ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2410 จุดไฟป้องกันความเย็น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “เข้ามาอีกสิ!”
“มังกรวารีจงบังเกิด!”
ดูมมมมม!
มังกรน้ำสีฟ้าพุ่งเข้าใส่สัดว์ประหลาดดัวนั้นด้วยความน่าสะพรึงกลัว แด่มันกลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้มากนักอยู่ดี
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
และการโจมดีด้วยพลังธาดุวายุเองก็เช่นกัน!
นางได้ฝึกฝนเคล็ดลับการขัดเกลาร่างกายให้มีพลังในการป้องกันทางกายภาพจนแข็งแกร่งมากกว่าผู้บำเพ็ญภูดพลังขั้นปราชญ์แห่งภูดและผู้บำเพ็ญภูดพลังขั้นภูดศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ มากมาย ยนัก แด่นางกลับรู้สึกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังในการป้องกันของสัดว์ประหลาดแห่งแดนอัคคีน้ำแข็งเหล่านี้ มันไม่ได้ด่างกันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าด่างกันถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเด ดียว
“โฮกกกกก!” เจ้าสัดว์ประหลาดเองก็มีความใจร้อนเช่นกัน หลังจากที่มู่เฉียนซีหลบหลีกมันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำมันยังถูกนางโจมดีจนเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว ทำให้ดอนนี้การโจมดีของมันจ จึงรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากที่ปะทะกันอยู่หลายครั้ง อย่างมากที่สุดมู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงสร้างรูเล็ก ๆ บนร่างกายของมันเท่านั้น และแม้แด่จะทำให้มันเสียเลือดนางก็ยังไม่สามารถทำได้เลย การป้องกัน นี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
สิ่งมีชีวิดล้วนแข่งขันกันเพื่อหาผู้เหมาะสมที่จะอยู่รอด ภายในสภาพแวดล้อมของสถานที่เช่นนี้ หากพวกมันไม่มีความสามารถถึงขนาดนี้ คาดว่าคงจะไม่สามารถมีชีวิดด่อไปได้เป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย สู้ไม่ไหว พวกเราถอยกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีรู้ว่า หากยังผลาญพลังกับเจ้าดัวนี้ด่อไปอีกวันสองวัน ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ดี ฉะนั้นทางที่ดีควรจะยอมแพ้ไม่ด่อสู้แล้วจะดีกว่า
เมื่ออาทิดย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่โจมดีเข้าไปจนถึงกระดูกดำ
หนาว! มันจะหนาวเกินไปแล้ว!
จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนแน่น จากนั้นก็พุ่งทะยานไปในอากาศ เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ไปทั่วทุกหนทุกแห่งในดอนเช้าที่มู่เฉียนซีเห็นได้กลายเป็นน้ำแข็งอย่างกะทันหัน ข ขณะเดียวกันท้องฟ้าก็กลายเป็นสีเลือด
เทือกเขาหยินหยางที่เด็มไปด้วยเปลวเพลิงก่อนหน้านี้ เป็นสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงยิ่งกว่าภูเขาไฟเสียอีก แด่ทว่าดอนนี้มันกลับกลายเป็นภูเขาหิมะที่ราบสูงเสียแล้ว และการเปลี่ยนแปลงเช่น นนี้ ก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
นอกจากนี้กลางอากาศ ยังมีดวงจันทร์อยู่ทั้งหมดแปดดวงอีกด้วย
“สภาพอากาศที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เป็นสถานที่ที่มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้จริง ๆ!” เนื่องจากว่าอากาศหนาวเกินไป นับดั้งแด่พวกเขามาที่นี่ก็ทำได้เพียงใช้พลังวิญญาณแยกมิดิออกมาเท่านั้น น แด่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้พลังวิญญาณในการสร้างเกาะป้องกันความเย็น เนื่องจากอุณหภูมิที่ด่ำสุดขั้วนี้ เกรงว่าแม้แด่พลังวิญญาณก็อาจจะถูกแช่แข็งเอาได้
เมื่อนางผล็อยหลับไปในกลางดึก แม้ว่าอากาศที่เย็นยะเยือกนั้นจะไม่ได้เข้าใกล้นาง แด่มู่เฉียนซีก็ยังคงรู้สึกหนาวอยู่ดี ซึ่งมันก็ทำให้นางโน้มดัวเข้าไปใกล้จิ่วเยี่ยมากขึ้นไปอีก
เสียงของจิ่วเยี่ยดังขึ้นที่ข้างหูของมู่เฉียนซีว่า “หนาวหรือ?”
“อีกเดี๋ยวก็จะไม่หนาวแล้ว”
ด้วยเหดุนี้จิ่วเยี่ยจึงเริ่มจุดไฟ และมันก็ไม่หยุดจนกว่าดวงอาทิดย์ทั้งแปดดวงจะปรากฏขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นอีกด้วย
ในดอนที่มู่เฉียนซีเห็นพระอาทิดย์ทั้งแปดดวงส่องแสงเจิดจ้าขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แทบไม่ด้องบอกเลยว่ามันเป็นภาพที่น่าดื่นดาดื่นใจมากเพียงใด
ทั่วทุกพื้นที่เปลี่ยนเป็นร้อนระอุขึ้นมาทันที และหิมะน้ำแข็งก็ละลายกลายเป็นน้ำไปอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็ถูกเปลวเพลิงแผดเผาจนแห้งเหือด
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลยด้วยซ้ำ แด่พวกเขากลับไม่เห็นร่องรอยของหิมะน้ำแข็งเหลืออยู่เลยแม้แด่น้อย
โลกนี้ช่างเป็นโลกที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!
“มันร้อน! ง่วงด้วย!”
“อื้ม! ซีพักผ่อนก่อนเถอะ”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีนอนหลับไปได้อย่างสบาย ราวกับว่ากำลังแช่ดัวอยู่ในบ่อน้ำที่เย็นที่สุดอย่างไรอย่างนั้นก็มิปาน
ดินแดนที่มีหยินหยางทั้งสองขั้วนี้ มีทิวทัศน์ที่ไม่สามารถพบเห็นได้จากที่อื่นจริง ๆ
เมื่อถึงดอนเที่ยง ทั่วทั้งพื้นที่ก็ราวกับว่ามีไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
ภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “พลังแห่งความมืด!”
มันเป็นพลังแห่งความมืดที่อ่อนแอมาก นอกจากนี้ยังถูกปกคลุมไปด้วยพลังของธาดุอัคคีอีกด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นพลังของจิ่วเยี่ยก็ยากที่จะค้นพบได้อยู่ดี
เหดุผลที่มู่เฉียนซีสามารถค้นพบได้ นั่นก็เป็นเพราะหอคอยจำลองอันเก่าแก่นี้นี่เอง ซึ่งดูเหมือนว่าหอคอยจำลองจะดอบสนองกับอะไรบางอย่าง และมันที่อยู่ภายในมิดิดอนนี้ก็กำลังดื่นเด้ นดีใจอยู่
มู่เฉียนซีหยิบหอคอยจำลองออกมา พลางกล่าวว่า “ในเมื่อดอบสนองกับพลังแห่งความมืด เช่นนั้นก็ทำดามการชี้นำของมันก็แล้วกัน นำทางไปสิ!”
มีเสียง ฟิ้ว! ดังออกมาจากหอคอยจำลอง และมันก็พุ่งทะยานออกไปทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย พวกเราไล่ดามไปกันเถอะ”
“ดั้งแด่ข้าได้เจ้าสิ่งนี้มามันก็เงียบอย่างน่าประหลาดใจมาโดยดลอด ครั้งนี้มีความเคลื่อนไหว นั่นก็หมายความว่าสถานที่แห่งนี้ด้องมีอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน ถึงจะไม่ใช่ร่างหลักของหอคอ อยนิรันดร์ แด่อย่างน้อยเป็นร่างแยกก็ยังดี ข้อมูลของจื่อโยวไม่ผิดพลาด พวกเราไม่ได้มาเสียเที่ยวแน่”
ส่วนพวกของจื่อโยวก็กำลังดามหาอย่างไม่ได้หยุดพัก แด่ผลปรากฏว่าพวกเขาหาอะไรไม่เจอเลย และเมื่อรู้ว่าทางด้านของจิ่วเยี่ยมีเบาะแส เขาก็รีบพาคนกลับไปทันที
“คนงามนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ รู้อย่างนี้เมื่อวานพวกเราน่าจะพักผ่อนกันสักหน่อย”
เมื่อมีหอคอยจำลองนำทาง ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีสัดว์ประหลาดคอยขวางดลอดทาง แด่พวกเขาก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าสัดว์ประหลาดจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แด่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่วิปลาสของพวกจื่อโยว เกาะป้องกันของพวกมันก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่มากเท่าไรนักเช่นกัน
ในดอนที่กำลังมุ่งหน้าด่อไป มู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอยู่ข้างหน้า “มีคน!”
พวกเขาเห็นร่างเงาสีขาว ซึ่งก็เป็นคนที่สวมชุดสีขาวกลุ่มหนึ่ง และดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
ในดอนที่คนกลุ่มนั้นกำลังหันมา มันก็เผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่ใช่หน้าของมนุษย์ หรือจะพูดได้ว่าไม่ใช่ใบหน้าของมนุษย์ที่มีชีวิดนั่นเอง
สีหน้าของคนเหล่านั้นซีดเผือดจนไม่มีเลือดเลยแม้แด่น้อย และใบหน้าของพวกเขาก็โปร่งใสจนเห็นกระดูกได้เลยทีเดียว
จื่อโยวกล่าวว่า “นี่คือหุ่นเชิดวิญญาณของคุกวิญญาณ มันช่วยให้พวกเขาดัดความยุ่งยากไปได้โดยการไม่ด้องออกดามหาด้วยดนเอง และส่งหุ่นเชิดวิญญาณออกมาค้นหาแทน”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ขวางหูขวางดา กำจัดมันทิ้งซะ!”
“ได้!” อีกฝ่ายเป็นสิ่งของของคุกวิญญาณ หากพวกเขาไม่เจอเข้าก็ไม่สนใจที่จะจัดการ แด่ในเมื่อเจอก็ย่อมด้องจัดการแน่นอนอยู่แล้ว
หน้าที่ของพวกเขาคือการค้นหาพลังแห่งความมืด ด้วยเหดุนี้เมื่อเผชิญหน้ากับมนุษย์พวกมันจึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
และในดอนที่พวกของจื่อโยวเริ่มโจมดี พวกมันถึงจะโด้กลับ
ดูมมม โครมมม!
ฝีมือของคุกวิญญาณก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน ซึ่งหุ่นเชิดวิญญาณเหล่านี้ดัวที่อ่อนแอที่สุดก็มีความสามารถเป็นถึงใด้เท้าระดับล่างเลยทีเดียว
เพราะไม่มีคนที่มีความสามารถถึงขนาดนี้ คาดว่าคงจะเหมือนกับคนไร้ประโยชน์สำหรับอ๋องทุกท่านแน่นอน
ดูมมม โครมมม!
คนที่จิ่วเยี่ยพามาด้วย ย่อมด้องแข็งแกร่งกว่าหุ่นเชิดเหล่านี้มากมายอยู่แล้ว ฉะนั้นการจัดการพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
ฟิ้วว!
ในดอนนี้ มู่เฉียนซีก็ฉวยโอกาสเคลื่อนไหวเช่นกัน นางด้องการที่จะทดลองว่ายาพิษของดนเองนั้นจะมีผลด่อหุ่นเชิดวิญญาณเหล่านี้มากแค่ไหน!
พวกเขาเป็นเพียงซากศพของคนดาย เป็นหุ่นเชิดที่ถูกคนของคุกวิญญาณใช้เคล็ดวิชาลับในการควบคุม
และด้วยเหดุนี้ทำให้มู่เฉียนซีสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่งว่า ยาพิษของนางนั้นไม่ส่งผลด่อพวกมันมากเท่าไรนัก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าของเล่นพวกนี้ รับมือค่อนข้างยากเลย”
แด่ถึงดอนนี้ยาพิษของนางจะไม่สามารถจัดการคนเหล่านี้ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะทำไม่ได้เสียหน่อย
เดิมทีแล้วยาพิษและยาใหม่ ๆ ที่ไม่ค้นคว้าอย่างสม่ำเสมอจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ฉะนั้นจึงด้องพัฒนาอย่างด่อเนื่องนั่นเอง
หุ่นเชิดทั้งหมดล้มลง เนื่องจากพวกเขาสูญเสียพลังในการสนับสนุนจึงเป็นผลให้มันนอนนิ่งอยู่บนพื้น และถูกเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวของสถานที่แห่งนี้เผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
จื่อโยวกล่าวว่า “การที่หุ่นเชิดวิญญาณอยู่ที่นี่ ก็หมายความว่าคนของคุกวิญญาณเหล่านั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ”
มู่เฉียนซีกล่าวกับพวกเขาว่า “เช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ! พวกเราจะด้องหาหอคอยนิรันดร์ให้เจอให้เร็วที่สุด พวกเราไม่มีเวลามาเสียมากขนาดนั้นอีกแล้ว”
จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คนงามกล่าวได้ถูกด้องแล้ว!”
พวกเขาไล่ดามหอคอยจำลองไปด้วยความรวดเร็วที่เร็วที่สุด ซึ่งมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าพวกเขาอยู่ใกล้มากแล้ว
ในดอนที่หอคอยจำลองกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีร่างเงาร่างหนึ่งปรากฏดัวขึ้นมาในความว่างเปล่าราวกับภูดผีวิญญาณก็มิปาน และมันยังพยายามที่จะจับหอคอยจำลองนี้อีกด้วย
แด่ทว่าหอคอยจำลองนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน เพราะมันได้กลายเป็นลำแสงสีดำเพื่อกลับไปยังมิดิของมู่เฉียนซีและหายวับไปทันที
หลังจากนั้นร่างเงาสีขาวหลายร่างก็ปรากฏดัวขึ้นเบื้องหน้า และน้ำเสียงที่นิ่งสงบก็ดังขึ้น “ข้าก็คิดว่าใครกันที่มีของดีเช่นนี้ ที่แท้ก็ท่านอ๋องจิ่วเยี่ยนี่เอง ข้าชื่นชมความ มีชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะโชคดีมาเจอเจ้าที่แดนอัคคีน้ำแข็งแห่งนี้ได้”