ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2406 ท่านอ๋องอยู่ด้วย
“เจ้าพวกขยะของเขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดเหล่านั้นจัดการเจ้าไม่ได้ ฉะนั้นพวกเราจะจัดการเจ้าเอง! นางเด็กน้อย!”
พวกเขาพุ่งเข้ามาปิดล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้ และก่อนหน้าที่คนเหล่านั้นจะต่อสู้ก็มีคนกล่าวว่า “ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้รนหาที่ตาย พวกเราก็แค่เฝ้าดูสถานการณ์ก็พอแล้ว”
เมื่อเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของพวกเขา มู่เฉียนซีย่อมไม่เอาแต่นั่งรอความตายแน่นอนอยู่แล้ว ถึงอีกฝ่ายจะมีจำนวนคนมากกว่า แต่นางก็มีสัตว์อสูรมากเช่นกัน! ใครต้องกลัวใครกันแน่?
“เสี่ยวโม่โม่ อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเจ้าควรออกมาสู้ได้แล้ว”
ครืนนนน!
พลังธาตุอัคนีอันน่าสะพรึงกลัวทั้งสองชนิดพลันปะทุขึ้นมาในพื้นที่อย่างกะทันหัน และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เขากล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “ถอย รีบถอยเร็วเข้า!”
หลังจากนั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขายากที่จะยอมรับก็คือ พวกเขากำลังเห็นอะไรอยู่น่ะ? สัตว์เทพสามตัวอย่างนั้นหรือ!
คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่ผูกพันธสัญญากับสัตว์เทพได้ถึงสามตัวเช่นนี้!
“เจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิต ดูเหมือนว่าพวกข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไปหน่อยแล้ว โจมตี!” คนของเขตต้องห้ามทางตอนเหนือสุดได้เรียกผู้ช่วยของเขา จากนั้นก็เริ่มต่อสู้กับมู่เฉียนซี และสัตว์พันธสัญญาของนาง
คนกลุ่มแรกมองไปยังพลังในการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวของอู๋ตี้และเสี่ยวหงพลางกล่าวขึ้นมาว่า “ก่อนหน้านี้สาวน้อยผู้นี้ยังไม่ได้ต่อสู้กับพวกเราอย่างเต็มที่เลย หากนางให้สัตว์ พันธสัญญาเหล่านี้โจมตีก่อน พวกเรา…เกรงว่าพวกเราคงจะไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้เป็นแน่!”
“จู่โจมพร้อมกัน ในขณะที่นางกำลังมีสมาธิโจมตีคนอื่น พวกเราก็ฉวยโอกาสจัดการผู้หญิงคนนี้เสีย จากนั้นก็เอายาแก้พิษมาจากนาง”
“ตกลง!”
ตูมมม โครมมม!
มีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นบริเวณรอบบ่อน้ำพุเทพประทานกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า และตอนนี้คนของเขตต้องห้ามอื่น ๆ เหล่านั้นก็ได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเมืองหนามโลหิตแล้ว
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะไม่ได้เป็นเจ้าครองดินแดนระดับบน แต่ทว่าเจ้าครองดินแดนระดับบนของพวกเขาบางคนก็ไม่ใช่คนวิปลาสธรรมดาเลย!
ปัง ปัง ปัง!
ใครก็ตามที่ต้องการแย่งชิงบ่อน้ำพุเทพประทานระดับสูงกับพวกเขาล้วนได้รับความพ่ายแพ้ยับเยิน ไม่ก็บาดเจ็บสาหัส จนไม่กล้าที่จะแย่งชิงกับพวกเขาอีก และทำได้เพียงหาบ่อน้ำพุที่ยังเหล ลืออยู่เท่านั้น
พวกเขาไม่สามารถยั่วยุคนกลุ่มนี้ได้เลย และต้องยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น!
การที่เขตต้องห้ามทางตอนใต้สุดสามารถจัดการนักโทษเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แต่เป็นเพราะเมืองหลวงของพวกเขาอย่างเมืองหนามโลหิตมีความวิปลาสมากเกินไปต่างหาก
พวกเขาไม่กล้าต่อสู้กับคนของเมืองหนามโลหิต และยังมีอีกหลายคนที่ยังลังเลที่จะลงมือโจมตี
การต่อสู้อีกด้านหนึ่งยังคงไม่หยุดลง และสาวน้อยผู้มีระดับพลังวิญญาณที่อ่อนแอมากคนหนึ่งกำลังถูกล้อมโจมตีอยู่
นั่นมันไม่ใช่เจ้าเมืองของคนพวกนี้อย่างนั้นหรือ?
ตอนนี้เจ้าเมืองของพวกเขากำลังถูกล้อมโจมตี แต่เจ้าพวกคนเหล่านี้กลับกำลังฝึกฝนอย่างสบายใจ นี่พวกเขาไม่คำนึงถึงความเป็นความตายของเจ้าเมืองของพวกเขาเลยอย่างนั้นหรือ?
ดูท่าแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนใจเจ้าเมืองของพวกเขาเท่าไร เจ้าเมืองที่มีความสามารถไม่ถึงระดับเจ้าครองดินแดนนั้นยากที่จะทำให้ผู้คนยอมจำนนได้
“ไปเถอะ! พวกเราไปจัดการแม่สาวน้อยคนนั้นกันเถอะ” พวกเขาพุ่งทะยานไปทางด้านของมู่เฉียนซีทันที
ในเมื่อสู้เจ้าพวกวิปลาสของเมืองหนามโลหิตไม่ได้ แล้วพวกเขาจะเอาชนะเจ้าเมืองของพวกเขาเพื่อระบายความโกรธไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ?
คนเหล่านี้กรูกันเข้าไปราวกับฝูงผึ้ง และในตอนที่กำลังจะโจมตีไปที่มู่เฉียนซี คนของเมืองหนามโลหิตเหล่านั้นก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่ดี
เจ้าเมืองไม่ยอมให้พวกเขาเคลื่อนไหว ฉะนั้นแปลว่าท่านเจ้าเมืองพอที่จะรับมือคนเหล่านี้ได้
กล้าโจมตีท่านเจ้าเมือง แน่นอนว่าคนที่โชคร้ายจะต้องเป็นพวกเขาอยู่แล้ว
จำนวนคนที่เข้ามาห้อมล้อมมู่เฉียนซีมีมากขึ้นเรื่อย ๆ คนกลุ่มนี้ล้วนมองว่านางควบคุมได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?
“แม่สาวน้อย หยุดเถอะ! แม้ว่าเจ้าจะมีสัตว์พันธสัญญาถึงสามตัวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราอยู่ดี ฉะนั้นข้าจะให้โอกาสที่ทำให้เจ้าได้มีชีวิตรอด” มู่เฉียนซีถูกปิดล้อมชั้นแล้วชั้นเล่า แ และหนึ่งในนั้นก็เอ่ยปากออกมา
“โอกาสอะไรหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
คนผู้นั้นกล่าวว่า “ให้คนในเมืองของเจ้าสละบ่อน้ำพุเทพประทานระดับบนสามในสี่เสีย แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าเมือง น่าจะสั่งพวกเขาได้บ้างล่ะนะ! อย่ามาบอกว่าเร รื่องแค่นี้เจ้าก็ทำไม่ได้นะ หากไม่รับปากละก็ ข้าจะโยนเจ้าลงจากหน้าผานี้เสีย!”
แต่ทว่าก่อนที่คนผู้นี้จะพูดอะไรขึ้นมาอีก ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่พุ่งเข้ามาโจมตีร่างของเขา และร่างของเขาก็ร่วงลงไปข้างล่างอย่างไม่อาจควบคุมได้
เขาตกลงไปจากหน้าผาทันที แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุด
และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นตกใจมากที่สุดก็คือเขาสัมผัสได้ว่าขาทั้งสองข้างของเขากลายเป็นกระดูกขาว และแหลกสลายลอยหายไปในอากาศ
พลังทำลายชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ความสามารถในการช่วงชิงเลือดเนื้อที่ลึกลับยากจะคาดเดา เท่าที่เขารับรู้ ในแดนนรกแห่งนี้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งคนผู้นั้นก็คือท่าน อ๋องจิ่วเยี่ยผู้เป็นอ๋องของคุกโลหิตนั่นเอง
ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ที่นี่ เหตุใดถึงไม่มีผู้ใดค้นพบเลยเล่า!
ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยโจมตีเขา เพื่อปกป้องเจ้าเมืองของเมืองหนามโลหิตผู้นั้นอย่างนั้นหรือ?
ไม่มีทางหรอก!
ในตอนที่ความตายกำลังคืบคลานเข้ามา ก็ยังไม่ทันรอให้สมองตอบสนองกลับ เขาก็ได้สลายหายไปแล้ว
ทันทีที่มีคนพูดว่าจะโยนมู่เฉียนซีลงไปจากหน้าผา คนของพวกเขากลุ่มนี้ก็ได้เปิดประตูของปีศาจทำลายล้าง เพราะท่านอ๋องจิ่วเยี่ยโกรธเคืองแล้วนั่นเอง
“ใคร? ใครเป็นคนแอบลอบโจมตีกันแน่!”
ตึง ตึง ตึง!
พวกเขาถูกโยนลงจากหน้าผาทีละคนอย่างง่ายดาย และมันก็ทำให้คนที่ตกลงจากหน้าผาตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“ฝันร้าย! นี่จะต้องเป็นฝันร้ายแน่นอน! ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“อ๊ากกกกกกก!”
ก่อนหน้านี้พวกเขายังภาคภูมิใจที่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยมาช่วยเหลือพวกเขาเก็บกวาดนักโทษเหล่านั้น ซึ่งคิดว่ามันเป็นเกียรติที่หาได้ยากยิ่ง แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากลับถูกท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ยลงโทษอย่างเหี้ยมโหด
เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
พวกเขายังไม่ทันเห็นศัตรู ก็ถูกศัตรูโจมตีจนลอยกระเด็นตกลงไปแล้ว และหลังจากนั้นก็มีคนตายเป็นจำนวนมากในคราวเดียว
“บัดซบเอ้ย! ผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถระดับใต้เท้าปรากฏอยู่ที่นั่นได้อย่างไร? หรือว่าคนพวกนั้นไม่สังเกตเห็นหรือไงกัน?” พวกเขาได้แต่ก่นด่า
ผู้ที่สามารถสังหารเจ้าครองดินแดนระดับบนได้โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเช่นนี้ เกรงว่าจะมีเพียงใต้เท้าระดับบนเท่านั้นที่สามารถทำได้
แน่นอนว่าระดับอ๋องต้องสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ทว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะคิดไปทางนั้นได้เลย
ระดับอ๋องของคุกโลหิตมีเพียงคนเดียวก็คือท่านอ๋องจิ่วเยี่ยเท่านั้น แต่ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน?
“หนีเถอะ!”
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดระดับใต้เท้าคนหนึ่งถึงสามารถแอบเข้ามาที่นี่ได้โดยไม่ถูกค้นพบ แต่พวกเขารู้ว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไปจะต้องตายแน่นอน
พวกเขาจำเป็นที่จะต้องหนี และพวกเขาก็ไม่แย่งชิงบ่อน้ำพุเทพประทานอีกแล้ว ไม่แย่งแล้ว!
หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา และพามู่เฉียนซีลงมาจากบนหน้าผาแห่งนั้น
ทันทีที่จิ่วเยี่ยโบก ก็มีสิ่งกีดขวางปรากฏขึ้นมาโดยรอบ
ในตอนที่จิ่วเยี่ยร่อนลงมาบนขอบบ่อน้ำพุเทพประทาน จิ่วเยี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย ทำไมหรือ? บ่อน้ำพุเทพประทานมีปัญหาอย่างนั้นหรือ?”
จิ่วเยี่ยส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่ามันไร้ประโยชน์มากเกินไปหน่อย”
แม้จะบอกว่าเป็นรางวัล แต่ทว่าเผ่าเทพกลับลังเลที่จะนำเอาสิ่งของที่ดีที่แท้จริงออกมา และจิ่วเยี่ยก็รู้สึกว่าบ่อน้ำพุเทพพลังวิญญาณที่ไร้ประโยชน์นี้ช่างไม่เหมาะกับซีเอาเสียเ เลย
แต่ทว่าในเมื่อซีได้มาถึงที่นี่แล้ว จิ่วเยี่ยก็ย่อมไม่มีทางปล่อยให้นางผิดหวังกลับไปได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้นำเอาผลึกวารีสีขาวออกมาจากมิติของตนเองเม็ดหนึ่ง
มู่เฉียนซีค้นพบว่าผลึกวารีสีขาวนั้นมีความใกล้เคียงกับบ่อน้ำพุเทพประทานนี้เป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่า พลังของผนึกวารีเม็ดนี้กลับมีความบริสุทธิ์กว่ามาก
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย นี่คืออะไรอย่างนั้นหรือ?”
จิ่วเยี่ยกล่าวตอบว่า “ผลึกหินพลังเทพของเผ่าเทพ ตอนนี้ซีสามารถดูดซับได้เพียงชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น หากดูดซับมากเกินไปพลังของเจ้าก็จะพุ่งทะยานขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรเลย “