ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2402 อยากขังเอาไว้ด้วยกัน
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็จำเป็นต้องสารภาพ และนางก็ได้เล่าเรื่องของนักฆ่าที่สวมหน้ากากหมาป่าผู้นั้นให้จิ่วเยี่ยได้ฟัง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าสงสัยว่าอู๋หยาจะเป็นคนส่งคนผู้นั้นมา”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยฉายแววเย็นชาออกมา”เขานี่ช่างกล้าจริง ๆ!”
ร่างกายของเขาแผ่พลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองต่างพากันสั่นสะท้านด้วยความกลัว
มู่เฉียนซีจุมพิตลงไปบนริมฝีปากของเขา จากนั้นก็กล่าวว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาเจอกันสักครั้ง เจ้าอยากจะไปเร็วจังล่ะ”
นางรู้ว่าคนผู้นี้ต้องการจะไปหาหรือไม่ก็ไปฆ่าอู๋หยาที่เมืองเทพสังหาร
ขนาดอวิ๋นจื่อยังไม่คิดว่าร่างทรงอู๋หยาผู้นั้นจะเป็นคนน่ารังเกียจเช่นนั้นได้ แต่ทว่าจิ่วเยี่ยกลับเชื่อนางโดยที่ไม่เงื่อนไขใด ๆ เลย
“ซี มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้าหากปล่อยเขาเอาไว้ อู๋หยามักจะวางแผนได้แม่นยำและไม่เคยผิดพลาดเสมอ หากเขาลงมือ เช่นนั้น…”
“ข้ารู้ ว่าคราวนี้ข้าแค่โชคดีเท่านั้น!”
นางบังเอิญได้เจอกับอวิ๋นจื่อ และสามารถหนีเข้าไปในหุบเขาอัสนีโกลาหลได้อย่างราบรื่น มิเช่นนั้นก็ไม่อยากคิดถึงผลร้ายที่จะตามมาเลย
“ฉะนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องตายไปเสีย!” ภายในแววตาของจิ่วเยี่ยเผยจิตสังหารออกมา
“เช่นนั้นเจ้าลองบอกข้าหน่อยว่าเจ้าจะฆ่าเขาได้อย่างไร?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
แน่นอนว่านางแทบรอที่จะจัดการคนผู้นี้ไม่ไหวอยู่แล้ว “ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่…”
“ข้าต้องการที่จะแก้แค้นให้เจ้า!”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ และหายไปจากเมืองหนามโลหิตอย่างกะทันหัน พวกเขากลับมาที่เมืองเทพสังหาร และมาปรากฏตัวอยู่หน้าหอคอเทพสีขาวแห่งนั้น
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปบอกให้อู๋หยาออกมา!”
มีใครบางคนวิ่งออกมาจากภายในหอเซียนเว่ย พลางกล่าวว่า “คารวะฝ่าบาทจิ่วเยี่ยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ร่างกายของท่านอู๋หยาไม่ค่อยสบายจึงไม่สามารถออกมาพบฝ่าบาทจิ่วเยี่ยด้วยตนเองได้พ่ะย่ ะค่ะ ฝ่าบาทจิ่วเยี่ยโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ตูมมมม!
มีเสียงดังสนั่นออกมา และคนผู้นั้นก็ถูกโจมตีจนลอยขึ้นไปบนหอเซียนเว่ย และถูกค่ายกลป้องกันของหอเซียนเว่ยดีดจนลอยละลิ่วออกไป
ถึงจิ่วเยี่ยอยากจะฝืนบุกเข้าไปในหอเซียนเว่ย แต่ทว่าหอเซียนเว่ยแห่งนี้กลับเปิดการป้องกันระดับสูงสุดเอาไว้ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยพรของพลังแห่งดวงดาว ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับ ท่านอ๋องก็ไม่สามารถทำลายได้อยู่ดี
แววตาของจิ่วเยี่ยเปลี่ยนเป็นอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และคิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยจะโจมตีหอเซียนเว่ยเช่นนี้
ท่านอู๋หยาไปทำอะไรมากันแน่ ถึงทำให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยที่มักจะเย็นชามาตลอดโกรธมากถึงเพียงนี้
ทันใดนั้นร่างสีเขียวเข้มก็พุ่งทะยานเข้ามา จื่อโยวกล่าวว่า “เยี่ย!”
จิ่วเยี่ยกล่าวกับจื่อโยวว่า “ทำลายมันซะ!”
“การป้องกันของหอเซียนเว่ยอู๋เยี่ยเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง และถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำลายได้ แต่ข้าก็จะลองดู”
จื่อโยวกลายร่างเป็นร่างเดิมที่มีขนาดใหญ่มหึมาเป็นอย่างมาก ตูมมม! มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาทันที ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งเมืองเทพสังหารสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ทว่าเกาะป้องกัน ของหอเซียนเว่ยก็ยังคงไม่ถูกทำลายอยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อู๋หยามีพลังทัดเทียมกับระดับอ๋อง หรือกล่าวได้ว่า จิ่วเยี่ยเจ้ายังจำเป็นที่ต้องระงับคำสาปอยู่ พลังต่อสู้ของเขากับเจ้าในตอนนี้พอ ๆ กัน บวกกับการที่เขาซ ซ่อนตัวอยู่ภายในกระดองเต่า ฉะนั้นการเผชิญหน้าตัวต่อตัวมันไม่ใช่วิธีการที่ดีเลย”
“นอกจากนี้เขายังมีประโยชน์อยู่ด้วย!”
หากยังหาหอคอยนิรันดร์มาจัดการกิเลนแห่งนรกก่อนที่ผนึกของจิ่วเยี่ยคลายไม่ได้ ตอนนั้นก็จำเป็นที่จะต้องให้อู๋หยาหาทางแก้ไข
“ไม่!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เขาไม่มีวันปล่อยให้อันตรายใด ๆ ดำรงอยู่เพื่อมาทำร้ายซีได้หรอก
“เฮ้ออ!” มีเสียงถอนหายใจเสียงหนึ่งดังมาจากภายในหอเซียนเว่ย
นี่คือเสียงของอู๋หยา และตอนนี้เขาก็ซ่อนอยู่ในหอเซียนเว่ย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าเอ่ยปากออกมา
อู๋หยากล่าวว่า “ฝ่าบาท ข้าไม่เคยมีเจตนาที่จะทรยศท่านอย่างแน่นอน สิ่งที่ข้าทำไปทั้งหมด ล้วนทำเพื่อฝ่าบาททั้งนั้น!”
มู่เฉียนซีประหลาดใจเล็กน้อย นี่เขายอมรับแล้วอย่างนั้นหรือ?
“มู่เฉียนซี จงมอบคัมภีร์หมื่นคำสาปออกมา และไปให้ไกลจากคุกโลหิต ไปให้ไกลจากฝ่าบาทของพวกข้าเสีย ข้าไม่อยากที่จะจัดการเจ้าอีกแล้ว! เจ้าในตอนนี้อ่อนแอเท่ามดปลวกเท่านั้น นอกจา ากนี้ข้าก็ไม่ต้องการที่จะมุ่งความสนใจไปที่เจ้าอีกแล้ว เพราะข้าสนใจเพียงแค่ฝ่าบาทเท่านั้น” น้ำเสียงที่เย็นชาของอู๋หยาดังขึ้นมาในหูของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไร? เจ้าถือว่าเจ้าเป็นใครกัน? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขอให้ข้าทำเช่นนี้? ข้าต้องการที่จะมาหาประสบการณ์ที่คุกโลหิตแห่งนี้ ข้าต้องการที่จะอยู่เคียงข ข้างจิ่วเยี่ย นี่เป็นเรื่องของข้ากับจิ่วเยี่ยเพียงสองคนเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะมีความภักดีต่อจิ่วเยี่ย แต่ดูเหมือนว่าจะยุ่งวุ่นวายมากเกินไปแล้ว!”
“เจ้ามีแต่จะทำร้ายฝ่าบาท จำเป็นต้องไปให้ไกล และความสัมพันธ์ของพวกเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องตัดขาดกันอีกด้วย เรื่องการแก้คำสาป ขอเพียงมีคัมภีร์หมื่นคำสาป ข้าเองก็สามารถทำได้เช่น นกัน เจ้าไม่มีประโยชน์ใด ๆ อีกแล้ว”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “อู๋หยา เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ตูมมม!
และพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทะเข้ากับเกาะป้องกันที่ห่อหุ้มเอาไว้
“ฝ่าบาท ตอนนี้ท่านเปลี่ยนไปมากจริง ๆ นับวันยิ่งไม่เหมือนท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นหายนะจริง ๆ ด้วย” อู๋หยากล่าวอย่างเย็นชา
จื่อโยวกล่าวว่า “ข้าคิดว่าความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ของเยี่ยนั้นดีมากแล้ว เมื่อมีความรักก็ต้องเปลี่ยนเป็นดียิ่งขึ้นไปอีก ผู้ที่ไม่ชอบคลุกคลีกับมนุษย์เช่นเจ้ารู้แค่เพียงเรื่ องสวรรค์เท่านั้นแหละ! แต่ว่านะ ถึงเจ้าจะไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ แต่นี่ยังคิดที่จะให้จิ่วเยี่ยเป็นคนไม่แยแสผู้อื่นด้วยอีกอย่างนั้นหรือ จะมากเกินไปแล้วจริง ๆ”
“ผู้ที่สูงส่ง ควรจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว! นอกจากนี้ฝ่าบาทยังไม่ใช่ผู้สูงส่งธรรมดาทั่วไปอีกด้วย แล้วเหตุใดถึงจำเป็นต้องมีสิ่งที่เป็นส่วนเกินอย่างความรักด้วยล่ะ?”
จื่อโยวกล่าวว่า “ข้าไม่อยากพูดกับเจ้าอีกแล้ว อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่มีทางเข้าใจไปชั่วชีวิตนั่นแหละ มันช่างน่าสงสารจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อู๋หยา ข้าชอบจิ่วเยี่ยที่เป็นแบบนี้มากกว่า อันที่จริงแล้วไม่ว่าจิ่วเยี่ยจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เจ้าก็ไม่สามารถควบคุมได้อยู่ดี”
จิ่วเยี่ยมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ซีชอบ เช่นนั้นแปลว่ามันก็ถูกต้องแล้ว!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างจนปัญญาของอู๋หยา และเขาก็กล่าวว่า “ในเมื่อฝ่าบาทมาถึงที่นี่แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาทฆ่าข้าได้ ฉะนั้นข้าต้องขออภัยที่ไม่สามาร รถปล่อยให้ฝ่าบาทเข้ามาในหอเซียนเว่ยได้ เพียงแต่ว่าคนผู้นี้ ข้าสามารถมอบให้ฝ่าบาทได้!”
ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งถูกโยนลงมาจากกลางอากาศ คนผู้นั้นสวมหน้ากากหัวหมาป่าเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็คุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเขาก็คือคนที่ตามฆ่านางนั่นเอง
มู่เฉียนซีสามารถค้นพบได้ว่าพิษที่อยู่บนตัวของเจ้าหมอนี่ยังไม่ได้รับการรักษา นอกจากนี้ยังถูกลงโทษ จนได้รับบาดเจ็บมากอีกด้วย
และตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในอาการที่ไม่ได้สติ ซึ่งชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
จิ่วเยี่ยระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เขาต้องการที่จะทำลายหมอนี่ซะ หลังจากที่ทำให้ร่างของเขากลายเป็นกระดูกแล้ว ก็ทำให้เขาหายไปอย่างสมบูรณ์
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าอย่าเพิ่งฆ่าคนผู้นี้!”
ฉึก!
เข็มยาเข็มหนึ่งถูกฝังลงไปบนผิวหนังของเขา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จื่อโยว เอาเขาไปขังไว้ในคุกของพระราชวังก่อน”
“ตกลง!”
เดิมทีคิดว่าทันทีที่เจ้าหมอนี่โดนพิษแล้วหนีออกมา น่าจะสามารถไปหาคนที่ถอนพิษได้
ความสามารถของอู๋หยาแข็งแกร่งขนาดนั้น การแก้พิษให้เขาจึงไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
เขาคิดถึงจุดนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว และที่เขาจงใจมอบคนผู้นี้ให้ ก็เพื่อที่จะบรรเทาความโกรธเกรี้ยวของจิ่วเยี่ยนั่นเอง
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “อู๋หยา ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำเรื่องที่เกินจำเป็นเช่นนี้อีก!”
“ฝ่าบาทจิ่วเยี่ย อู๋หยาขอน้อมรับคำสั่ง! อู๋หยาไม่มีทางส่งคนใดไปสังหารมู่เฉียนซีอีกแล้ว” อู๋หยากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคารพเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว และนางก็ไม่รู้ว่าอู๋หยาจะกระทำการลับหลังอะไรไปบ้าง
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น และดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองไปที่นางอย่างลึกซึ้ง “ข้าอยากจะขังซีเอาไว้ด้วยกันตลอดไปจริง ๆ และไม่อยากให้ซีอยู่ห่างจากสายตาของข้าอ อีกแล้ว”