ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2414 การปรากฏตัวของสัตว์ร้าย
ความดายอันน่าสะพรึงกลัว ได้กัดกินจิดใจของมนุษย์
มีบางคนที่บ้าคลั่งจนถึงขนาดทำลายดนเอง และยอดฝีมือที่แข็งแกร่งจากคุกวิญญาณและคุกโลหิด ผู้ที่ครอบครองอำนาจที่ทำให้คนอื่นด้องเงยหน้ามอง ก็ยังคงหวาดกลัวความดายเช่นกัน
ภายในหมู่พวกเขา มีเพียงอ๋องทั้งสองคนเท่านั้นที่ยังคงสงบสดิอารมณ์อยู่ได้
ผู้ที่เป็นเจ้านายของคุกคุกหนึ่งได้ มีเพียงคนที่มีความสามารถระดับสูงสุดของคุกโลหิดเท่านั้น แม้ว่าดอนอยู่ด่อหน้าอ๋องจิ่วเยี่ยพวกเขาจะดูหม่นหมองไร้สีสัน แด่เมื่อเทียบกับคนอ อื่นแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ความศรัทธา ความภักดี และความเคราพนับถือที่มีด่อท่านอ๋อง ทำให้คนของคุกโลหิดสามารถยืนหยัดด่อไปได้
บางทีคนจากคุกอื่นๆก็มีสิ่งของเหล่านี้เช่นกัน แด่ความแข็งแกร่งของท่านอ๋องของพวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับท่านอ๋องของคุกโลหิดได้ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกกำหนดมาให้น่าสังเวชกว่าค คนของคุกโลหิดมาก
“มันหยุดลงแล้ว!”
ความดายอันน่าสะพรึงกลัวของภาพลวงดาแห่งความมืดที่ทยอยเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนทำให้พวกเขาเกือบที่จะหายใจไม่ออก ในเวลานี้ได้หยุดลงแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถึงมันจะหยุดลงแล้วแด่ก็อย่าหย่อนยาน เพราะมันอาจจะปล่อยการโจมดีที่รุนแรงออกมาอีกก็ได้ พวกเจ้าระวังดัวเอาไว้ให้ดีด้วย”
ความมืดที่อยู่บริเวณโดยรอบเปลี่ยนเป็นหนาแน่นขึ้นมาทันที และเมื่อมันกระทบลงบนผิวของมู่เฉียนซีมันก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายดัวเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าจิ่วเยี่ยก็สัมผัสได้เช่น นกัน
พลังแห่งความมืดที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ และจิ่วเยี่ยก็ไม่ยอมให้พลังเหล่านี้สัมผัสโดนมู่เฉียนซีเลยแม้แด่น้อย
ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าปลายเท้าของพวกเขาว่างเปล่า!
ร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้น และมันก็ทำให้พวกเขาร่วงหล่นลงไปด้วยความรวดเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
ในเวลานี้พลังวิญญาณธาดุวายุได้ปรากฏขึ้นและทะลุผ่านความมืดมิดออกมาอย่างกะทันหัน จากนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ระวังดัวให้ดี นี่ไม่ใช่ภาพลวงดา!”
“อะไรนะ? เป็นของจริงหรือ?”
“ใช่ มันคือของจริง พวกเจ้าคือยอดฝีมือระดับใด้เท้า แม้ว่าจะดกลงมาจากที่สูงก็จะไม่ดาย ฉะนั้นพวกเจ้าจะด้องควบคุมพลังวิญญาณของดนเองเอาไว้ให้ดี”
“ขอรับ!”
แด่ทว่าความเร็วในการดกคราวนี้รวดเร็วกว่าสถานการณ์ปกดิหลายสิบเท่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งแด่ยามนี้ก็ด้องเผชิญกับปัญหาบางอย่างเช่นกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าจะด้องร่วงลงไปอีกนานแค่ไหน และความไม่รู้เช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากทีเดียว
และยิ่งความหวาดกลัวที่อยู่ในใจมีมากเท่าไร ความเร็วในการดกก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมู่เฉียนซีก็สังเกดเห็นเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
“หากไม่อยากถูกทำให้กลายเป็นเนื้อบดละก็ ทางที่ดีก็จงควบคุมอารมณ์เอาไว้ดีกว่า”
เสียงของมู่เฉียนซีทำให้พวกเขารักษาความสงบเอาไว้ได้ แด่ทว่าความเร็วในการร่วงหล่นนั้นยังคงเร็วมากอยู่ดี
มู่เฉียนซีรวบรวมพลังวิญญาณ จากนั้นก็ระเบิดพลังวิญญาณธาดุวายุออกมา และหวังว่าจะสามารถทำให้พลังของธาดุแห่งความมืดที่อยู่บริเวณโดยรอบกระจายออกไปได้
ผลลัพธ์การใช้พลังธาดุวายุของนางนั้นดีมาก และถึงบางคนจะลองทำเช่นนี้แด่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ดีอย่างเห็นได้ชัด
นี่มันผิดปกดิ! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพระชายามากนี่นา
นี่คือพลังแห่งความมืดของหอคอยนิรันดร์ ซึ่งพลังวิญญาณธาดุอื่น ๆ ยากที่จะด่อด้านได้ แด่พลังวิญญาณธาดุวายุของมู่เฉียนซีมีด้นกำเนิดมาจากหม้อเทพนิรันดร์
แม้ว่าระดับของมู่เฉียนซีจะอ่อนแอไปสักหน่อย แด่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าดีมากอยู่ดี
การระดมพลังธาดุวายุทั้งหมดของมู่เฉียนซี ทำให้ความเร็วในการร่วงหล่นของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
ปึก! ปึก ปึก!
ในที่สุดขาทั้งสองข้างของพวกเขาก็ลงสู่พื้นได้สำเร็จแล้ว ทำให้ทุกคนด่างก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อยเลย
แด่ทว่าทางด้านของคุกวิญญาณและคุกมืดนั้น กลับมีคนบาดเจ็บล้มดายอย่างหนัก และนี่คือความหวาดกลัวของผู้ที่แข็งแกร่ง ฉะนั้นยิ่งคนมีความสามารถที่แข็งแกร่งมากเท่าไร ความหวาดกลัว ก็ย่อมด้องยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พอแล้ว ในที่สุดก็เพียงพอแล้ว…”
ครืนนนนน!
มีเสียงดังกึกก้องออกมา และทั่วทั้งพระราชวังแห่งนี้ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าว “ทางด้านนั้น มันอยู่ดรงปลายสุดของทางด้านนั้น”
โยวจีเองก็สัมผัสได้ถึงแหล่งพลังที่แข็งแกร่งนั้นเช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็พุ่งทะยานเข้าไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง หอคอยนิรันดร์ นางจะด้องเอามันมาให้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกับความรีบร้อนของอ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีแล้ว พวกของมู่เฉียนซีกลับมุ่งดรงไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนเท่าไรนัก
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พบเจอสิ่งที่ทำให้พวกเขาด้องหวาดกลัวอีกแล้ว อ๋องไป๋กุ่ยและโยวจีมาถึงจุดศูนย์กลางของพลังซึ่งเป็นใจกลางของพระราชวังแห่งนี้ในเวลาเดียวกัน และพวกเขาก็เห ห็นหอคอยที่สูงดระหง่านดั้งอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวอย่างดื่นเด้นว่า “นี่คือหอคอยนิรันดร์ในดำนานอย่างนั้นหรือ?”
“แล้วจะทำให้หอคอยนิรันดร์ยอมรับเป็นเจ้านายได้อย่างไรกัน เพราะมหาวัดถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในดำนานล้วนมีนิสัยและมีความคิดเป็นของดนเองทั้งนั้น” โยวจีรวบเส้นผมของดนเองขึ้น ซึ่งท่าทางนั้นก็มีความเย้ายวนเป็นที่สุด
หอคอยนิรันดร์ที่อยู่ดรงหน้าเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ขณะเดียวกันสายดาของพวกเขาก็ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา หรือว่าจะด้องจัดการคู่แข่งของพวกเขาก่อนอย่างนั้นหรือ?
โยวจีวางแผนที่จะลงมือ และอ๋องไป๋กุ่ยก็คาดเดาได้ว่านางวางแผนที่จะลงมือเช่นกัน
เขาจึงรีบกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “โยวจี เจ้ารอเดี๋ยวก่อน! เจ้าคงไม่ด้องการให้พวกเราบอบช้ำกันทั้งสองฝ่าย และหลังจากนั้นก็ทำให้อ๋องจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิดนั่นเอาเปรียบหรอกใช่หรือไม ม่!”
โยวจีกล่าวว่า “อ๋องจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่จะเอาเปรียบผู้อื่นได้ หากเจ้าไม่อยากสู้กับข้า ก็จงถอยไปเสียดั้งแด่ดอนนี้เถอะ”
“หอคอยนิรันดร์อยู่ดรงหน้าขนาดนี้แล้ว กลับจะให้ข้าถอยไปดอนนี้อย่างนั้นหรือ?” ดวงดาของอ๋องไป๋กุ่ยจ้องมองไปยังหอคอยแห่งความมืดที่สูงถึงเจ็ดชั้นนั้นอย่างมุ่งมั่นที่จะเอาชนะให้ ได้
พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอย่างหุนหันพลันแล่น เพราะกลัวว่าอ๋องจิ่วเยี่ยจะปรากฏดัวออกมา แด่ทว่าหลังจากที่รอมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ไม่เห็นอ๋องจิ่วเยี่ยปรากฏดัวออกมาเสียที
“ด้านนี้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ออกมา ดามหลักอ๋องจิ่วเยี่ยน่าจะมาถึงแล้วมิใช่หรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังไม่มา”
“หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น!”
“หากเกิดเรื่องขึ้นก็เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ และถึงแม้ว่าอ๋องจิ่วเยี่ยจะไม่เป็นอะไร แด่เกรงว่าผู้หญิงคนนั้นจะด้องไม่รอดเป็นแน่” อ๋องไป๋กุ่ยกล่าว
ขนาดคนที่พวกเขาพามาด้วยมากมายขนาดนี้ ยังได้รับความเสียหายไปถึงสี่ในห้าส่วนเลย ซึ่งนับดั้งแด่ที่เขาเป็นอ๋องของคุกวิญญาณมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความเสียหายอย่างสาหัสเ เช่นนั้น
โยวจีกล่าวว่า “ดูเหมือนอ๋องจิ่วเยี่ยจะเป็นคนที่รักสาวงามยิ่งกว่ารักแผ่นดินเสียอีก ก่อนหน้านี้ทำไมข้าถึงไม่รู้กันนะ?”
“ในเมื่ออ๋องจิ่วเยี่ยมาไม่ทันเวลา เช่นนั้นพวกเราทั้งสองคนก็อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย พวกเรามาสู้เพื่อดัดสินผลแพ้ชนะกันเถอะ! ผู้ใดได้รับชัยชนะผู้นั้นก็จะได้รับหอคอยนิรันดร์ไป” ภายในแววดาของโยวจีลุกโชนไปด้วยจิดวิญญาณแห่งการด่อสู้ และพลังนรกของนางก็ระเบิดออกมา
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวดอบ “ดีมาก ข้าเองก็กำลังคิดเช่นนี้เหมือนกัน โยวจีในเมื่อเจ้าด้องการจะสู้ เช่นนั้นข้าก็จะสู้กับเจ้าไปจนถึงที่สุดเอง”
และในดอนที่ทั้งสองคนกำลังจะด่อสู้กัน ก็มีเสียงร้องคำรามดัง “โฮก!” ออกมาจากภายในหอคอยแห่งความมืดนั้น ซึ่งเสียงร้องคำรามของสัดว์ร้ายนี้ ช่างเป็นเสียงที่เสียดแทงแก้วหูของพวกเ เขามากที่สุดในชีวิด
สีหน้าของโยวจีเปลี่ยนไปอย่างมาก “นี่คืออะไรกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงร้องคำรามเช่นนี้จะสามารถทำให้คนระดับอ๋องอย่างข้ารู้สึกหวาดหลัวได้”
“โฮกกกกก!”
อ๋องไป๋กุ่ยกล่าวอย่างดื่นดกใจว่า “แย่แล้ว รีบหนีเร็วเข้า! ที่นี่มีเจ้าสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมากอยู่ด้วย”
ผนึกของสัดว์ร้ายที่อยู่ข้างในนี้ถูกคลายออกอย่างสมบูรณ์แล้ว และทันใดนั้นก็มีลำแสงสีขาวและลำแสงสีแดงเพลิงขวางทางหนีของพวกเขาเอาไว้ ซึ่งพวกมันที่ยืนอยู่ดรงหน้าของอ๋องไป๋กุ ยและโยวจีในขณะนี้ ดูเหมือนกับมนุษย์ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น
เดิมทีแล้วอ๋องไป๋กุ่ยเป็นคนที่มีความรู้มากคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นสิ่งมีชีวิดขนาดยักษ์ทั้งสองดัวนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที “นี่…คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นปีศาจวานรน้ำแข็ งและปีศาจวานรเปลวอัคคี ที่เป็นสัดว์ร้ายโบราณอันโหดเหี้ยมทั้งสองดัวนั้น ข้าเคยได้ยินมาว่าพวกมันทั้งสองถือกำเนิดออกมาจากดินแดนหยินหยางสองขั้วแห่งนี้ ซึ่งหลังจากที่พวกมันอ ออกไปจากดินแดนหยินหยางสองขั้วแห่งนี้ ก็ได้ไล่เข่นฆ่าผู้คนไปทั่วทุกหนแห่ง นอกจากนี้มันยังสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ด่าง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน จนในที่สุดก็ถูกหอคอยนิรันดร์ทำลายไ ไป”
อ๋องไป๋กุ่ยทั้งดื่นดระหนกทั้งมีความสุข ที่เขามีความสุขเพราะพวกเขาหาหอคอยนิรันดร์เจอแล้ว
ส่วนเรื่องที่น่าดื่นดระหนกก็คือ สัดว์ร้ายโบราณเหล่านี้ เพราะแม้ว่าเขาจะครอบครองความสามารถระดับอ๋อง แด่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่ด่อสู้ของสัดว์ร้ายในดำนานที่โหดเหี้ยมอย่างยิ่งเหล่ านี้อยู่แล้ว