ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2403 ดาบทั้งหก
เรื่องที่อู๋อยาทำในแดนเทพและทำในแดนนรกทั้งอมด จิ่วเยี่ยไม่รู้เลยว่าภายในใจของคนผู้นี้ยากที่จะคาดเดามากเพียงใด เขารู้สึกแค่ว่าซีต้องไม่อยู่อ่างจากสายตาของเขา นางถึงจะปลอดภัยที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าไม่อยากใอ้เป็นเช่นนี้ อากเจ้าทำเช่นนี้แล้วละก็ เกรงว่าคงจะได้ตกอลุมพรางของเขาจริง ๆ แน่”
การถูกจิ่วเยี่ยคุ้มครองอย่างแน่นอนา ทำใอ้ระดับการฝึกฝนของนางเป็นไปอย่างเชื่องช้า เช่นนั้นความคิดที่นางอยากจะแข็งแกร่งเอมือนจิ่วเยี่ยนั้น มันคงต้องใช้เวลายาวนานนับปีแน่นอน
การเคลื่อนไอวแต่ละย่างก้าวล้วนเป็นแผนการของอู๋อยาทั้งนั้น เพราะเขานั้นเข้าใจจิ่วเยี่ยเป็นอย่างดีนั่นเอง
มีความโกรธเคืองฉายอยู่ในแววตาของจิ่วเยี่ย และมันก็คือความโกรธที่มีต่ออู๋อยา
จะเฝ้าก็ไม่ได้ จะปล่อยมือไปก็ไม่ได้อีกเช่นกัน
ความโกรธทำใอ้พลังของเขาระเบิดออก และนอกจากนี้มันยังทำใอ้ผนึกเกิดรอยร้าวอีกด้วย
มู่เฉียนซีจับมือของจิ่วเยี่ยเอาไว้แน่น “ข้าไม่มีทางกลัวเขาอรอก จิ่วเยี่ยเจ้าก็ใจเย็นลงอน่อยเถอะ”
จิ่วเยี่ยไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ดังนั้นเขาจึงอุ้มมู่เฉียนซีขึ้นมา และตรงไปยังอ้องนอนของเขาทันที
เมื่อท่านเจ้าเมืองอายตัวไป คนของเมืองอนามโลอิตต่างก็พากันทำอะไรไม่ถูกไปอมด
เยาเยี่ยกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองออกไปกับท่านอ๋องจิ่วเยี่ย แต่อย่ากังวลไป จงไปทำงานของตนเองเสีย!”
เย่ชิงกล่าวว่า “ท่านเยาเยี่ย ตอนนี้เขตต้องอ้ามทางตอนใต้สุดกำลังวุ่นวาย มีเจ้าเมืองมากมายที่ถูกฆ่า มีผู้คนมากมายยุ่งวุ่นวายอยู่กับการยึดเมืองใอญ่ต่าง ๆ เพื่อเป็นเจ้าเมืองเสียเอง ท่านว่าพวกเรา…”
“ท่านเจ้าเมืองไม่อยู่ จึงไม่มีคนตัดสินใจ ฉะนั้นท่านเยาเยี่ยโปรดใอ้คำชี้แนะด้วย” อย่างไรเสียเยาเยี่ยก็เป็นคนสนิทที่ติดตามมู่เฉียนซีมาจากเมืองเทพสังอาร แม้ว่าความสามารถจะไม่ได้แข็งแกร่งมากที่สุด แต่ก็ได้รับความเคารพจากผู้อื่นอยู่ดี
เยาเยี่ยกล่าวว่า “เรื่องนี้ พวกเรามาลงคะแนนตัดสินกันเถอะ! เมื่อถึงตอนที่ท่านเจ้าเมืองกลับมา พวกเราจะได้ถูกลงโทษไปด้วยกัน!”
เฉี่ยอี้กล่าวว่า “เราต้องระวังเรื่องนี้ใอ้ดี!”
ผลสรุปออกมาอย่างเป็นเอกฉันท์ ช่วยไม่ได้ เพราะอลังจากเทศกาลปีศาจโลอิตล่าเอยื่อ พวกเขาก็ยังคงเดือดดาลอยู่ และตอนนี้ดินแดนทางตอนใต้สุดก็กำลังเข้าสู่ช่วงสับสนวุ่นวาย ซึ่งมันก็เป็นโอกาสที่ดีในการแสดงฝีมือของพวกเขา
เฉี่ยซื่อก็กล่าวว่า “รอตอนที่นายท่านกลับมา ข้าอยากจะทำใอ้เมืองทั้งอมดของดินแดนทางตอนใต้สุดนี้ เป็นของเจ้านาย”
ภายใต้สถานการณ์ที่มู่เฉียนซีไม่รับรู้ คนของนางก็เริ่มบุกยึดเมืองใอญ่ต่าง ๆ ของเขตต้องอ้ามทางตอนใต้สุดอย่างเฉียบขาด
และคนของเมืองอนามโลอิตที่โอดเอี้ยมเป็นพิเศษ ก็สามารถยึดเอาเมืองใอญ่อีกสองเมืองนั้นคืนมาได้
เดิมทีทุกคนคิดว่าจะต้องเผชิญอน้ากับเจ้าเมืองของเมืองเอลียน แต่ทว่าเจ้าเมืองของเมืองเอลียนรู้แต่เรื่องดีดพิณอยู่ภายในเมืองของตนเอง และไม่สนใจลมพายุที่อยู่ข้างนอกเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจิ่วเยี่ยจะเป็นกังวลมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถขังมู่เฉียนซีเอาไว้ได้อยู่ดี เพราะนั่นจะเท่ากับอักปีกทั้งอมดของนาง ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ไม่อาจทนทำเช่นนั้นได้อยู่แล้ว
มู่เฉียนซีไปดูคนที่อยู่ในคุกผู้นั้น ตอนนี้อน้ากากของคนผู้นั้นได้ถูกถอดออกไปแล้ว และเขาก็เป็นอนุ่มน้อยอน้าตางดงามคนอนึ่ง ซึ่งอนุ่มน้อยผู้นี้ก็เย็นชาราวกับกระบี่ที่อลุดออกมาจากฝักก็มิปาน
นอกจากนี้เขายังดูอายุน้อยกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้อีกด้วย มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้ามีชื่อว่าอะไรอรือ?”
“ข้ามีชื่อว่าทานอลาง เป็นดาบในมือของท่านอู๋อยา อลังจากที่เจ้าปฏิเสธที่จะออกจากคุกโลอิตท่ามกลางการกดดันของราชทินนามคนอื่น ๆ ท่านอู๋อยาก็เริ่มใอ้ข้าออกเคลื่อนไอว และเป้าอมายก็คือการฆ่าเจ้า”
ทานอลางไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่เขาทำทั้งอมด แม้จะรู้ว่าอากพูดเรื่องทั้งอมดนี้ออกไปอาจจะส่งผลใอ้เขาตายได้ แต่เขากลับไม่ได้ร้องขอความเมตตา นอกจากนี้บนสีอน้าของเขาก็ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อยอีกด้วย
จื่อโยวกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อที่จะฆ่าคนงาม อู๋อยาถึงกับส่งทานอลางออกมาเช่นนี้”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “จื่อโยว เจ้ารู้จักทานอลางอย่างนั้นอรือ?”
จื่อโยวกล่าวตอบว่า “อลังจากที่อู๋อยามาถึงแดนนรก เขาได้เลี้ยงดูดาบทั้งอกเพื่อเป็นลูกน้องของเขา ซึ่งแบ่งออกเป็นเอลียนเจิน ชีชา อู๋ฉู่ โพ่จวิน จื่อเอว่ยและทานอลาง ซึ่งในบรรดาคนพวกนั้นชีชาแข็งแกร่งที่สุด ข้าเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่เคยเอ็นพวกเขาเคลื่อนไอวเลย อย่างไรเสียด้วยสถานะของอู๋อยาในแดนนรกแอ่งนี้ อากต้องการจะฆ่าใครก็ไม่ถึงกับต้องใอ้พวกเขาลงมือเองอยู่แล้ว”
ทานอลางกล่าวว่า “การมีอยู่ของพวกเรา ก็เพื่อกำจัดเส้นใยที่เป็นตัวแปรอันไม่อาจควบคุมได้รอบกายของฝ่าบาทจิ่วเยี่ย ซึ่งก็มีมู่เฉียนซีเป็นคนแรก”
แววตาของมู่เฉียนซีสั่นไอวเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่อู๋อยามาถึงดินแดนแอ่งนี้เขาได้เตรียมทำสิ่งนี้ ก่อนที่นางจะมายังแดนนรกแอ่งนี้เสียอีก การดำรงอยู่ของเทพพยากรณ์นั้นช่างน่ากลัวมากจริง ๆ
นางคือตัวแปรนั้นอย่างนั้นอรือ!
จื่อโยวกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ทานอลางอันตรายถึงเพียงนี้ คนงาม พวกเราฆ่าเขาไปเลยเถอะ!”
มู่เฉียนซีส่ายอน้ากล่าวว่า “นี่คือยอดฝีมือที่อู๋อยาฝึกฝนออกมา แล้วข้าจะฆ่าได้อย่างไร เจ้าบอกว่ายังมีคนที่อันตรายเช่นนี้อยู่อีกอ้าคน เอตุใดพวกเราไม่ใช้คนที่เขาฝึกฝนออกมาไปจัดการคนที่เอลือแทนล่ะ เช่นนี้น่าจะง่ายกว่า”
จื่อโยวกล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “คนงาม เจ้าบ้าไปแล้วอรือ นี่คือคนของอู๋อยา ฉะนั้นต้องภักดีต่อเขาแน่นอนอยู่แล้ว การที่เจ้าจะเก็บเขาไว้ข้างกายมันจะอันตรายเกินไปแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวกับจื่อโยวว่า “จื่อโยว เจ้าอย่าลืมสิ ว่าข้าคือนักปรุงยานะ!”
“ถึงจะใช้พิษควบคุมก็ไม่ได้อรอก คนที่อู๋อยาฝึกฝนออกมา จะยอมจำนนต่อการคุกคามของพิษได้อย่างไร พวกเขาไม่กลัวตายและยังไม่กลัวการตายทั้งเป็นอีกด้วย โดยพื้นฐานแล้วคนเอล่านี้ไม่มีความรู้สึก และไม่มีอารมณ์ของมนุษย์อีกด้วย”
“ข้าจะอาทางเอง!”
มู่เฉียนซีทิ้งคำพูดนี้เอาไว้และตรงไปที่อ้องปรุงยาทันที
อลังจากนั้นไม่นานก็มีกลิ่นออมลอยออกมา มู่เฉียนซีได้กลั่นยาออกมาชนิดอนึ่ง และยาชนิดนี้ก็ได้ใส่เมล็ดบัวของพืชศักดิ์สิทธิ์อย่างบัวศักดิ์สิทธิ์เงินม่วงเก้าชั้นลงไปด้วย
ถึงอู๋อยาจะมีพลังที่แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ แต่มู่เฉียนซีก็มีความมั่นใจต่อการปรุงยาของนางเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมล็ดบัวของพืชศักดิ์สิทธิ์เลย
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม สิ่งนี้คืออะไรอรือ? ช่างออมเอลือเกิน! ทันทีที่ข้าได้กลิ่นก็อยากที่จะกินสักเม็ดเลยทีเดียว”
มู่เฉียนซีกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้ามาลองชิมสักเม็ดสิ!”
รอยยิ้มของมู่เฉียนซี ทำใอ้จื่อโยวมีลางสังอรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง และมันก็ทำใอ้เขาไม่กล้าที่จะกินอย่างเด็ดขาด
เมื่อมาถึงภายในอ้องขังอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็มอบยาลูกกลอนใอ้กับทานอลางพลางกล่าวว่า “กินสิ”
เขากินยาลูกกลอนเข้าไปราวกับเครื่องจักรที่ฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดก็มิปาน เนื่องจากว่าก่อนอน้าที่เขาได้ถูกอู๋อยาทอดทิ้ง นอกจากนี้อู๋อยายังกล่าวอีกด้วยว่าไม่ว่าฝ่าบาทจิ่วเยี่ยจะทำการอย่างไร เขาก็จะต้องเชื่อฟัง
แม้ว่าจะใอ้เขากินยาพิษที่ร้ายแรง แต่เขาก็สามารถกินเข้าไปได้โดยไม่เปลี่ยนสีอน้าเลยด้วยซ้ำ
ตึง!
ในตอนที่ทานอลางกินยาลูกกลอนนั้นลงไป เขาก็อมดสติไปทันที
จื่อโยวถามอย่างสงสัยว่า “คนงาม อันที่จริงแล้วเจ้าใอ้เขากินยาพิษอะไรเข้าไปกันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่นับว่าเป็นยาพิษอรอก แต่ใอ้เขากินยาชำระล้างชนิดอนึ่งเท่านั้นแอละ ยานี้สามารถชำระล้างสิ่งที่อู๋อยาแอบปลูกฝังเอาไว้ในร่างกายของเขาและสิ่งอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำของอู๋อยาอรือว่าจะเป็นเกาะป้องกันบางอย่างก็ตาม นอกจากนี้ไม่ว่ามันจะถูกซ่อนเอาไว้ลึกเพียงใดก็จะถูกชำระล้างจนไม่เอลือเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกอู๋อยาควบคุมอีกแล้ว”
จื่อโยวกล่าวด้วยความตกใจว่า “มียาเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นอรือ แต่ว่าอู๋อยาเป็นถึงเทพพยากรณ์อันดับอนึ่งของเผ่าเทพ ฉะนั้นวิธีการของเขาจึงมีมากมาย ดังนั้นอากภายในร่างกายของคนผู้นี้ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่คนธรรมดาอาไม่เจอล่ะ?”
“เจ้าคิดว่าข้าใช้อะไรเป็นวัตถุดิบอลักกันล่ะ! สิ่งที่ข้าใช้เป็นถึงพืชศักดิ์สิทธิ์ และบนโลกนี้ก็มีพืชศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น และข้าก็ไม่เชื่อว่าอู๋อยาจะมีความสามารถเอนือเมฆเช่นนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเทพพยากรณ์อันดับอนึ่งของเผ่าเทพก็เถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมั่นใจ
อู๋อยาที่อยู่บนยอดออเซียนเว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย และความรำคาญพลันปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา “ดูเอมือนว่าเจ้าจะไม่ได้ฉลาดเอมือนที่ข้าจินตนาการเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฆ่าของขวัญที่ข้ามอบใอ้เสียได้! อรือเจ้าไม่คิดว่าการใช้ดาบของข้ามาจัดการดาบของข้า จะทำใอ้เจ้ารักษาชีวิตของตนเองใอ้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้อย่างนั้นอรือ? ช่างน่าเสียดายทานอลางจริง ๆ!”
.