ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2404 กลุ่มคนโง่
แต่อู๋หยาคิดไม่ถึงว่า ตัวของมู่เฉียนซีเองจะถูกโชคชะตาลิขิตให้นางต้องกลายมาเป็นสาวน้อยผู้นี้ เช่นเดียวกับทักษะการปรุงยาที่น่าอัศจรรย์ของนาง
และแม้จะเป็นแผนการที่เทพพยากรณ์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพคิดคำนวณมาอย่างดี แต่ก็มีบางเวลาที่ผิดพลาดได้เช่นกัน
เมื่อทานหลางตื่นขึ้นมา ภายในสมองของเขากลับว่างเปล่า
และดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรไม่ออกเลย และคนที่เขาเห็นตั้งแต่ลืมตาครั้งแรกก็คือมู่เฉียนซีนั่นเอง
เขากล่าวด้วยความเคารพว่า “เจ้านาย!”
เขาแสดงความเคารพเช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่ออู๋หยาครั้งแรก
ถึงความเคารพของเขาจะไม่เหมือนว่าเสแสร้ง แต่จื่อโยวก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี เขากล่าวว่า “ข้าจะพาเจ้าหนูนี่ไปทดสอบสักหน่อย! หากไม่มีปัญหา ข้าก็จะคืนเขาให้คนงามอีกครั้ง จากนั้นก ก็แล้วแต่เจ้าจะจัดการเลย”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง!”
หลังจากผ่านการทดสอบของจื่อโยวแล้ว ก็พบว่าเจ้าหนูนี่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ต่ออู๋หยาเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าจื่อโยวจะสั่งให้ปลอมตัวและส่งไปอยู่บริเวณโดยรอบหอเซียนเว่ย ทานหลางก็ยังคงนิ่งสงบมากอยู่ดี
นอกจากนี้ความเคารพที่เขามีต่อมู่เฉียนซีก็ราวกับว่ามันถูกฝังเข้าไปในกระดูกดำก็มิปาน ซึ่งทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี
มู่เฉียนซีกล่าวกับจิ่วเยี่ยว่า “ยาของข้าได้ชำระล้างความทรงจำทั้งหมดของเขาไปแล้ว แต่ผลกระทบในเชิงบวกที่อู๋หยามอบให้พวกเขาทั้งหมดจะยังคงอยู่ อย่างเช่นความภักดี ความสามารถและ ะความแข็งแกร่งของเขา…”
“แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีภาวะที่เหมือนลูกนกน้อย ที่ถือให้คนคนแรกที่เขาเห็นเป็นเจ้านายของตนเอง นอกจากนี้การมีคนที่อู๋หยาฝึกฝนออกมาอย่างตั้งใจอยู่ด้วย ทำให้หลังจาก กนี้ถึงอู๋หยาจะให้ดวงดาวอีกห้าคนลงมือ ข้าก็คงโต้ตอบได้ไม่ยากแล้ว ฉะนั้นคราวนี้เจ้าก็วางใจได้แล้วล่ะ!”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “มันยังมีอันตรายอยู่ เว้นแต่ว่าจะกำจัดไปจนถึงรากเหง้า มิเช่นนั้นจะให้ข้าจะวางไวได้อย่างไรกัน?”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “เช่นนั้นข้าก็จำเป็นที่จะต้องหาโอกาสที่จะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นแล้วล่ะ”
ถึงจิ่วเยี่ยปฏิเสธที่จะปล่อยนางไป แต่เมืองหนามโลหิตก็ได้ส่งข่าวมาว่า ผลลัพธ์ของเทศกาลปีศาจโลหิตล่าเหยื่อในครั้งของดินแดนทางตอนใต้สุดได้คำนวณออกมาแล้ว และเมืองหนามโลหิตขอ องพวกเขาย่อมได้รับอันดับหนึ่งแน่นอนอยู่แล้ว
ฉะนั้นเมืองหนามโลหิตสามารถพาคนจำนวนหนึ่งพันคนไปยังบ่อน้ำพุเทพประทานได้ และตอนนี้พวกเขาก็ได้ส่งคนมาให้มู่เฉียนซีเลือกแล้ว ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวกับจิ่วเยี่ยว่า “จิ่วเยี่ย ย ในเมื่อเจ้าพาข้ามาที่นี่ เช่นนั้นก็รีบส่งข้ากลับไปเถอะ!”
จิ่วเยี่ยกล่าว “อื้ม!”
ด้วยเหตุนี้จื่อโยวจึงค้นพบว่าจิ่วเยี่ยได้หนีออกไปอีกแล้ว และหลังจากที่ทานหลางรู้จุดหมายปลายทางเขาก็ตรงไปยังเมืองหนามโลหิตทันที
หลังจากที่มู่เฉียนซีมาถึง นางก็มุ่งหน้าไปยังเมืองหนามโลหิตอย่างรวดเร็ว และคนที่มารับพวกเขาไปยังบ่อนำพุเทพประทานก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน “ไปกับพวกเราเถอะ!”
บ่อน้ำพุเทพประทานตั้งอยู่บนจุดยอดสุดของคุกโลหิต ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะถึง ก็ได้พบกับคนอื่นๆ คนเหล่านี้แต่ละคนตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังภูมิใจในตนเองมากอีกด้วย
และพวกเขาก็ได้ยินคนเหล่านี้พูดคุยกันว่า “การล่าเหยื่อครั้งนั้น พวกเราได้เจอท่านอ๋องจิ่วเยี่ยด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยจะมาช่วยเหลือเขตต้องห้ามทางตอนเหนือของพวก กเรา”
“เขตต้องห้ามทางตอนเหนือของพวกเจ้ามีอะไรต้องภูมิใจกัน? ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยก็มาช่วยพวกเราที่เขตต้องห้ามทางตอนเหนือสุดเหมือนกันนั่นแหละ!”
เนื่องจากว่าครั้งนี้จิ่วเยี่ยเคลื่อนไหว จึงทำให้คนเหล่านี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาโอ้อวดไปร้อยปีแล้ว
แต่ในตอนที่พวกเขาเห็นคนจากดินแดนต้องห้ามตอนใต้สุดมาถึงต่างก็พากันถอนหายใจ “คนของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดมากันแล้ว มีเพียงเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดเท่านั้นที่ไม่ได้รับกา ารช่วยเหลือจากท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ข้าว่าคงถูกท่านอ๋องจิ่วเยี่ยลืมไปแล้วเป็นแน่ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
อย่างไรก็ตามคนจากเขตต้องห้ามเหล่านี้ก็ได้พยายามแสดงความเหนือกว่าต่อหน้าคนจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด แต่ทว่าคนจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดกลับมองพวกเขาราวกับมองคนโง่ก็มิป ปาน
นี่มันกลุ่มคนโง่หรือ!
ท่าทางที่ดูถูกของคนจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดเหล่านี้ ทำให้คนเหล่านี้โกรธเคืองเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งของเขตต้องห้ามต่าง ๆ แต่กลับไม่สามารถจัดการแม้แต่นักโทษที่หนีออกมาจากคุกนรกได้ และทำให้ประตูใหญ่ของคุกนรกถูกเปิดเอาไ ไว้นานขนาดนั้น จนทำให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยถึงกับต้องลงมือช่วยเหลือจัดการแทน ถึงพวกเจ้าจะไม่รู้สึกละอายใจก็ช่างมันเถอะ แต่ยังรู้สึกเป็นเกียรติได้อีกหรือ นี่ในหัวสมองของพวกเจ้า ามีแต่หญ้าหรืออย่างไร!”
มู่เฉียนซีเยาะเย้ยพวกเขาอย่างเปิดเผย ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างมาก “มันถึงคราวที่จะให้เด็กน้อยจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดอย่างเจ้ามาพูดจาไร้สาระอยู่ที่นี่ได้ตั้งแต่เม มื่อไรกัน”
“เด็กน้อยอะไรกัน นี่คือเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตของพวกเรา เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุด พวกเจ้าต้องมีความเคารพสักหน่อย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม ม่เกรงใจก็แล้วกัน” โม่อูเดินออกมาพร้อมกล่าวอย่างโกรธเคือง
มู่เฉียนซีก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า ในระหว่างที่นางไม่อยู่ เจ้าพวกคนเหล่านี้ได้ยึดเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดทั้งหมดเอาไว้แล้ว และตอนนี้นางก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของเขตต้องห้ามทาง งตอนใต้สุดแล้ว
“อะไรนะ? นี่คือคนที่ยึดเมืองหนามโลหิตมาได้อย่างนั้นหรือ?” พวกเขามองไปทางมู่เฉียนซี และรู้สึกเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้อ่อนแอมากเลยนะ!
“ถึงเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดของพวกเจ้าจะสามารถจัดการนักโทษที่หนีออกมาได้รวดเร็วที่สุด แต่นั่นมันแสดงถึงอะไรได้กันล่ะ? และนั่นต้องเป็นเพราะนักโทษที่หนีออกมาของเขตต้องห้า ามทางตอนใต้สุดอ่อนแอเกินไปอยู่แล้ว คู่ต่อสู้ของพวกเราแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นถึงได้…” มีคนกล่าวอย่างไม่พอใจ
อ่อนแอหรือ? ผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ หากไปปล่อยไว้ในเขตต้องห้ามอื่น เกรงว่าพวกเขาคงไม่ทันรอให้ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยลงมือ ก็คงได้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปหมดแล้ว
พวกได้ตรวจสอบมาแล้ว แม้ว่าสถานที่อื่นจะมีผู้แข็งแกร่งระดับใต้เท้าปรากฏตัวขึ้นมามากกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อเทียบกับดินแดนทางตอนใต้สุดแล้วมันยังคงห่างไกลอยู่มากเลย ยทีเดียว
“อ่อนแออย่างนั้นหรือ! พวกไก่อ่อนอย่างพวกเจ้าจะลองทดสอบความอ่อนแอของพวกข้าดูหรือไม่ล่ะ?” ร่างเงาหลายร่างพุ่งทะยานออกมา และพวกเขาก็คือเหล่านักโทษที่ยอมจำนนให้กับมู่เฉียนซี
เจ้าคนพวกนี้กล้ามาหยาบคายต่อเจ้าเมืองของพวกเขาขนาดนี้ พวกเขาเองก็โกรธเคืองมากเช่นกัน และพวกเขาก็เตรียมที่จะสั่งสอนคนที่มีตาหามีแววไม่เหล่านี้แล้วเช่นกัน
“พวกเจ้า…พวกเจ้าเป็นใครกัน?” พวกคนของเขตต้องห้ามอื่น ๆ สังเกตเห็นได้ถึงกลิ่นอายที่ทั้งอันตรายและคุ้นเคยมาจากตัวของคนเหล่านี้ ซึ่งกลิ่นอายนี้ก็เหมือนกลิ่นอายของพวกนักโทษ เหล่านั้นเลย
ไม่มีทางหรอก! นี่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีผู้ใดทำให้นักโทษที่โหดร้ายเหล่านั้นยอมจำนนได้หรอก
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ในตอนที่พวกเขาต้องการลงมือกับคนเหล่านี้ ก็ได้มีคนสวมชุดเกาะสีเงินกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาขวางเอาไว้
พวกเขากล่าวว่า “ตอนที่เข้าไปใกล้บ่อน้ำพุเทพประทานพวกเจ้าสามารถต่อสู้ได้ตามใจชอบ แต่ทว่าก่อนที่พวกเราจะทำภารกิจได้เสร็จสิ้น พวกเจ้าไม่สามารถต่อสู้กันได้ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้า าไม่เตือน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “กลับมา!”
คนของเผ่าเทพกลุ่มนี้มีสถานะเป็นผู้สนับสนุนพิเศษของแดนนรก ตอนนี้ยังไม่ได้ไปบ่อน้ำพุเทพประทาน ฉะนั้นอย่ายั่วยุพวกเขาเลยจะดีกว่า
“ขอรับ ท่านเจ้าเมือง!”
“ขึ้นเขากันเถอะ!” คนเหล่านั้นกล่าว
เขาเทพประทานมีเพียงคนที่เผ่าเทพกลุ่มนี้พาขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปได้ หลังจากที่ขึ้นไปแล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงของน้ำพุ ซึ่งมันก็มีน้ำพุสีขาวนวลอยู่บนยอดเขาแห่งนี้
ด้านล่างที่อยู่ปลายสุดของหน้าผาแห่งนั้นยังมีบ่อน้ำพุอยู่อีกแห่งหนึ่ง ที่ไหลรินลงไปจากปลายหน้าผา จนมีรูปร่างราวกับเศษผ้าผืนหนึ่งก็มิปาน
สถานที่แห่งนี้ถูกซ่อนไว้อย่างลึกลับ นอกจากนี้ภายในบ่อน้ำพุเทพประทานยังมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่อีกด้วย และทุกคนย่อมมองออกแน่นอนอยู่แล้ว
“พวกเจ้ามีเวลาทั้งหมดหนึ่งวัน หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวันแล้วพวกเราจะมาเชิญพวกเจ้าออกไป เช่นนั้น เชิญพวกเจ้าตามสบายเถอะ สามารถแย่งบ่อน้ำพุเทพประทานที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดได้ ทั้ งหมดนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของทุกคนแล้ว” หลังจากที่พวกเขาพูดจบแล้ว พวกเขาก็หายไปต่อหน้าฝูงชนทันที
และผลปรากฏว่า หลังจากที่คนเหล่านั้นไปแล้ว บรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นตรึงเครียดขึ้นมาทันที
คนของเขตต้องห้ามอื่น ๆ มองไปทางพวกของมู่เฉียนซีอย่างไม่พอใจ “คนของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดบอกว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงสามารถจัดการนักโทษที่หนีออกมาเหล่านั้นได้อย ย่างรวดเร็ว และทำให้ประตูของคุกนรกปิดลงอย่างแน่นหนา นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าคนที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยยื่นมือออกช่วยเหลืออย่างพวกเรานั้นน่าอับอายอีกด้วย นี่มันไม่ใช่ความหยิ่งยโส สธรรมดาเลยจริง ๆ! ฉะนั้นข้าคิดว่าเหล่าพี่น้องก็คงจะสงสัยมากว่าความสามารถของคนจากเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดเหล่านี้เป็นอย่างไรกันแน่?”