรียญถือว่ามากแล้ว”
ถึงแม้คนเหล่านี้จะใช้แซ่มู่ แต่ก็เป็นแค่ข้ารับใช้ในบ้านที่ท่านพ่อจ้างมาหรือไม่ก็ซื้อมา ในเวลานั้นเพราะเห็นความสามารถของพวกเขา จึงปล่อยให้พวกเขาดูแลกิจการของตระกูลมู่
ไม่คิดว่าผ่านไปสิบปี พวกเขาจะคิดว่าแซ่มู่เป็นของพวกเขา เป็นผู้มีอิทธิพลในตระกูลมู่จึงสามารถควบคุมกิจการของตระกูลได้
ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวด้วยอาการปวดหัว “ผู้นำตระกูล ท่านไม่สามารถคิดเช่นนั้นได้! ข้า…”
ก่อนที่ผู้เฒ่าจะทันพูดจบก็ถูกมู่เฉียนซีขัดจังหวะ… “ลืมไปเถอะ! การให้เงินสิบเหรียญทุกเดือนมันน้อยไปหน่อย ขอทานในแคว้นจื่อเยี่ยยังได้เงินมากกว่าสิบสองเหรียญ ดังนั้นท่านผู้เฒ่าทั้งหลาย พวกเรามาพนันกันเถอะ” มู่เฉียนซีมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
ผู้เฒ่าตกตะลึง พนัน!
มู่เฉียนซีคิดจะทำสิ่งใด ? เมื่อก่อนเป็นแค่นกน้อยที่อยู่ในกำมือของพวกเขาแท้ ๆ มาวันนี้กลับกลายเป็นนางพญาปีศาจไปเสียแล้ว…
มู่เฉียนซีเป็นเช่นสายลมที่พัดกระโชก พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าลมจะพัดไปในทิศทางใด ?
ผู้เฒ่าใหญ่ “ท่านผู้นำตระกูลหมายความว่าอย่างไร ?
มู่เฉียนซียิ้ม “พนัน แน่นอนว่าความหมายตามตัวอักษร ในอดีตข้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทุกเดือน แต่ตอนนี้พวกท่านบอกว่าให้ข้าใช้หนึ่งพันเหรียญต่อเดือนเท่านั้น แน่นอนว่ามันน้อยเกินไป จะให้ข้าใช้ชีวิตอย่างไร ? ข้าไม่มีวันเห็นด้วยแน่”
หนึ่งพันเหรียญ แค่ยาอายุวัฒนะระดับสูงก็ซื้อไม่ไหวแล้ว นางจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาประสบความสำเร็จแน่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีทางตระหนี่ถี่เหนียวกับนางได้
“อา… แต่ข้ารู้ว่าพวกท่านทำเพื่อตระกูลมู่”
พวกผู้เฒ่าตะลึงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปมาของท่านผู้นำตระกูลผู้เย่อหยิ่ง ไม่เห็นใครในสายตา
“ดังนั้นพวกเรามาพนันกัน! พนันว่าถ้าภายในสามวัน หากข้าทำเงินได้ไม่ถึงสามล้านเหรียญทองคำ ข้าจะยอมรับเงินแค่เพียงพันเหรียญต่อเดือน” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
.